ประจวบคีรีขันธ์ - ห้องทรงงานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทรงศึกษา ค้นคว้า วิจัย

ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ รวมทั้งเป็นสถานที่สอนนักเรียนรายการศึกษาทัศน์ รายการของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวล

เป็นอีกหนึ่งสถานที่สมควรที่ประชาชน นักเรียน นักศึกษาจะได้เข้าไปเรียนรู้ถึงพระปรีชาสามารถที่ได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นพระบิดาแห่งฝนลวง

สิ่งสำคัญห้องทรงงานแห่งนี้พระองค์ยังทรงใช้ดินสอไม้ทรงงาน
       
       วันนี้ (29 ต.ค.) นายฉันตี เดชโยธิน ผอ.ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ได้พาชมห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายในศูนย์ฝนหลวงหัวหิน

ตั้งอยู่ในท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ที่ห้องแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งพระองค์ใช้เป็นสถานที่ทรงศึกษา ค้นคว้า วิจัย ทั้งด้านวิชาการ อุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ

ตั้งแต่ปี 2512 รวมทั้งเป็นสถานที่สอนนักเรียนรายการศึกษาทัศน์ ซึ่งเป็นรายการของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โรงเรียนวังไกลกังวล เมื่อปี พ.ศ.2554
       
       ภายในห้องแห่งนี้ได้จัดแสดงทั้งในเรื่องของสารฝนหลวง ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงงาน เช่น แผนที่ เข็มทิศ หรือแม้แต่ดินสอไม้ ที่พระองค์ใช้ทรงงาน และภาพถ่ายต่างๆ

ที่ทรงงานร่วมกับข้าราชการ นักวิชาการ และสอนนักเรียน เกี่ยวกับเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติการฝนหลวงตามตำราฝนหลวงพระราชทาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการพระราชดำริ
       
       นายฉันตี เดชโยธิน ผอ.ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน กล่าวว่า สิ่งสำคัญภายใน ยังมีภาพตำราฝนหลวงพระราชทานที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้น และความหมายที่ขยายความจากแผนภาพด้วยคอมพิวเตอร์จนสำเร็จ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย

ต่อมา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2545 มติคณะรัฐมนตรีในช่วงนั้น ได้ประกาศให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพระบิดาแห่งฝนหลวง
       
       ถัดไปเป็นห้องเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ห้องนี้มีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อยู่ด้านหน้า ผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมสามารถลงนามแสดงความอาลัย

และยังมีรางวัลที่พระองค์ได้รับการถวาย และประกาศเกียรติคุณยกย่องจากประเทศต่างๆ กับผลงานสิ่งประดิษฐ์คิดค้นโครงการฝนหลวง

รวมทั้งพระองค์ยังได้จดสิทธิบัตรฝนหลวงทั้งในประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ในปี พ.ศ.2545-2546 และยังได้รับการยกย่องให้พระองค์ท่านเป็นพระบิดาแห่งฝนหลวง
       
       ภายในเป็นนิทรรศการด้านพระปรีชาสามารถในเรื่องการการศึกษา วิจัย ค้นคว้า เรื่องฝนหลวง และขั้นตอนของการปฏิบัติการทำฝนหลวงในขั้นตอนต่างๆ ของพระองค์

รวมทั้งยังมีรูปของหม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรวิศวกรรมในสมัยนั้น รวมทั้งพื้นห้องด้านหน้าทางเข้าชมยัง ทำเป็นลวดลายของพื้นที่ดินที่แตกระแหง ที่บ่งบอกถึงสภาพความแห้งแล้ง
       
       ส่วนบริเวณด้านหน้าทางเข้าจะเป็นเครื่องบินที่ใช้โปรยสารฝนหลวงที่ชาวไร่อ้อยเขต 7 ได้ถวายให้พระองค์ท่าน และทรงเจิมรวม ใกล้กันยังมีการจัดแสดงเครื่องบดสารที่ใช้ทำฝนหลวง
       
       นายพิภวัตร์ ภัทรนาวิก พาครอบครัวเข้ามาเยี่ยมชม และลงนามแสดงความอาลัย พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และกล่าวยอมรับว่า

ภายในบริเวณห้องทรงงาน และห้องนิทรรศการแห่งนี้ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และน่าเรียนรู้ และเข้าชมศึกษาถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ซึ่งพระองค์ได้ช่วยเหลือพสกนิกรที่ประสบปัญหาทั้งภัยแล้ง ด้วยการปฏิบัติการฝนหลวงการเติมน้ำลงในเขื่อน และอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย

และรู้สึกเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว และปลาบปลื้มสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณของพระองค์ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย สามารถทำให้ฝนตกลงมาได้มากกว่าธรรมชาติ
       
       ทั้งนี้ ในวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี จึงเป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ที่ทุกคนจะต้องร่วมกันน้อมรำลึกในพระกรุณามหาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ขอบคุณ MGR Online

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