*/
<< | กรกฎาคม 2022 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |
...ได้ดื่มกินสุขสันต์วันปัจฉิม หยาดน้ำตาเปื้อนยิ้มด้วยใจหายห่างหน้าที่ห่างทิศมิตรรอบกาย อาจเดินดุ่มเดียวดายใต้ดวงดาวบทเรียงความชีวิตลิขิตเขียน แท่งสีเทียนบรรจงวาดกระดาษขาวมือน้อยๆ แต่หนักแน่นเป็นเรื่องราว กลางทุ่งฝันพริ้มพราวแม้นใกลลิบแต่ความจริงผิดพลาดด้วยขาดเขิน ดาวในฝันห่างเหินเกินมือหยิบแสงประกายแห่งฝันนั้นหรี่ริบ สักกี่สิบ น้ำ,เขา จะก้าวถึงใต้ตะวันเมฆขาวแม้นด่าวร้อน .... |
......อุทัยธานี:หนองฉางในเวลาว่างๆ...ของชีวิตห้วงโหยหา แห่งหัวใจ ไม่เคยปิดภารกิจ พบ ผู้คน ผจญภัย ... วางหมุดหมาย ใกล้ ไกล ด้วยใจรักระหว่างทาง อาจเหนื่อยหนัก ยังทนไหวเพียงลำพัง เส้นทางทน หนทางไกลมิตรภาพ กำเนิดใหม่ ริ้วรายทาง ... กี่ร้อนแล้ว ที่หยัดยืน ฝืนชีวิตในตัวเลือก เมื่อรู้ผิด จึงเริ่มห่างกี่หนาวแล้ว ฝ่าเมฆฝน บนเส้นทางสุดท้ายรู้หลง ย่าง เยื้อง เปลืองเวลา .... |
.........................น้องรักแรกเริ่มเรารู้จักกันไม่นานต่างคนต่างชัดเจนเส้นทางฝันในบทบาทแรงงานบริษัทใหญ่...อาจบางคนที่เห็นอยู่รู้เพียงชื่อจะกี่คน ซึ่งใสซื่อเชื่อถือได้บางคนเห็นแค่ภายนอกบอกภายในพบผ่านเลยไม่ใส่ใจให้จริงจัง...ในห้องเหงาเศร้าโศกโลกส่วนตัวกลีบกมลชนชั่วบานสะพรั่งปฏิทินวันฤกษ์ดีมีน้อยครั้งนับจากจรแร้มร้างภวังค์เพ้อ...เหมือนแบกรับความสับสนคนไต่ถามขณะหนึ่งมันงดงามในยามเหม่อบางชีวิตพิศฉงนคร.... |
ต่อจากเรื่องที่แล้วครับ...ภาพหลับตา เศษฝัน ในวันก่อนฤดีคืน ที่หนาวร้อน มิอาจเลี่ยงกาเหว่าร้อง ไบยบิน ยินสำเนียงในน้ำเสียง ร้องโหยหวน ชวนโศกา...ครั้นสิ้นกลีบ ดอกจาน บานสะพรั่งกิ่งก้านยัง ผลิยอดใบ ไม่รอท่าผ่านเรื่องราว ยาวนาน กาลเวลาที่ราบสูง ภูมิปัญญา มานมนาน...กราบเรียนเชิญ...ปัญญาชน คนพลัดถิ่นมาสร้างฝัน ปั้นเศษดิน ถิ่นอีสานเป็นแสงดาว สุกใส ไม่ร้าวรานเป็นเงินงาน พร้อมหมด ไม่อดตาย...มาสู้งาน การเกษตร .... |
คุณสรยุทธ์ บอกบ้านนา อากาศหนาวอุ่นหรือเปล่า ผ้าห่มสี ที่ส่งให้ผมบรรจง เลือกผืนหนา กว่าผืนไหนประสงค์แน่ แม่แนบหนุน ไออุ่นนั้น...ขายแรงงาน บ้านปลูกค้าง หวังแล้วเสร็จพักจากความ เหนื่อยเหน็ด ปลูกเม็ดฝันงดจ่ายซื้อ คือเงินเหลือ เพื่อวันนั้นจากคืนฝัน สู่วันหวัง อย่างตั้งใจ...ผืนแปลงนา ดื่นดอกจาน บานสะพรั่งริมตะพัง ทั้งหมากผล ต้นแคใหญ่ผักสวนครัว มีมากพอ ไม่ขอใครทั้งน้ำท่า ปลาไม่ไร้ เช่นในเมือง...คนบางกอก ได้.... |
