เมื่อวานนี้ ผมทิ้งท้ายไว้ว่า ส่วนบุคคลประเภทไหน หรือสาขาอาชีพใด จึงจะสามารถเข้าร่วมโครงการของมูลนิธิมั่นพัฒนาได้ และมีวิธีการอย่างไร เพื่อให้ได้คนมาเข้าร่วมโครงการนี้…พรุ่งนี้ผมขอต่ออีกตอนหนึ่งนะครับ !

วันนี้ขอเรียนให้ทราบต่อนะครับ โดยจะขอเริ่มที่วัตถุประสงค์ของโครงการก่อน ซึ่งประกอบด้วย

1.เพื่อให้ผู้นำชุมชนต้นแบบที่มีความพร้อมและยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้พัฒนา ศักยภาพของตนเองผ่านความรู้ที่สร้างผู้นำทางปัญญาเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของชีวิต  สามารถนำเนื้อหาและประสบการณ์ที่ได้ไปแก้ไขปัญหาของตนเองได้ตรงกับปัญหาที่ แท้จริง เป็นรูปธรรม สามารถต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่สมดุล จนเกิดความยั่งยืนในอนาคต

2. ผู้นำชุมชนต้นแบบที่ผ่านการอบรมแล้ว  สามารถเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากการอบรมไปสู่คนในชุมชน  ชุมชนข้างเคียง  และผู้สนใจจากองค์กรภาคีอื่นๆ เกิดเป็นเป็นเครือข่ายชุมชนที่มีคุณค่าทางปัญญาสูง สามารถขับเคลื่อนสังคมรอบข้างไปสู่สังคมแห่งปัญญาที่สมดุลได้

3. เกิด Model ต้นแบบของการพัฒนาศักยภาพผู้นำชุมชนให้มีคุณค่าทางปัญญาสูง ที่องค์กรภาคี เครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถนำไปขยายผลสู่สังคมในวงกว้าง เพื่อยกระดับสังคมปัจจุบันเป็นสังคมคุณภาพในอนาคต

ซึ่งวัตถุประสงค์ไม่ต่างไปจากโครงการฝึกอบรมผู้นำแห่งยุคเพื่อความสุขที่ยั่งยืน ที่มูลนิธิบุคคลพอเพียงจัดขึ้นเลยนะครับ และด้วยเหตุนี้ ทีมวิชาการจากโครงการพลังปัญญา จึงเข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการอบในโครงการ “พลังปัญญา (POWER OF WISDOM)” ซึ่งในปี 2559 เปิดอบรมเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีดังนี้ต่อไปนี้ครับ

1.มีความเป็นผู้นำ และทักษะในการสื่อสาร สามารถทำการเผยแพร่ และมีความพร้อมที่จะถ่ายทอดเพื่อขยายผลองค์ความรู้จากการอบรมสู่ชุมชน อายุ 30-55 ปี และภูมิลำเนาอยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมต้นหรือเทียบเท่ามีประสบการณ์การทำประโยชน์เพื่อสังคมตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

มีผู้รับรองจากต้นสังกัด (ผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า 1 ขั้น ทั้งที่หน้าที่เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่สำเร็จการอบรมรุ่น 1 เป็นผู้รับรอง) โดยไม่จำกัดจำนวนการส่งรายชื่อ การคัดเลือกขั้นสุดท้าย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการผู้คัดเลือก ในการอบรมครั้งแรก จำนวนผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 300 คน

2. ผู้สมัครที่ได้รับการพิจารณาในเบื้องต้นก่อน จะอยู่ในกลุ่มอาชีพ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ครู-อาจารย์ ครูทหาร พระ อบต. อบจ. อสม. พัฒนาชุมชน ปราชญ์ ผู้นำชาวบ้าน สื่อท้องถิ่น กลุ่มที่เคยได้รับรางวัล เช่น ปราชญ์ดีเด่นฯ หรือ มูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับงานการพัฒนาชุมชน

หลังจากผ่านการคัดเลือกด้วยการทดสอบความรู้แล้ว ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องใช้เวลาอบรมตลอดทั้งปี ในระยะเวลาอย่างน้อยเดือนละ 2 วัน แต่ไม่เกิน 4 วัน และมีความพร้อมสำหรับการเดินทางไปดูงานในประเทศ ..นอกจากนี้ทางโครงการยังมีแผนงานที่จะพาผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดใน 30 อันดับเดินทางไปดูงานในต่างประเทศด้วย

นี่คือข้อมูลเบื้องต้นสำหรับโครงการสร้างผู้นำของมูลนิธิมั่นพัฒนา ที่ใช้พลังปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งความคืบหน้าต่าง ๆ ของ พลังปัญญานี้ ผมจะได้นำเสนอให้ทราบต่อไปเป็นระยะ ๆ ครับ