เพลงลูกทุ่งนั้น สามารถนำทำนองต่างท้องถิ่นมาผสมผสานกันได้ เกิดวิวัฒนาการประยุกต์ สร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ เพื่อให้รู้สึกว่าทำนองพื้นบ้านเหล่านั้นไม่ได้หยุดนิ่งในการพัฒนา ขณะเดียวกันก็มีอีกฝ่ายหนึ่งช่วยกันอนุรักษ์ทำนองแท้ของต้นฉบับเดิมเอาไว้อย่างขันแข็ง ซึ่งสำหรับตัวผมมองว่า เป็นเรื่องดีทั้งสองฝ่าย ที่จะแบ่งกันทำหน้าที่สืบสานตรงจุดนี้ ซึ่งจะช่วยให้ทำนองเหล่านี้ไม่เลือนหายไปกับกาลเวลา ตามกระแสนิยมของศิลปินต่างประเทศที่เข้ามาแทรกแซง

     หลายท่านคงจะคงเคยได้ยินผ่านหู สำหรับเพลงที่มีชื่อว่า "บ่กล้าบอกครู (แต่หนูกล้าบอกอ้าย)" ของ เอิ้นขวัญ วรัญญา มาบ้างแล้ว ซึ่งดัดแปลงจากทำนองเพลงซอของภาคเหนือ ชื่อว่าซอละม้าย ผสมกับเนื้อร้องภาษาอีสาน ซึ่งเกือบจะฟังว่าเป็นภาษาเหนือเองเสียด้วยซ้ำ เพราะคำว่า "บ่" และ "อ้าย" นั้นทั้งสองภาคมีความหมายตรงกันพอดี 

     ดั่งเพลงที่ผมนำมาแบ่งปันกันนี้ ชื่อว่าเพลง "ฮักหนุ่มลำปาง" (เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 2548) เป็นการนำทำนองหมอลำ มาผสมกับเพลงลาวลำปาง (เพื่อให้สมกับชื่อเพลงจริงๆ) ได้อย่างกลมกลืน  โดยเริ่มท่อนแรกและท่อนที่สองเป็นจังหวะหมอลำ ผสมกับช่วงท้ายของลาวลำปาง และในท่อนกลาง (บางทีเรียกว่าท่อนแยก ศัพท์วัยรุ่นเรียกว่าท่อน Hook ซึ่งอย่างหลังนี้ไม่เป็นที่ยอมรับของครูเพลงไทยหลายท่าน เพราะท่อนฮุค หมายถึงท่อนเด็ด ถ้าเด็ดตั้งแต่ท่อนแรก จบเพลงก็คงจะน็อคพอดี เพราะโดนไปหลายฮุค) เป็นทำนองช่วงต้นของลาวลำปาง ซึ่งได้พร่ำเพ้อพรรณา "โอ้พี่จ๋า..." ถึงชายหนุ่มลำปาง ซึ่งสาวเวียงพิงค์แห่งเมืองเชียงใหม่ (คนร้อง) มาตกหลุมรักเข้าที่หนองกระทิง (สวนสาธารณะของจังหวัดลำปาง) จนไม่อยากกลับบ้าน

      ฟังเผินๆ เพลงนี้อาจจะร้องยากสำหรับบางคน เพราะอาจจะหลงคีย์ได้ง่ายตรงช่วงรอยต่อของหมอลำและลาวลำปาง เพราะต้องพริ้วและดึงลากทำนอง โดยส่วนตัว ผมชอบเพลงนี้มากเป็นพิเศษ เพราะผม...เป็นหนุ่มลำปาง พอมีสาวสวย มาพร่ำเพ้อพรรณาสารภาพรักกันถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะท่อนที่บอกว่า "ขอฝากชีวินหื้อหนุ่มลำปาง" ก็อดปลื้มไม่ได้เป็นธรรมดา ^.^

