ปราสาทอัลคาซาร์แห่งเซบีย่าอยู่ห่างจากมหาวิหาร ที่กล่าวถึงไว้ในตอนที่แล้วไม่มากนัก สร้างขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 12 ในสมัยที่มัวร์ยังครอบครองเซบีย่า แต่แม้พระนางอิซซาเบลล่าที่ 1 และพระเจ้าเฟอร์ดินาน จะเอาชนะพวกมัวร์ และขับไล่ออกจากดินแดนสเปน พระองค์มิได้ทำลายพระราชวังแห่งนี้แต่กลับทรงประทับอยู่เป็นเวลานาน และปราสาทแห่งนี้ก็เป็นที่ประสูติของมกุฎราชกุมารฮวน พระโอรสพระองค์เดียวของพระองค์ ด้วยเหตุผลแห่งความงามอย่างวิจิตรของปราสาทแห่งเซวีย่า ประตูทางเข้าสู่ปราสาทอัลคาซาร์เป็นของเดิมแบบอาหรับ ในสมัยที่มัวร์มีอำนาจ อัลคาซาร์แห่งเซบีย่า คือ ป้อมปราการสำคัญ ที่มีการตกแต่งทั้งส่วนที่เป็นท้องพระโรง ส่วนที่พักอาศัย และสวน ไว้อย่างงดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เรียกว่า ลานสาวพรหมจารี หรือ ฮาเร็ม ที่มีลักษณะเป็นลานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยเฉลียงคานโค้งงดงาม รอบลานนี้แบ่งเป็นห้องบรรทม แบบของกษัตริย์มัวร์ แต่ไม่เคยมีกษัตริย์มัวร์มาพักที่นี่ เพราะ...สิ่งก่อสร้างนี้สร้างเพิ่มเติมขึ้น ในสมัยพระเจ้าเปโดรจอมโหด แห่งคาสตีล และลีออน ซึ่งทรงโปรดให้สถาปนิกแขกมัวร์มาปฏิสังขรณ์และออกแบบเพิ่มเติม ลานสาวพรหมจารี และ ตำหนักที่ล้อมรอบอยู่ ลองจินตนาการกลับไปในยุคที่มีเหล่าสาวพรหมจรรย์ เดินนวยนาดไปมา หยอกล้อกัน น่าจะเป็นภาพที่มีชีวิตชีวามากทีเดียว ภาพประดับด้านบนของอาคาร เป็นเสา 2 ต้น และมีงูพันอยู่นั้น แสดงถึงสัญญลักษณ์ตามความเชื่อเดิมคือ เสาทั้ง 2 ต้นหมายถึง โลกที่ประกอบด้วย 2 ทวีป คือยุโรป กับ เอเชีย ส่วนงูที่กำลังรัดเสาทั้ง 2 เข้าหากัน เปรียบเหมือนเฮอคิวริสที่พยายาม ดึง 2 ทวีปเข้ามาเป็นแผ่นดินเดียวกัน แต่เมื่อโคลัมบัสค้นพบโลกใหม่ ภาพนี้ก็กลายเป็นเพียงภาพประดับอาคารเท่านั้น ภายในห้องต้อนรับราชทูต และเป็นห้องที่กษัตริย์ใช้ปรึกษาราชการ กับเหล่าขุนนางคนสำคัญ และหนึ่งในนั้นคือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ส่วนที่งดงามที่โดดเด่นอีกส่วนหนึ่งของอัลคาซ่าร์แห่งเซบีย่า คือส่วนของอุทยานที่เต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ทั้งต้นส้ม ต้นสน โอ๊ค กุหลาบ ฯลฯ ส่วนหนึ่งของอุทยานที่กษัตริย์หลายพระองค์ของสเปน ได้ปรับปรุงตกแต่ง ทำให้มีความงดงามอย่างต่อเนื่อง และมีรูปแบบผสมผสานตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คูหาจำลองแบบบาร็อคที่มีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลา น้ำพุข้างกำแพง ที่พุ่งลงสู่สระเลี้ยงปลา มีรูปเมอร์คิวรีประดับกลางสระ
มีย่านที่เป็นเขตที่อยู่อาศัยของยิว ในสมัยนั้นเมื่อตะวันตกดิน เจ้าหน้าที่จะปิดประตูเพื่อคุ้มครองแก่พวกยิวยามค่ำคืน แต่หลังจาก ค.ศ. 1492 ที่ยิวถูกขับไล่ออกจากประเทศสเปน ชาวคริสเตียนได้สร้างวิหารซันตาครูซขึ้นแทนที่ และย่านนี้ จึงรู้จักกันในชื่อว่าเป็น ย่านซันตาครูซ แต่แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนอาคารบ้านเรือนไปอย่างไร สิ่งที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของย่านนี้ คือ การมีซอยเล็ก ๆ ที่ปูพื้นถนนด้วยอิฐ หรือ หินระหว่างกำแพง และซอยเหล่านั้น ก็ยังคงชื่อเดิมไว้ เช่นเดียวกับในอดีต ที่น่าสนใจ คือ ชื่อซอยทุกซอยจะเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงผู้คน ที่เคยมีชีวิต เคยใช้ชีวิตอยู่ในที่นั้น
สาวยิวผู้เลอโฉม และมากด้วยชายชู้ บิดาของเธอเป็นยิวหัวรุนแรง ที่ต่อต้านระบบศาลศาสนาของสเปน (Spanish Inquisition) ต่อมาถูกทางการจับตัวได้ และเสียชีวิตพร้อมชาวยิวอีกหลายคน สาวซูโซนา จึงไปบวชเป็นชีคาธอลิคเพื่อล้างบาปของตน และขอว่าเมื่อตนเองเสียชีวิตแล้ว ให้นำศีรษะไปตอกติดกับคฤหาสน์ เพื่อเป็นการประจานตนเองเกี่ยวกับความชั่วที่นางเคยกระทำ บรรยากาศของย่านนี้เป็นที่ประทับใจของผู้มีชื่อเสียงหลายคน รวมทั้ง มูรีโย จิตรกรผู้วาดภาพ ซานอันโตนิโย ในมหาวิหารแห่งเมืองเซบียาที่ได้กล่าวถึงไว้ในตอนที่แล้ว แม้คนเราจะมีความคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งเหมือนกับว่า ความแตกต่างนั้นมากมายจนแทบจะยืนอยู่บนแผ่นดินเดียวกันไม่ได้ แต่ก็ยังคงมีบางอย่างที่เป็นสุนทรียในจิตใจ ที่ทำให้ไม่อาจตัดใจ ทำลายล้างมันลง และอยากเก็บไว้ให้คงอยู่ตลอดไป ความจริงเป็นเช่นนี้ เพียงแต่เราจะหามันพบหรือไม่..เท่านั้น ป้ารุ.....รายงาน |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
เพลงของเรา | ||
![]() |
||
ในงาน MEETING OKNATION ครั้งที่ 2 เราได้ฟังเพลงไพเราะจากศิลปินของพวกเรา "โฟล์คเหน่อ" |
||
View All ![]() |
<< | ตุลาคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |