ผมเห็นความพยายามของ คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ที่ต่อสู้กับพวกโกงกินทั้งที่เป็นข้าราชการ นักการเมือง ไปจนถึงกลุ่มพ่อค้าด้วยกันมานานแล้ว

จึงขอ แสดงความชื่นชม และขอกราบขอบคุณท่านและคณะทำงานมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ แม้ว่าการทำงานของท่านอาจจะยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะองค์กรของท่านเหมือนยักษ์ที่ไม่มีกระบอง

ที่ผม เข้าใจอย่างนั้น เพราะผมเองก็มี กลุ่มไทยอาสาตรวจงานแผ่นดิน (ทส.ตง.) ที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ ที่ไม่สลับซับซ้อนนักก็ยังเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ

วานนี้ (25 ส.ค.59) คุณประมนต์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสถานการณ์การคอร์รัปชั่นในไทยว่า สถิติการโกงอาจน้อยลงแต่ก็ใช่ว่าจะหมดไปง่าย ๆ เพราะพวกที่อยู่ในขบวนการคอร์รัปชั่นในไทย

ซึ่งท่าน ระบุว่ามีทั้งข้าราชการ นักการเมือง และผู้ประกอบการบางราย ปรับกลยุทธ์การโกงมากขึ้น อย่างในระบบราชการตั้งแต่ระดับซี 3-4 ขึ้นไปจนถึงระดับสูงใช้ดึงเรื่องเอาไว้ หากไม่จ่ายใต้โต๊ะงานก็ไม่เดิน

ซึ่งวิธี การจ่ายเงินใต้โต๊ะหรือบนโต๊ะ ที่เกิดจากความพอใจของข้าราชการและความเต็มใจของผู้ไปติดต่อนั้นล้วนเป็น วิธีการเก่าแก่หรือเป็นการคอร์รัปชั่นขั้นพื้นฐานครับ ไม่ใช่เรื่องการปรับกลยุทธ์การโกงแต่อย่างใด

ท่านบอกว่า ขณะนี้ทางองค์กรจะเร่งหารือกับผู้เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป – ซึ่งผมไม่ทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องที่ท่านเอ่ยถึงนั้นหมายถึงใคร ตัวข้าราชการ นักการเมือง หรือผู้ประกอบการ หรือรัฐบาล

หากเป็น คน 3 กลุ่มแรกก็ป่วยการเปล่าครับ คือเมื่อท่านขอความร่วมมือไปว่า อย่าโกงกันให้มากนัก คนพวกนั้นก็คงจะพยักหน้ารับคำ แต่ลับหลังท่านก็คงจะโกงกันอีก โกงแบบพื้น ๆ นั่นแหละครับ

วันนี้ แม้จะมีกฎหมายออกมาคาดโทษคนโกง แต่คนโกงก็ไม่เกรงกลัวเพราะถ้าไม่มีพยานหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา โอกาสที่จะหลุดรอดจากการจับกุม หรือถูกลงโทษก็มีอยู่มากมาย

ผมมีข้อ เสนอที่ขอฝากให้ท่านได้พิจารณาเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ทำเหมือนประเทศเกาหลีใต้ ที่ออกกฎหมายให้ข้าราชการที่พบเห็นข้าราชการด้วยกันโกง แล้วแจ้งจับได้สิครับ อาจทำให้คนโกงเกิดความหวาดกลัวได้

เพราะใน แต่ละหน่วยงานนั้น ย่อมจะต้องมีคนดีที่เกลียดการโกงกินอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย แต่เขาเหล่านั้นไม่กล้าแจ้งความเอาผิดคนที่กำลังโกงกินหรือคอร์รัปชั่นอยู่ ต่อหน้าต่อตา เพราะเกรงจะถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจมากกว่า

หากท่าน เห็นด้วย ท่านก็ควรจะเสนอไปยังรัฐบาล คสช.เพื่อให้ฝ่ายกฎหมายร่างกฎหมายที่ว่านี้เสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่ง ชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

และเพื่อ ป้องกันมิให้เกิดการกลั่นแกล้งกันเองในหมู่ข้าราชการ ในกฎหมายฉบับเดียวกันนี้ ก็ควรมีบทลงโทษสำหรับข้าราชการที่แจ้งความเท็จ หรือกลั่นแกล้งคนอื่นให้หนักหน่วงเอาไว้ด้วย

ผมเชื่อ ว่า หากมีกฎหมายในลักษณะนี้ขึ้นมา การที่ข้าราชการคนใดคนหนึ่งจะเรียกรับผลประโยชน์จากคนอื่น ๆ ก็คงจะไม่กล้าทำ เพราะทุกเรื่องต่างมีเพื่อนร่วมงานรับรู้ทั้งสิ้น

เหมือน ที่ท่านบอกนักข่าวนั่นแหละครับว่า การคอร์รัปชั่นเริ่มลดลง แต่ที่ยังไม่หมดไปเพราะยังมีคนกล้าเสี่ยง เหมือนโจรปล้นทรัพย์นั่นแหละครับ หากตำรวจจับไม่ได้ก็สบายไปนั่นเอง !