     เพลงนี้ขับร้อง โดยน้องตู่ ดารณี อะกะเรือน นักร้องสาวซอสตริง แสนสวยชื่อดังแห่งภาคเหนือ เพลงนี้ทำให้เธอมีแฟนเพลงเป็นหนุ่มลำปางจำนวนมาก และไม่ลืมที่จะร้องทุกครั้งเมื่อมาแสดงคอนเสิร์ตที่จังหวัดลำปาง ที่สำคัญเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้เจอหน้า และได้รู้จักเป็นส่วนตัวกับน้องเค้าด้วย ซึ่งตัวจริงของน้องเค้าเป็นคนมีอัธยาศัยดีมาก น่ารักและเป็นกันเอง ถือเป็นผู้หญิงที่เป็นนิยามแห่งแม่ญิงจาวเหนือแต๊ๆ "ฮักหนุ่มลำปาง" แต่งคำร้องและทำนองโดย อาจารย์สิงค์คำ ชัยศรี ครูเพลงซอชื่อดังแห่งภาคเหนือ เพลงนี้มีนักร้องชายร้องแก้ด้วย ชื่อว่าเพลง "ฮักสาวเวียงพิงค์" ขับร้องโดย เสมา เมืองเม็งราย ซึ่งในขณะนั้นอยู่ค่ายเพลงเดียวกับน้องตู่นั่นเอง

     "ฮักหนุ่มลำปาง" จะมีความไพเราะเพียงใด ลองฟังดูครับ... (กดปุ่ม Play ที่กลางจอวีดีโอ)

เพลง ฮักหนุ่มลำปาง
ศิลปิน ตู่ ดารณี

คิดถึงแต่เมืองลำปาง คนใจ๋งามเขลางค์นคร
สุดอาลัยอาวรณ์ ตอนตี้น้องเกยได้แอ่วมา
ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ผ่อแล้วจ้างพาสุขสันต์
ค่ำคืนนี้ เหม่อมองแสงจันทร์นวลงาม
มองเงาแสงจันทร์กระจ่าง สวรรค์ริมวังยามฟ้าราตรี

เจออ้ายตี้หนองกระทิง สาวเวียงพิงค์ยังคร่ำครวญหา
เจ้าแม่สุชาดา พระแม่จ๋าแม่จงปรานี
ขอจ้วยหื้อเป๋นสักขี หื้อลูกนี้ดั่งจุดประสงค์
ขอกราบวิงวอน ขอหื้อบุญหนุนส่ง
ลำปางถิ่นนี้มีมนต์ ขออยู่บ้านดง ใกล้หนองกระทิง

* เกย...นั่ง บนรถม้า
โอ้...พี่จ๋า สัญญาฮักจริง
ไค่ยกน้ำวังนั้นไปเปาะน้ำปิง
น้องอู้แต๊ๆ ลูกสาวแม่ระมิงค์
ขอฝากชีวิน หื้อหนุ่มลำปาง

** ความฮักของน้องยาวนาน เหมือนหนตางเหมือนรางรถไฟ
ฮักบ่มี๋เสื่อมคลาย ฮักป้อจายเต้าดอยขุนต๋าล
ฮักอ้ายชั่วนิจนิรันดร์ แน่นเหนียวล้ำเหมือนฟั่นเจื้อกป๋อ
กอนอ้ายฮักแต้ หื้ออ้ายไปอู้แม่ป้อ
ไปใส่ผีก่อปอ แหวนเพชรสร้อยคอ น้องตึงบ่สน

(ซ้ำ *,**)

***********

(เนื้อเพลงถูกต้อง 100% By Normairai-Proof)

แปลเป็นภาษาไทยกลาง

ฮักหนุ่มลำปาง
(Version ภาษาไทยกลาง)

คิดถึงแต่เมืองลำปาง คนใจงามเขลางค์นคร
สุดอาลัยอาวรณ์ ตอนที่น้องเคยได้เที่ยวมา
ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ดูแล้วช่างพาสุขสันต์
ค่ำคืนนี้ เหม่อมองแสงจันทร์นวลงาม
มองเงาแสงจันทร์กระจ่าง สวรรค์ริมวังยามฟ้าราตรี

เจอพี่ที่หนองกระทิง สาวเวียงพิงค์ยังคร่ำครวญหา
เจ้าแม่สุชาดา พระแม่จ๋าแม่จงปรานี
ขอช่วยให้เป็นสักขี ให้ลูกนี้ดั่งจุดประสงค์
ขอกราบวิงวอน ขอให้บุญหนุนส่ง
ลำปางถิ่นนี้มีมนต์ ขออยู่บ้านดง ใกล้หนองกระทิง

