(เดินหาหนังสือพิมพ์หลายร้านในห้างดังปรากฏว่า ไม่มีวางจำหน่าย จนมาหาซื้อได้จากแผงใกล้บ้าน แม่ค้าบอกว่ามีส่งเจ้าเดียว สาเหตุเพราะสนามบินนครศรีฯ ถูกปิดนั่นเอง)

ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ได้ปิดการให้บริการแล้ว ในวันที่ 6 ม.ค. เป็นต้นมา หลังจากระดับน้ำเริ่มบ่าเข้าท่วมในเขตนิรภัยการบินและมีผู้โดยสารของบางสายการบินตกค้างอยู่ 80 คน เนื่องจากเครื่องบินไม่สามารถลงจอดและเดินทางออกจากสนามบินได้ โดยซึ่งปกติสนามบินแห่งนี้มีเที่ยวบินวันละ 13 เที่ยว ใน 3 สายการบิน ผู้โดยสารประมาณ 4,500 คนต่อวัน

 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชถูกปิดกั้นด้วยกระสอบทรายที่ประตูด้านหน้า เพื่อป้องกันน้ำทะลักเข้าท่วมตัวอาคารโรงพยาบาลอยู่ 2 วัน เนื่องจากในคืนวันพฤหัสที่ 5 ม.ค. มีน้ำท่วมถนนราชดำเนินที่เอ่อล้นจากคลองด้านข้างโรงพยาบาล และพร้อมจะทะลักเข้าในบริเวณโรงพยาบาลซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำกว่า

วันที่ 7 มกราคม ก็เปิดประตูด้านหน้าเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าออกอย่างสะดวก

(สภาพน้ำทะลักผ่านกระสอบเข้ามาในบริเวณภายในโรงพยาบาลในเช้าวันที่ 6 ม.ค.)

(จนท.โรงพยาบาลต้องปีนรั้วเพื่อเข้ามาทำงานในเช้าวันศุกร์ที่ 6 ม.ค.)

(ญาติผู้ป่วยมารุมซื้ออาหารจากผู้ฝากขายที่บริเวณหน้าร้านสหกรณ์ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช)

ในการนี้ ผู้เขียนก็ถือโอกาสตรวจสอบสินค้าในห้างดังที่มีความจำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของประชาชน พบว่าสินค้าหลายอย่างขาดแคลนจนไม่มีวางจำหน่าย เนื่องจากเมื่อน้ำเริ่มลด ประชาชนก็ทะยอยออกมาซื้อหาสินค้าไปใช้สอย ส่วนหนึ่งก็ซื้อไปกักตุนไว้เพราะน้ำยังไม่ลดแห้งลงทันที อาจมีน้ำท่วมรอบใหม่อีกอย่างที่กำลังวิตกกัน

(ในห้างดังมีสินค้าโดยเฉพาะเสื้อผ้า ชุดชั้นใน ที่ลดราคา 50% และสินค้าต่างๆ ที่จำเป็นต่อการบริโภคอุปโภคมีลูกค้ามาซื้อหาจำนวนมากตลอดทั้งวัน จนทำให้สินค้าหมดไปจากชั้นวางสินค้า)

ชั้นวางไข่และน้ำมันพืช 

ชั้นวางข้าวสาร น้ำตาล น้ำมันพืช ที่ว่างเปล่าเช่นเดียวกัน

น้ำดื่ม เป็นสินค้าที่จำเป็นลำดับแรกๆ ที่ต้องซื้อหา ก็แทบจะหมดลงเช่นกัน

(ผัก ผลไม้ สำหรับประกอบอาหาร มีลุกค้าอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่น)

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ถือว่าเป็นวิกฤติอย่างใหญ่หลวง หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นับตั้งแต่ปี 2531 (เหตุการณ์พายุเกย์)ซึ่งทำให้น้ำท่วมภาคใต้ครั้งใหญ่และเป็นวงกว้างแล้ว ก็มีปีนี้ (2560) ที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เพียงแต่ไม่พายุถล่มสร้างความเสียหายเท่ากับพายุเกย์ในครั้งนั้น 

บางคนก็บอกว่า ท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปีตั้งแต่เกิดมา โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช  

สภาพรอบบ้านของผู้เขียน(จขบ.) ก็ถูกน้ำท่วมอย่างที่ปรากฏตามภาพ

น้ำคลองหลังบ้านที่ล้นทะลักเข้ามาภายในตัวบ้าน

น้ำป่าสีขุ่นจากเทือกเขานครศรีธรรราช หรือ เทือกเขาหลวง

ญาตินำเอาอาหารปรุงสำเร็จลุยน้ำที่ค่อนข้างไหลเชี่ยวมาส่ง และเด็กๆ เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน

ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ผู้เขียนวางตาข่ายดักปลารอบๆ ตัวบ้านเสียเลย

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ในครั้งนี้ มีพื้นที่น้ำท่วม 10 จังหวัด 58 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายแสนครัวเรือน คาดว่าหากไม่มีหย่อมความกดอากาศต่ำหรือพายุฝนเข้ามาซ้ำเติม สถานการณ์น่าจะคลี่คลายในอีกไม่กี่วันนี้

...................................................

ขอบคุณ ภาพจากเพจ Rodjana Kampanon