เรื่องเล่าสีขาว กิจกรรมธรรมะข้างเตียงกับ คิลานธรรม
คิลานธรรม ชื่อนี้ต้องบอกว่าไม่คุ้นหูเลยสักนิด ฟังดูแปลกๆ ดี ฉันรู้จักชื่อนี้ครั้งแรกจากหลวงพี่อิ่ม พระวัดชลประทานที่ท่านรับบิณฑบาตที่ซอยบ้านฉัน เมื่อฉันได้ทราบว่าขณะนี้ท่านร่วมกลุ่มทำกิจกรรมจิตอาสา ธรรมะข้างเตียงเพื่อเยียวยาจิตใจ และฉันได้เอ่ยปากว่าอยากไปร่วมกิจกรรมด้วย ท่านจึงส่งรายละเอียดของโครงการนี้มาให้ และนั่นเป็นที่มาของการไปร่วมกลุ่ม กิจกรรมธรรมะข้างเตียงกับ คิลานธรรม
วัดพิชยญาติการาม เป็นสถานที่ใช้อบรมกิจกรรมในครั้งนี้ เท่าที่ดูจากแผนที่ วัดนี้อยู่ในเขตคลองสาน ชื่อที่รู้จักกันดีคือ วัดพิชัยญาติ กิจกรรมนี้จัดขึ้นเป็นเวลา ๓ วันระหว่างวันที่ ๑๙ ถึง ๒๑ กันยายน เวลา ๘.๓๐ น.ถึง ๑๖.๓๐ น. เท่าที่พอรู้ก่อนมาคือ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเตรียมพระสงฆ์และฆราวาสที่จะไปเป็นจิตอาสา ใช้ธรรมะข้างเตียงเพื่อเยียวยาจิตใจผู้ปวย และครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกรมการศาสนา วันนี้เริ่มต้นด้วยพิธีเปิด มีการกล่าวนำถึงกิจกรรมว่า เกิดขึ้นจากกลุ่มพระนิสิตมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร) ด้านพุทธจิตวิทยา วิชาชีวิตและความตาย ที่ต้องการให้ธรรมะเยียวยาใจกายแก่ผู้ป่วยเรื้อรัง โดยได้รวมกลุ่มกันและใช้ชื่อว่า คิลานธรรม ซึ่งได้รวมตัวกันมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เป็นการนำธรรมะไปมอบให้กับบุคคลที่ขาดโอกาสเหล่านั้น เพื่อเยียวยาใจ และเพื่อนำทางสู่ บททดสอบข้อสุดท้าย ข้อสำคัญที่สุดในชีวิตที่พวกเรา มนุษย์ทุกคน ต้องเผชิญ และเป็นข้อสอบที่มีโอกาสทำเพียงครั้งเดียว ไม่มีโอกาสแก้ตัว ธรรมะข้างเตียง มีค่ามากยิ่งกว่าการสวดพระอภิธรรมในวันที่เขาลาจากโลกนี้ไป วลีสั้นๆ จากพระรูปหนึ่งที่เป็นหนึ่งในกลุ่มคิลานธรรมที่เล่าแบ่งปันประสบการณ์ของท่านในการใช้ธรรมะเยียวยาใจผู้ป่วยข้างเตียง ท่านเล่าว่ากว่าที่ท่านจะได้มีโอกาสทำ ท่านต้องรอคอยเป็นเวลากว่า ๑ ปี เพราะทางรพ. ทั้งแพทย์ พยาบาลต่างก็มีความกังวลกับการที่จะให้พระเป็นจิตอาสา นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเคยเจอกับตัวเองมาแล้วเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน
ฉันเคยทำงานในรพ.ศิริราช ที่หอผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวชวิทยาเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อน การต้องทำงานกับคนไข้เรื้อรังด้วยโรคที่รุนแรงในขณะที่การรักษายังไม่พัฒนามากนัก คนไข้ที่เวียนมารักษาจากเพิ่งรู้จักจนคล้ายเป็นญาติสนิท แม้เราจะถูกสอน ถูกย้ำเตือนให้ ปล่อยและวาง แต่มันก็ ... ด้วยเวลา ด้วยภาระงาน แม้เราจะใช้เวลาว่างเท่าที่พอมีไปอยู่ข้างเตียง พูดคุยกับคนไข้อยู่เสมอ แต่ในวาระสุดท้าย วาระที่ต้องส่งคนไข้เหล่านั้นกลับบ้านที่แท้จริง กลับเป็นช่วงที่พวกเรามีเวลาน้อยมากที่จะเยียวยาใจ แม้ว่าคนไข้ทุกคนรวมถึงพวกเราเจ้าหน้าที่ต่างก็ทำใจ เตรียมใจล่วงหน้ากันมาแล้วว่า