เคย...นั่ง บนรถม้า
โอ้...พี่จ๋า สัญญารักจริง
อยากยกน้ำวังนั้นไปรวมน้ำปิง
น้องพูดจริงๆ ลูกสาวแม่ระมิงค์
ขอฝากชีวิน ให้หนุ่มลำปาง

ความรักของน้องยาวนาน เหมือนหนทางเหมือนรางรถไฟ
รักไม่มีเสื่อมคลาย รักผู้ชายเท่าดอยขุนตาล
รักพี่ชั่วนิจนิรันดร์ แน่นเหนียวล้ำเหมือนฝั้นเชือกปอ
หากพี่รักจริง ให้พี่ไปพูดแม่พ่อ
ไปใส่ผีก็พอ แหวนเพชรสร้อยคอ น้องยังไงก็ไม่สน

** อธิบายศัพท์ **
ตี้ = ที่
เกย = เคย
แอ่ว = เที่ยว
ผ่อ = ดู
จ้าง = ช่าง
จ้วย = ช่วย
หื้อ = ให้
เฮา = เรา
ไค่ = ใคร่, อยาก
เปาะ = รวม (คำนี้น่าจะมาจากเสียงกริยาของการเอาวัตถุสองชิ้นมาชนรวมกัน)
อู้แต๊ๆ = พูดจริงๆ
ตาง = ทาง
บ่มี๋ = ไม่มี (สำเนียงจังหวัดเชียงใหม่จะพูดว่า "บ่มี๋" ส่วนจังหวัดอื่นจะพูดว่า "บ่มี")
ป้อจาย = ผู้ชาย
เต้า = เท่า
เจื้อก = เชือก
กอน = หาก
ตึง = มีความหมายอยู่สองอย่างคือ 1. ยังไงก็ 2. ทุก ซึ่งความหมายนี้จะเปลี่ยนไปตามรูปประโยคที่คำนี้อยู่ เช่น 1. น้องตึงฮู้ แปลว่า น้องยังไงก็รู้ หรือ 2. เขามาตึงวัน แปลว่า เขามาทุกวัน

** เกร็ดเสริมเกี่ยวกับเพลง **
1. เจ้าแม่สุชาดา เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของชาวจังหวัดลำปาง โดยมีรูปปั้นตัวแทนของท่านอยู่ที่หนองกระทิงด้วย

2. เขลางค์นคร คือ ชื่อเดิมของจังหวัดลำปาง

3. เวียงพิงค์ คือ ชื่อเดิมของจังหวัดเชียงใหม่

4. แม่น้ำวังไหลผ่านจังหวัดลำปาง ส่วนแม่น้ำปิงไหลผ่านจังหวัดเชียงใหม่ ในเพลงนี้หญิงสาวเปรียบเปรยว่าอยากจะยกแม่น้ำทั้งสองไปไหลรวมกัน เป็นความหมายว่าอยากเกี่ยวดองสัมพันธ์กัน

5. หมู่บ้านดง คือหมู่บ้านที่อยู่ติดกับสวนสาธารณะหนองกระทิง

6. รถม้า คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวลำปาง นักท่องเที่ยวมักขี่รถม้าชมรอบเมือง แต่สำหรับคนลำปางซึ่งเป็นเจ้าของเองแล้ว มีน้อยมากที่จะขึ้นนั่ง คงเพราะกลัวโดนเพื่อนฝูงจะเห็นเข้าและถูกตะโกนแซว

7. ระมิงค์คือชื่อภูเขาใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

8. รถไฟ เป็นสัญลักษณ์ย่อยอย่างหนึ่งของจังหวัดลำปาง ซึ่งได้ทอดผ่านดอยขุนตาลซึ่งเป็นดอยที่มีขนาดใหญ่มาก กินเนื้อที่ทั้งจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่ ในเนื้อเพลงมีความหมายเป็นนัยว่าเกี่ยวข้องกัน

9. ไปใส่ผี หมายความว่า ไปเสียค่าผี เป็นประเพณีของภาคเหนือ สำหรับคนที่จะอยู่กินกันจะต้องไปเสียค่าธรรมเนียมเสียก่อน เพื่อเป็นการบูชาตามบรรพบุรษปู่ย่าตายาย ค่าผีอาจจะเป็นเพียงเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่ถึงกับเป็นแหวนเพชรสร้อยคอที่มีราคาแพง