เพื่อนๆ ของฉัน...เรามีอาชีพเดียวกัน คือขายของเม็ดเหงื่อไหล ผ่านหน้า น้ำตานองบรรทุกของ เต็มรถ ขายหมดนี้? ... แรมรอนไป ตามเส้นทาง รถไปได้เหนือ อีสาน กลาง ใต้ ขายเต็มที่สาดวาทะ แยบยล กลวิธีเชิญทดลอง ของดีๆ ที่หวังขาย... ... ในยุค บ้านเมือง เกิดวิกฤติบ้านนอก เซ็งชีวิต ความฉิบหายผลผลิต เรือกสวน ล้วนเกลื่อนตายอย่าได้ถาม เรื่องจับจ่าย การใช้กิน .... |
จำได้ไหม? แว่วดนตรี ปี่ซังข้าว เมื่อคราวนั้นแสงตะวัน ยามสาย ประกายแก้วผลึกน้ำค้าง ดุจดาว ที่พราวแพรวชวนลมหนาว มาอีกแล้ว ตามสัญญา...หรือเจ้าลืม? สัญญาใจ ปลายปีก่อนจะปันแบ่ง แล้งร้อน...ถวิลหาจนปีเก่า ก็ล่วงไป เจ้าไม่มาคุ้มเคหา ร้อนแล้ง แบ่งกันร้อน......อุ่นอาภรณ์ นอนอุ่นกาย คงไร้ค่าหรือจะมา สวมใส่เจ้า ต้องหนาวก่อนผ้าห่มหนา ไหมพรม ใช้ห่มนอนอาจห่างกาย สักพักก่อน ด้วยร้อนเกิน...ปลายปีนี้ มีทีท่า...ว่าจะหน.... |
ฉันได้ฝากถ้อยคำลำนำรักถึงบุคคลที่รู้จักไม่นานนี้อยากขอบคุณน้ำใจมิตรไมตรีจากรู้จักจนมักจี่จึงใส่ใจ...ฉันได้ฝากเนื้อความ ถาม? ห่วงหาจากหัวใจแทนสายตาผ่านฟ้าใสเป็นอีกแรงเติมพลังทุกกำลังใจหากเธอท้อบนทางไกลในวารวัน...ฉันได้ฝากละอองใจในสายน้ำบนเวิ้งฟ้าสีครามเห็นไหมนั่น?เม็ดฝนซาฟ้าวันใหม่ได้แบ่งปันมอบความสุขให้แก่กันไม่ขาดแคลน...ฉันได้ฝากบทกวีร้อยชีวิตให้มิ่งมิตรดวงฤดีด้วยหวงแหนดาวประกายดกดื่นคืนร้อนแร้นเธอจ.... |
บทชีวิต...ที่เคยเสียหลักหมดแล้วซึ่งรักที่สุขทั่วเต็มหัวใจจึงไม่คาดหวังจะเริ่มต้นกับคนไหนทำมาหากินเลี้ยงท้องใส้ไปวันๆ...นึกจะเขียนบทกวีสักบท สลด! ชีวิตเพื่อเพียงประติดเพลิงหัวใจให้โชนฝันหลายคนต่างไต่ถามในความเงียบงัน?ทุกข์สุขร้ายดีจากนั้น...เพนจร...ต่างทฤษฎี...ไม่มีความรักที่จีรังเออ! แต่ไฉนความชังโดยมากจึงถาวรไม่มีหลักสูตรโรงเรียนใดเปิดคอร์สสอนต้องบอบช้ำเจ็บหนักเสียก่อนจึงเข้าใจ...หลายคนบ้าคลั่งฟูมฟา.... |
โค้งคมเคียว ดั่งรอยยิ้ม สนิมเกรอะผ้าขาวม้า ชุ่มเหงื่อเปรอะ เคยพาดไหล่นวัตกรรม นำโซเชี่ยล โลกเปลี่ยนไปด้วยแดดิ้น เพื่อกินใช้ ในชีพชน...นโยบาย สวยหรู รอดูก่อนคะแนนอ้อน เคยผลักใส ก็ไร้ผลประชากร อ่อนวิชา ก้มหน้าจนประกอบกิจ หวังก้าวพ้น จนถาวร...เกษตรกรรม ทำให้ตาย! กำไรสิ้นล้างหนี้สิน ก่อไว้ หวังไถ่ถอนอพยพ หนีไร่นา มาแรมรอนพึ่งก่อสร้าง กลางนคร แห่งศิวิไลซ์...ห่วงลูกเมีย นาไร่ ไกลชีวิตจริงไม่คิด หนีร้อนแล้ง.... |