สักวันต้องมาถึง แต่มันก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเราก็แทบไม่มีโอกาสที่จะได้เยียวยาใจคนไข้เลย หัตถการทุกอย่างถูกกำหนดให้ต้องทำตามขั้นตอน เราทำได้เพียงเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด เมื่อจะยกผ้าขึ้นคลุมใบหน้าได้กล่าวคำลากับคนไข้ และเมื่อจะส่งเขาออกไปจากตึก พวกเราก็จะคอยบอก คอยพูดบอกทางเพื่อให้เขาได้จากไป เท่านั้นจริงๆ เมื่อปี ๒๕๓๙ ก่อนที่ฉันจะลาออกไม่นาน ฉันได้ข่าวเกี่ยวกับโครงการ Hospice Care (การดูแลผู้ป่วยในระยะสุดท้าย) เกิดขึ้นในฟากฝั่งยุโรป และบางประเทศในเอเชีย และฉันได้มีโอกาสไปดูงานด้าน Hospice Care ที่ Christian Medical Research Center ที่เมือง Chonju ประเทศเกาหลีใต้ ครั้งนั้นฉันไปดูงานในทุนขององค์กรคริสเตียน แม้ว่าจะยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ก็ยังได้ทำบ้าง มีกลุ่มอาสานำพระคริสตธรรมมาเยียวยาจิตใจคนไข้ ให้โอกาสจิตอาสาทั้งที่เป็นนักศึกษาพยาบาล และสมาชิกของโบสถ์ นำพระคัมภีร์มาอ่าน มาพูดคุยเพื่อให้กำลังใจคนไข้ ให้นึกถึงพระเจ้าและเตรียมให้พร้อมที่จะกลับไปสู่อ้อมกอดของพระองค์ ภาพที่ฉันเห็นที่นั่นทำให้ฉันคิดอยากให้มีลักษณะแบบเดียวกันนี้บ้าง ทว่าเมื่อฉันกลับมาทำงาน ฉันกลับไม่สามารถสื่อให้ใครเข้าใจได้ มีแต่เสียงค้านว่า ให้พระมาพูดข้างเตียงคนไข้ เดี๋ยวก็จะ ... คงเป็นเพราะความไม่มีศิลปะในการจูงใจ ความงี่เง่า ความเป็นพญามารของฉันที่ไม่อดทนพอที่จะค่อยๆ หาหนทาง และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันให้ฉันลาออก ในเมื่อเยียวยาคนไข้อย่างที่อยากทำไม่ได้ งั้นลองออกไปข้างนอก อย่างน้อยเผื่อจะมีโอกาสช่วยทางอื่นแทน ช่วยให้คนไข้ได้รู้ตัวและรีบมารักษาให้ไว เพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุดแทนก็ยังดี นั่นคือความคิดของฉัน และวันนี้ ภาพกิจกรรมที่ฉันเห็น พระที่มีจิตใจกรุณาพร้อมที่จะนำธรรมะมาเยียวยาจิตใจคนไข้ มาร่วมประชุมอบรมพร้อมกันเพื่อทำหน้าที่นั้น ทำให้ฉันดีใจ ในที่สุดสิ่งที่ฉันเคยฝันอยากให้มีได้เกิดขึ้นแล้วจริง แม้ว่าพระบางรูปที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ ฟังจากพระวิทยากรพูด ดูราวกับว่าถูกชักชวนให้มาลองดูกิจกรรมนี้ โดยในกิจกรรมได้จัดให้มีแขกรับเชิญ เป็นคนไข้ที่เคยได้รับการเยียวยาใจจากพระ เป็นญาติคนไข้ มาเล่าความรู้สึกประทับใจ ความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจากธรรมะข้างเตียง เพื่อเป็นแรงจูงใจให้พระรวมถึงฆราวาสอย่างฉันในการทำกิจกรรม ธรรมะข้างเตียง กิจกรรมในวันแรกนี้ นอกจากการได้รับฟังเรื่องเล่า ประสบการณ์ของพระในการใช้ธรรมะเยียวยาคนไข้ ซึ่งได้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของคนไข้ภายหลังได้ฟังพระธรรม การตอบสนองทั้งด้วยการลืมตา การมีน้ำตาไหลทั้งที่ก่อนหน้านั้นคนไข้คล้ายไม่รู้สติ ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองเลย และสามารถให้คนไข้ได้ละสังขาร จากไปอย่างสงบ รวมถึงการได้รับฟังความรู้สึก ความประทับใจของญาติคนไข้ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงที่คนไข้กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต คนไข้ที่เคยผ่านประสบการณ์เหล่านั้นเอง ซึ่งยังความรู้สึกดีๆ ให้กับฉันรวมถึงทุกคนที่ร่วมกิจกรรมวันนี้แล้วสังเกตได้จากสีหน้า แววตา รอยยิ้มที่ปรากฏ ในช่วงระหว่างการอบรม ยังมีกิจกรรมเล็กๆ โดยได้ให้ผู้เข้าอบรมทั้งพระและฆราวาส เดินเพื่อฝึกสติ เพื่อให้เวลาอยู่กับตัวเอง ให้ย้อนทวนกิจกรรมในวันนี้ที่ผ่านมา ทบทวนชีวิตที่ผ่านมาในอดีต ให้ได้มีโอกาสทำความรู้จักกันในระหว่างผู้เข้าอบรม ได้แบ่งปันประสบการณ์ของการเป็นผู้ให้สู่กันและกันฟัง ความสงบจากการได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ มีเพียงเสียงเพลงเบาๆ คลอ ความสุขใจจากการได้รับฟัง ได้แบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน ทำให้ฉันรู้สึกอิ่มใจ สดชื่น และมีความหวัง การนำธรรมะไปเยียวยาคนไข้ข้างเตียง ต้องเริ่มจากการ “ฟัง” คนไข้ก่อน ฟังเพื่อให้เขาได้มีโอกาสระบาย ให้โอกาสเขาได้คิดทบทวนและค้นหาหนทางของตัวเอง จากนั้นจึงค่อยๆ พลิกมุมคิด ให้มีสติมองเห็นแง่ที่งดงามของความเจ็บป่วย ของวิกฤติการณ์ที่เขากำลังประสบ ก่อนที่จะใส่ธรรมะลงไป นี่เป็นข้อสรุปของกิจกรรมธรรมะข้างเตียงที่ฉันได้รับในวันนี้ ในทุกๆ วิกฤติ คนที่จะรู้หนทางแก้ปัญหานั้นๆ ได้ดีที่สุดแท้จริงแล้ว คือ ตัวผู้ประสบภาวะวิกฤติเหล่านั้นเอง เพราะเขาเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ รู้จักปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด เพียงแต่สิ่งที่เขาต้องการความช่วยเหลือคือ การมีคนที่พร้อมจะฟังเพื่อให้เขาได้มีโอกาสระบาย ได้ทบทวน ระบายจนใจใส สติกลับคืน แล้วเขาก็จะเห็นทางออกของปัญหาเหล่านั้น “อยากให้มีกิจกรรมแบบนี้แพร่ไปในทุกๆ รพ. ให้มีพระจำนวนมากได้มีโอกาสนำธรรมะไปให้คนไข้ ทดแทนที่มีข่าวพระขึ้นหน้าหนึ่ง หรือในรายการเรื่องเล่าเช้านี้” คำบอกเล่าของพระรูปหนึ่งภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมของวันนี้ เป็นแรงจูงใจให้ฉันเขียนบล็อกวันนี้ ยังมีกิจกรรมที่งดงามรออยู่อีก ๒ วัน แล้วฉันจะนำมาเล่าสู่กันฟังนะคะ วารี
บันทึกแนบท้าย คิลานะ ธรรมะเพื่อชีวิต รายการธรรมะไม่เลี่ยนที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ ทุกวันเสาร์ หลังข่าว ๑๕.๐๐ น. ติดตามฟังเรื่องราวดีๆ เพื่อชีวิตที่งอกงาม และสนทนาคลายความทุกข์รับสุขทันใจกับพระอาสาคิลานธรรมในรายการ คิลานะ ธรรมะเพื่อชีวิต รับฟังออนไลน์ www.nbt.prd.go.th/liveradio/live-am819.html สนทนาสดในรายการ tel 02-6908515 ส่งคำถามและข้อสงสัย Line : AM 819 KHz E-mail [email protected] ติดตามรายการและรับฟังย้อนหลัง Facebook คิลานะ ธรรมะเพื่อชีวิต You Tube คิลานะ ธรรมะเพื่อชีวิต
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กันยายน 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 |