กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานราชการที่มีเครือข่ายใหญ่โต มีสำนักงานชลประทานอยู่ในเกือบทุกจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดหาน้ำเพื่อการเพาะปลูกให้แก่เกษตรกรในแต่ละ พื้นที่

จึงไม่แปลกที่ในแต่ละปี กรมชลประทานจะเขียนแผนงานเพื่อขอเงินงบประมาณประจำปี “เพิ่มขึ้น” เรื่อย ๆ และไม่เพียงเท่านั้น กรมชลประทานยังใช้วิธี “ตอดเล็ก-ตอดน้อย” งบประมาณอีกด้วย

ซึ่งการ “ตอดเล็ก-ตอดน้อย” เงินงบประมาณของกรมชลประทานนั้น มักจะได้รับอนุมัติจากรัฐบาลทุกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพลเรือน หรือแม้แต่ รัฐบาล คสช. ในขณะนี้

เป็นเช่นนั้น เพราะกรมชลประทาน “มีหน้าที่หลัก” คือ หาน้ำให้เกษตรกรทำนา และ “มีหน้าที่รอง” คือ บริหารจัดการน้ำ ไม่ให้เกิดน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่เกษตรกรรมทั้งประเทศ

กรมชลประทานจึงเหมือนกับคน “ถือไพ่” เหนือกว่ารัฐบาลทุกชุด เพราะทุกรัฐบาลต่างเกรงว่าหากน้ำไม่พอทำการเกษตรหรือเกิดน้ำท่วม ชาวบ้านจะด่ารัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้

แต่ก็น่าแปลกนะครับ ที่กรมชลประทานได้เงินงบประมาณไปเป็นจำนวนมาก ทั้งงบประมาณประจำปี และ  งบ “ตอดเล็ก-ตอดน้อย” ระหว่างปีคือช่วงที่มีปัญหาเฉพาะหน้า

แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีน้ำทำนา บางปีแล้งเป็นเวลานานหลายเดือน และ บางปีก็เจอน้ำท่วมจนได้รับความเดือดร้อนต่าง ๆ อย่างที่เรา-ท่านเห็นข่าวมาแล้ว

แทนที่กรมชลประทานจะเร่งหาทางแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม อย่างเป็นระบบ คิดหาวิธีการใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา เช่นการขุดคลองระบายหรือเก็บกักน้ำใหม่ ๆ เป็นต้น

ผู้บริหารกรมชลประทานกลับฉวยโอกาส “ขอเงินจากรัฐบาล” เพื่อนำไปจ้างเกษตรกรให้ซ่อมประตูน้ำ ซ่อมอาคารที่ทำการหรือแจกเงินให้เปล่า ๆ ด้วยข้ออ้าง “ชดเชยที่เพาะปลูกไม่ได้”

ซึ่งการช่วยเหลือเกษตรกรในลักษณะนั้น อาจทำให้เกิดการรั่วไหล หรือเกิดการทุจริตได้ไม่ยาก เนื่องจากรัฐบาลแจกเงินบ่อยจนชาวบ้านไม่นึกว่าจะได้รับแจกอีก จึงไม่ไปรับ (ฮา)

ผมเคยเรียกร้องให้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยื่นมือเข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของ กรมชลประทาน ว่าในแต่ละปีได้นำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์ไหม

เพราะผมเสียดายเงินที่ภาษีอากรของประชาชนที่อาจถูก กรมชลประทานนำไปถลุงปีแล้วปีเล่าอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะถ้าได้ประโยชน์จริง ปัญหาน้ำท่วม-ภัยแล้ง คงทุเลาเบาบางลง

ผมไม่นึกหรอกครับว่า คำเรียกร้องของผมจะสัมฤทธิ์ผล จนกระทั่งทราบว่ารายการคอลัมน์หมายเลข 7 ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ได้รายงานข่าวให้ทราบว่า สตง.ได้ให้ความสนใจการใช้จ่ายเงินของกรมชลประทาน

รายการดังกล่าวรายงานว่า คุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวของรายการได้เดินทางไปตรวจสอบการทำงานของวิศวกรชลประทานที่บ้านขนุน 2 จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.59

ที่นั่นกรมชลประทานได้ทำสัญญาจ้างเอกชนให้ก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อม ระบบส่งน้ำภายใน 120 วัน มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท เริ่มงาน 8 มี.ค.59 ถึง 5 ก.ค.2559

ปรากฏว่าโครงการนี้ตรวจรับงานครั้งสุดท้ายวันที่ 27 มิ.ย.59 จากนั้นเพียง 2 วัน ก็เบิกจ่ายเงินจนครบให้เอกชนวันที่ 29 มิ.ย.59 ทั้งที่งานก่อสร้างยังไม่เสร็จอีก 6 รายการจากทั้งหมด 14 รายการ ค่างานส่วนนี้กว่า 5,800,000 บาท

จากการซักถามวิศวกรที่ควบคุมงานของ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เจ้าหน้าที่โครงการยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าจะเร่งให้เอกชนก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่มีการส่งมอบงานแล้ว…

นั่นคือเนื้อหาสาระที่รายการคอลัมน์หมายเลข 7 ที่ผมสรุปได้ ซึ่งแม้ว่าจะดูกระท่อนกระแท่น แต่ก็ยังดีที่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ แล้ว

ผมจึงหวังว่า การตรวจพบข้อพิรุธจากการใช้จ่ายเงินของกรมชลประทานที่ศรีสะเกษของ สตง.ครั้งนี้ คงจะทำให้ คุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ฉุกคิด

และ ให้ความสนใจการใช้เงินงบประมาณของ กรมชลประทาน มากขึ้น ถึงขั้นตั้งคณะทำงานติดตามการใช้เงินของกรมชลประทานอย่างเอาจริงเอาจริงต่อ ไปนะครับ

หากเป็นไปได้ ขอฝาก คุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ประสานงานกับ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของผู้บริหารกรมชลประทาน ย้อนหลังไปสัก 3 – 4 คน

เราอาจได้ข่าวใหญ่เหมือนอดีตอธิบดีกรมทางหลวงคนหนึ่ง ที่มีเงินงอกมาจากรายได้ประจำ จนไม่สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนอีกก็ได้ครับ !

…………

วันที่ 27 พฤษภาคม 2559 ผมเขียนไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า

“กราบ เรียนมายัง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชากโดยตรงของ กรมชลประทาน ด้วยความเคารพครับ

ขอความกรุณาท่าน ได้กรุณาสั่งการให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าไปตรวจสอบการใช้เงินของกรมชลประทานย้อนหลังไปสักปีสองปีด้วยครับ

กรมนี้เขียนแผนเพื่อป้องกันภัยแล้งและน้ำท่วมเหมือนจะวิเศษทุกปี แต่ก็แก้ปัญหาภัยแล้งน้ำท่วมไม่ได้สักที”

เมื่อทราบข่าวนี้ จึงรู้สึกดีใจอย่างยิ่งครับ