หนอ! ฝากชีวิตผลิตผลบนดินด่ำฝนตกเถอะชุ่มฉ่ำให้นองหน้าเกินจะหน่ายก้มกราบอาบน้ำตาสัญลักษณ์หลังสู้ฟ้าหน้าเปื้อนดิน...กี่เรือกไร่จมดิ่งทิ้งทุนทรัพย์อุทกภัย! ล้มพับรับหนี้สินน้ำป่ากราดเชี่ยวแรงแหล่งทำกินขนาดระนาบราบดินมีทรุดไป...ทุกข์เอ่อท่วมทั่วถึงอยู่ซึ่งหน้าไร้รวงข้าวดื่นคาวปลา อยู่ไม่ได้นามีข้าว น้ำมีปลา กินกันไปเพียงเบิ่งมอง สิ้นสลาย หัวใจชาวนา...วันที่15 กันยายน 2553 นครไทย พิษณุโลก.... |
อาบไออุ่น...พิรุณแรกม่วงตะแบก ผลัดใบ ดื่มไอฝนปีกแมลงปอ ใสบาง ต่างบินวนดาวกระจาย บานดอกพ้น หญ้าริมทาง บานไม่รู้โรย...เรียงราย ดั่งว่าเฝ้าหมู่ภมร คลอเคล้า อยู่ไม่ห่างรับไออุ่น อรุณรุ่ง เริ่มแสงลางส่องสว่าง เย้ยสายรุ้ง ปลายทุ่งนา ต้อนไอ้ทุย ยอดควาย ไปท้ายทุ่งประสงค์ควาย ที่หมายมุ่ง คือยอดหญ้าหยดน้ำค้าง แลประกาย สุดสายตาดุจหยาดเพชร เกล็ดธารา ที่น่าชม เขียวตำลึง ชูยอดยิ้ม ริมริมรั้วมะร.... |
บทกวี ชนชั้นสองห้องสิบเจ็ดข้างบานเกล็ด ขีดเขียนกลอน ก่อนบ่ายสามเช่าห้องอยู่ ขายหมึกย่าง ข้างม.รามหนีบ้านนา สารคาม ตามฝันไกล จบ ม.หก จาก บรบือ คือบ้านเกิดก่อนเตลิด จากบ้านนา มาเมืองใหญ่อยู่จอมทอง คลองสามวา พญาไทหลังปักหมุด อาชีพใหม่ อยู่ใกล้ราม หลายชีวิต คือนิสิต นักศึกษาช่วยจุนเจือ เผื่อพ่อค้า หาบเร่หามใช้ต้นทุน ต่อกำไร ก็ง่ายงามเหงื่อครู่ยาม ช่วยยิ้มเริ่ม เติมฝันใจ กำลังเงิน กำลังใ.... |
เม็ดฝน... แม้สักกี่ล้านหยด หมดฟ้าฝนไม่อาจล้างความช้ำหม่น หลุดพ้นได้เม็ดทราย... ต่อให้ฟ้าแบ่งจรด หมดเม็ดทรายไม่เกลื่อนกลบ ลบเรื่องร้าย ได้สักครั้ง เหตุเพียงย้อน วันเวลามาไม่ได้จึงตรอมตรมระทมให้สิ่งพลาดหวังคิดข้ามขั้นวันฟ้าหม่นพ้นภวังค์ปลดพันธนาที่เกรอะกรัง หมดสิ้นไป ภาพร้ายร้ายทั้งหมดปรากฏอยู่มิอาจปันการรับรู้แก่กันได้มีแต่เราซึ่งรู้เห็นความเป็นไปแล้วตราบใดชีวิตหนึ่งจึ่งสวยงาม คราบเรื.... |
01.00 น.(ศูนย์หนึ่งจุดศูนย์)อาบอัมพรอาดูรโดยดวงแขดาราเร้นเด่นประกายที่หมายแลเฝ้าชะแง้ชะเง้อทั่วสลัวลาง...หรือฟากธัณดรซ่อนความหมายในบางสิ่งอาจหนึ่งใดได้ปล่อยทิ้งในความห่างเพียงสายลมคืนสงัดพัดนำทางหมายเยี่ยมเยือนความอ้างว้างไกลแสนไกล...หวังหยาดฝันอันอุดมประพรมโลกเพื่อเปลี่ยนแปลงความโศกทุกข์ให้สุกใสอุดมธรรมอุดมทั่วห้วงหัวใจแปร กร้านแกร่งเป็นอ่อนไหวในหว่างวัน...ร้ายเรื่องราวสับสนบนเปลือกโลกเมล็ดเลือดชุ่ม.... |
เจิศจ้า...แม่จันทร์แรมแลเจ้าอิ่มญะยิ้มแย้มแจ่มเวหาหนอ!สุขใดจึงเจ้ายิ้มพริ้มนภาใยงดงามสมเจ้าฟ้า...ค่าแห่งจันทร์ ดวงดาราดกดื่นค่ำคืนเปลี่ยวเด่นดวงแขดูดายเดียนบนดาษฝันนิ่งขบคำร่ำให้ไต้แสงจันทร์ในคืนศุกร์แต่โศกศัลย์จวนสิ้นใจ หวังเพียงผู้ไถ่ถามยามเหว่ว้าปลอบประโลมครั้งครายามโหยให้ยามเหน็บหนาวเป็นแพรพรมห่มหัวใจต้อนไล่ตามความเดียวดายให้พ้นคืน เอ๋ย จันทร์จ้าข้าเหงาใจเจ้าไม่รู้เดนดวงใจเต็มเต.... |
คอยแก้ตัวให้หัวใจว่าไม่รักคนรอบข้างเทียวถามทักรัก? เขาไหมเมื่ออีกคนเขาก็มีคนของใจความรู้สึกมันเกินไกลกว่าสายตา ...เธอไถ่ถามเธอเอ็นดูก็รู้สุขในยามทุกข์ท้อแท้แก้ปัญหาสองมือเธอคอยเข็ญขับซับน้ำตาเหมือนคู่ยากยามเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรง...สงัดคืนลมฝนแล้งแสงหิ่งห้อยเธอยื่นเทียนเล่มน้อยคอยเติมแสงแม้ไม่เทียบแสงสุรีย์สีแสดแดงแต่ยังเปล่งสว่างทั่วเต็มหัวใจ...เธอกับฉันสู้ทางทนคนละถิ่นเพื่อครอบครัวได้ใช้-กิน คือเรื่.... |
บนดอยสูงเปล่งเปลวไฟท่ามไอหมอกแซมด้วยดอกนีออนสีนวลหวานมะเลืองเพชรเกล็ดน้ำค้างเกลื่อนกลางลานแว่วกังวานไก่ขานขับรับทิวา ...กระเทาะข้าว ป่ก ป่ก ครกกระเดื่องก้าวยังไกลกลิ่นรุ่งเรืองเมืองควันหนาฟ้าก็หม่นคนก็เหม็น เกลื่อนนคราเทียบเทียมสุขกับดอยป่า ฟ้ากะดิน ...คนแมกไม้เจ็บป่วยไข้ ได้ช่วยเหลือหยูกยาเกื้อขุดรากไม้ใช้ฝนหินสรรพคุณรากต้มได้ ใบเก็บกินพืชสมุนไพรทุกท้องถิ่นนั้นกินดี ...แต่ชีวิตคนแมกเมือง ถาม? เ.... |
ใต้ร่ม อโศกสีเขียว โน้มกิ่งเรียวผลัดใบตอนปลายหนาวเหนืออโศกดอกแดงมีแสงดาว ประกายพราวที่ราวฟ้าราตรีกาลโต๊ะหินอ่อนทรงกลมร่มอโศก ผกาโมกโชยประชันความหวามหวานกลีบขาวนวลเหลืองเกสรตอนดอกบาน รอบอาคารคณะมนุษย์ฯ สุดพรรณาเราเรียกขานเฉพาะกลุ่ม"ซุ้มอโศก" ผจญสุขบนลานโลกการศึกษาสร้างบทเรียน เขียนรายงาน อ่านตำรา ที่พักพิงนักศึกษา ภาษาไทยอิ่มน้ำใจในวจีพี่ให้น้อง ทั้งบทกวี ร้อยกรองท่องหลากหลายเสน่ห์เสนาะเพราะพริ.... |
แถบรุ้งทอง ส่องสีสาย จากปลายฟ้าหลังเมฆฝน หล่นซา ฟ้าสีใสระบำข้าว เคลื่อนคลา วายุไกวคล้ายระลอก นทีไถล สุดปลายตา ... จางเม็ดฝน ปนหมอกหนาว อีกคราวแล้วพุ่มผกา ผลิพราวแพรว เย้ยชั้นฟ้าประกายกาญจน์ ผ่านกิ่งใบ ได้นำพาชุบดินดำ กำเนิดกล้า พนาไพร ... เมฆหมอกขาว ปีนป่าย ทักทายรุ้งสกุณา บินลาทุ่ง เข้าฝูงใหญ่ชอุ่มหญ้า วัวควายกิน จนสิ้นใบกำเนิดมูล ปุ๋ยทิ้งไว้ ชดไช้นา .... |