เมื่ออายุได้ 15 ปี “แดง” ตามพี่ชายเข้าไปร่วมขบวนการต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธของ พคท. ในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งครอบคลุม 7 จังหวัด (สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ตรัง และสตูล) การเดินทางไกลของแดงครั้งนี้แม้จะไม่ได้เกิดจากตั้งใจของตัวเองก็ตาม แต่ก็สร้างคุณประโยชน์อย่างมหาศาลต่อชีวิตของแดงในเวลาต่อมา เพราะมันทำให้แดงซึ่งเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง (เข้าป่ามาก็เพราะสาเหตุนี้) รู้จักแยกแยะต่อจิตใจของผู้คน การปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ความอดทนต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าซึ่งแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญคือการรับรู้อย่างชัดเจนว่า “ทุกสังคมต้องมีชนชั้น” และ “ชนชั้นปกครองย่อมมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกชนชั้น แต่ก็ยังแพ้ต่อคนมีเงิน” 2 ปีผ่านไป แดงโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากจะเป็นเด็กสาวที่แข็งแรงแล้วแดงยังเป็นเด็กสาวที่สวยสะดุดตาอีกด้วย ในห้วงเวลานั้นมีคนลาออกกลับไปอยู่เขตขาว (กลับบ้าน) เพิ่มขึ้น แต่คนเข้าป่ามาก็ยังมีมากกว่าคนออก ความไม่เท่าเทียมกันในกลุ่ม “สหาย” จึงเห็นได้อย่างชัดเจนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพื่อความเป็นประชาธิปไตย “จัดตั้ง” ได้ให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง โดยกำหนดตัวบุคคลมาจำนวนสิบกว่าคนแล้วให้สหายเลือกจากบุคคลเหล่านั้นขึ้นมาทำหน้าที่เป็นกรรมการตัวจริงแค่ครึ่งเดียว (ระบอบประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ที่ปัจจุบันประเทศจีนก็ยังใช้ระบบการเลือกตั้งแบบนี้อยู่เช่นเดิม) ซึ่งทำให้สหายอีกเกือบร้อยคนสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าไป แดงซึ่งขณะนั้นเป็นเด็กอายุ 17 ปี ยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยเลย ได้ถูกทางจัดตั้งเสนอชื่อขึ้นมาด้วย แม้แดงจะมีความขยันขันแข็งเป็นที่ปรากฏแต่ก็ยังเป็นเด็กเกินไป แดงจึงเข้าไปบอกจัดตั้งขอถอนตัวเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกขึ้น เพราะผู้หญิงมักจะมีความคิดอ่านเกินวัยและก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงไม่พูดกันให้รู้เรื่องแต่กลับต้องมาฆ่าฟันกันเอง “ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง อีก 2 เดือนต่อมาแดงก็ขอจัดตั้งเดินทางกลับเขตขาว (กลับบ้าน) เป็นผลสำเร็จ ผมรู้จักกับแดงที่ห้องคอมมอนรูม คณะเศรษฐศาสตร์ ภายหลังจากที่แดงกลับออกมาจากป่าเขาได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น แดงเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยโดยโควต้าพิเศษของรัฐบาลที่มอบให้แก่เด็กที่ออกมาจากป่ากลับเข้ามาศึกษาต่อ ส่วนผมสอบเข้ามาเอง เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะแดงไม่มีใคร ส่วนผมก็เพิ่งจะเริ่มคิดว่า “ควรจะมีใครได้บ้างแล้ว” แดงสวยแต่เป็นคนธรรมดา ส่วนผมก็พอดูได้และเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน ดูเผินๆ แล้วเราสองคนน่าจะเหมาะสมกันแต่ความจริงแล้วผมกับแดงแตกต่างกันมาก แดงพักอยู่ที่หอพักแถวสี่แยกพรานนก รับของกระจุกกระจิกจากสำเพ็งมาใส่แผงเร่ขายอยู่บริเวณฟุตบาทแถวท่าน้ำศิริราช จน 2 ทุ่มถึงจะกลับเข้าหอพัก โดยไม่รู้สึกว่าจะอายผู้คนหรือเพื่อนที่เดินผ่านไปมาแต่อย่างใด ส่วนผมพอมาช่วยแดงตั้งแผงเสร็จแล้วก็กลับบ้านที่ตลาดพลูทันทีเพราะกลัวเพื่อนจะเห็น นี่คือความแตกต่างสำคัญข้อแรกระหว่างผมกับแดง ข้อที่ 2 แน่นอนว่าคนเราย่อมมีขีดความอดทนต่อปัญหาต่างๆ ได้แตกต่างกัน แต่แดงมีขีดความอดทนต่อความทุกข์สูงกว่าผมมาก ขณะที่ผมเป็นทุกข์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่แดงไม่เคยเป็นทุกข์ต่อปัญหาเหล่านี้เลย บางครั้งยังเตือนผมอีกว่า “อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าพยายามเต็มที่แล้วก็จงปล่อยมันไปเถอะ” เวลาผ่านไปจนพวกเราขึ้นชั้นปี 3 ผมก็ชวนแดงไปดูพื้นที่ขายของแห่งใหม่ริมถนนย่านถนนพัฒน์พงศ์ซึ่งมีฝรั่งเดินมาก แต่ต้องเสียตังค์เช่าที่หน้าร้านให้เจ้าของตึกแถวที่ไปตั้งแผงและยังต้องให้เงินตำรวจอีกด้วย เนื่องจากต้องใช้เงินมากพอสมควร ผมจึงเทกระเป๋าลงหุ้นกับแดงคนละครึ่ง เอาเทปเพลงสากลเถื่อนมาขาย กิจการเป็นไปด้วยดี เทปเถื่อนขายดีมากทั้งในกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ เราขายของได้เดือนละหมื่นกว่าบาทหลังจากหักค่าใช้จ่ายไปแล้ว (ในยุคที่ค่าโดยสารประจำทางยังมีราคาแค่ 75 สต.อยู่) แดงขยายกิจการไปที่มาบุญครองอีกโดยถามว่าผมจะหุ้นด้วยไหม ผมตอบว่า “ไม่ว่าแดงจะทำอะไรผมก็หุ้นด้วยหมดทุกอย่าง แต่ห้ามคนอื่นมาหุ้นด้วยน่ะ” แดงยิ้มๆ เข้ามากอดผมเบาๆ ตอนนั้นผมรู้สึกโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันทีเพราะผมน่าจะได้เป็นทั้งหุ้นส่วนทางการค้าและหุ้นส่วนชีวิตของเธอแล้ว The long and winding road ผมเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้ทุน พก. (พ่อกู) ไปเรียนต่อที่อังกฤษ ส่วนแดงยังเรียนไม่จบต้องรอสอบอีกสิบกว่าวิชาเพราะเธอทุ่มเทไปที่การค้าขายมากกว่าและก็ทำได้ดีด้วย การขายของในลักษณะนี้ย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้นบ้างแต่แดงก็จัดการได้เรียบร้อยทั้งเงินทองและความขยันด้วยจิตใจที่กล้าหาญกว่าผู้หญิงทั่วๆ ไป (ปกติเธอจะพกมีดพับไว้กับตัวเสมอ) ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าแดงจะไปได้ดีในธุรกิจของเธอซึ่งผมมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย วันเวลาที่ไม่ได้พบกับเธอมันทำให้ผมเหงานักล่ะ เพื่อนๆ มันบอกว่านี่คือ “ความรัก” มันทำให้ผมเริ่มรู้จัก “ความรัก” กับเขาบ้างแล้วว่ามันแตกต่างกว่าการเป็น “แฟน” กันมากมายนัก เราติดต่อกันตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่อังกฤษ แม้ในระยะนั้นการติดต่อจะทำได้แค่ทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศ (แพงลิบลิ่ว) และไปรษณีย์ (ก็ยังแพงแต่บรรจุข้อความที่อยากจะพูดและไม่กล้าพูดได้มากกว่า) ผมเดินตระเวนย่านการค้าหลายสิบแห่งในอังกฤษเพื่อถ่ายรูปเสื้อยืดลายต่างๆ ส่งให้แดงเพื่อก๊อบปี้ไปพิมพ์ซิลค์สกรีนขายต่อในไทย แดงลงมือทำซิลค์สกรีนด้วยมือเองตั้งแต่เอาไปถ่ายบล็อก มาจนถึงการสกรีนรูปภาพลงบนเสื้อยืด กิจการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทำให้มีเงินซื้อเครื่องพิมพ์สกรีนขนาดใหญ่จากบริษัทผูกขาดแห่งหนึ่งในย่านเจริญผล แดงอายุประมาณ 30 ปีก็พอดี พล.อ.เปรมก็ลาออกจากจากตำแหน่งนายกฯ เอาเสียง่ายๆ พล.อ.ชาติชายจึงเข้ามาเป็นนายกฯ แทน ต่อมาด้วยนายอานันท์ การรัฐประหารแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในระยะนั้นยังเป็นการทำเพื่อพวกพ้องอยู่เช่นเดิม เป็นเสมือนโรคติดต่อมาจากรัฐบาลคณะราษฎร แต่ก็เป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังรุ่งโรจน์ทางเศรษฐกิจจากการประหยัดเงินค่าใช้จ่ายนำไปก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.เปรมนั่นเอง มันจึงเป็นจังหวะที่นักธุรกิจมือใหม่นับร้อยคน (รวมทั้งแดงด้วย) ประสบความสำเร็จขึ้นมาอย่างไม่ยากนัก หรือที่เรียกกันว่า “ยุคโชติช่วงชัชวาล” นั่นเอง ผมเรียนจบแล้วออกจากอังกฤษ มาทำงานที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่แอลเอ แดงจึงเปลี่ยนเป็นผู้ส่งออกสินค้าไทยทุกอย่างตั้งแต่พริก ปลาร้า ไปถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้สักมาขายที่สหรัฐฯ โดยมีผมเป็นตัวแทนอยู่ที่นั่น อีกหนึ่งปีต่อมาแดงบอกผมในขณะที่บินมาหาผมที่สหรัฐฯ เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 36 ปีของเธอว่า “เรา 2 คนทำงานหาเงินได้อย่างรวดเร็วกว่า 70 ล้านบาทภายในเวลา 15 ปี ควรจะพอกันหรือยัง” ผมเคยสัญญากับแดงไว้ว่าพวกเราสองคนจะอยู่กันไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน (แน่นอนไม่มีการหยุดพักอะไรดีไปกว่าการปลดเป้ที่บรรจุ “ความโลภ” ทิ้งออกไป) ผมตอบแดงว่าขอเวลาอีก 2 ปี แดงไปเตรียมหาสถานที่ที่อยากจะอยู่เลย ส่วนงานที่แดงทำนั้นก็เลิกได้แล้ว แดงกลับไปขายกิจการต่างๆ ทั้งหมดภายในเวลาเพียงเดือนเดียว หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขึ้นในประเทศไทย ถึงขั้นต้องรัฐบาลต้องกู้เงินจากกองทุน IMF ผมยังจำได้เมื่อแดงบอกผมว่า “เราสองคนออกไปอยู่บ้านนอกกันเถอะ โลกไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ และเกินสติปัญญาของคนแบบเราจะคาดคิดได้ ถ้าเราไม่ตัดสินใจมาอยู่ด้วยกันแล้วแดงยังทำบริษัทต่อไป ป่านนี้เงินที่เราทำมากว่า 15 ปีคงจะหมดไปภายในคืนเดียว” ผมกลับเมืองไทยในปลายยุครัฐบาลนายชวนพอดี ความประหยัดและการใช้เงินเป็นของนายกฯ ทำให้สภาพบ้านเมืองฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว เราสองคนแต่งงานกันเงียบๆ นอกจากญาติพี่น้องแล้วมีพวกเพื่อนๆ มาร่วมงานอีกประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนฝ่ายแดง พวกเราย้ายไปอยู่ที่ จ.จันทบุรี แดงทำไร่และรีสอร์ทเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในย่านรอบๆ ที่พักและไม่ให้ตัวเองอยู่ว่างเกินไป รวมถึงการวางแผนให้พ่อของผมและพ่อแม่ของแดงมาพักด้วยถ้าทุกคนเต็มใจจะมา ส่วนผมไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง สัปดาห์หนึ่งก็กลับบ้าน 3-4 ครั้งเพื่อมาเป็นเพื่อนแดง ชีวิตของเราสองคนกว่าจะมาสบายอย่างปัจจุบันนี้ได้ก็ต้องผ่านอุปสรรคนานาชนิด ดีที่ผมมีแดงเป็นหุ้นส่วนชีวิตที่เข้มแข็งจึงผ่านมาได้เรื่อยๆ เราสองคนไม่มีลูกของตัวเอง มีแต่ลูกชาวบ้านในย่านนั้นที่รับอุปการะไว้และแดงนำมาอบรมเองหลังเลิกเรียนอยู่ 5-6 คน มีหมาไทย 3 ตัว และแมวอ้วนขี้เกียจอีก 1 ตัว แต่นี่ก็เพียงพอแล้วในยุคที่ความบันเทิงทุกอย่างไม่ต้องออกไปหา มันส่งถึงบ้านได้ถ้าคุณมีเงิน ผมกับแดงก็อยู่กันอย่างสบายๆ แต่เทคโนโลยีไม่ใช่ชีวิต มันไม่สามารถจะส่งความรัก ความผูกพันในรูปแบบที่เป็นจริงได้ ดังนั้นผมจึงหยุดทำงาน กลับมาอยู่บ้านเต็มเวลาเมื่ออายุ 65 ปี ส่วนแดงอายุ 63 ปีแล้วแต่ก็ยังยุ่งอยู่กับงานนานาชนิดอยู่เช่นเดิม รวมทั้งเพิ่มภาระการดูแลผมเข้าไปอีกคนหนึ่ง ผมกับแดงมีชีวิตคู่แบบเพื่อนกันมากกว่าคู่รักหรือคู่ชีวิต เพราะ “คำว่าเพื่อนไม่เคยหมดอายุ” พวกเราสองคนวางแผนกันว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีไปท่องเที่ยวต่างประเทศให้คุ้มกับช่วงเวลาที่เสียไปกับการทำงานหาเงิน ก่อนที่จะเดินทางกันไม่ไหว หลังจากนั้นเราจะไม่ไปต่างประเทศอีกแล้วถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พวกเราจะใช้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ไปเที่ยวทั่วประเทศไทยแบบเจาะลึก ซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ปีเป็นอย่างน้อยถึงจะครบทุกจังหวัด แต่ที่แน่นอนคือเราทั้งสองคนตั้งใจจะอยู่กันจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน จนกว่าจะมีใครออกเดินทางไกลล่วงหน้าไปก่อนตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ I Wanna Grow Old With You - Westlife |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2022 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |