ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าไม่เคยไปภูทับเบิก และไม่เคยคิดจะไปที่นั่นเพราะได้เห็นภาพข่าวและติดจามข่าวมาบ้างพอสมควร โดยนิสัยส่วนตัวไม่ชอบไปเที่ยวที่ไหนที่เป็นแหล่งแฟชั่นที่คนไปกันเยอะๆ เพราะหากที่ไหนที่คนเริ่มไปเที่ยวกันมากๆ ไม่มีใครรู้และติดตามหรอกครับว่าเบื้องหลังของการจัดการกับขยะที่ตามมา ปัญหาสิ่งแวดล้อม น้ำเสียและความเสื่อมโทรมมันจะตามมาขนาดไหน เพราะโดยลำพังท้องถิ่นเองจัดการไม่ได้มากดอกครับ ยังคงทิ้งขยะเอาไว้หลังเขา ขายเพียงฉากหน้าที่สวยงามให้ผู้คนได้ชื่นชม เราต้องยอมรับนะครับว่า บางเรื่องสักแต่ขายจริงๆ กำไรไม่เคยนำมาดูแลเรื่องเหล่านี้ นับเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆครับ

          เป็นที่น่าเสียดาย และเป็นคำถามตามมาว่า ตอนที่เริ่มสร้างทำไมไม่ไปจัดการ เรื่องนี้คงตอบได้ไม่ยากคือ หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมาจากนักการเมือง สั่งให้ใครเกียร์ว่างก็ได้..จะต้องเข้าใจนะครับว่าข้าราชการอยู่ภายใต้นักการเมือง ยิ่งมาจากการเลือกตั้งด้วยแล้วทำได้ยาก หากเราไปพิสูจน์ทราบดูได้เลยว่าบรรดาผู้ประกอบการทั้งหลาย เริ่มต้นตั้งแต่การได้ที่ดินมานั้น เขาจะผ่านใครหละครับ หากไม่ใช่นักการเมือง ผู้ช่วย หรือผู้นำต่างๆทั้งระดับหน่วยงานเล็ก กลาง ใหญ่ ไปสืบดูได้เลย....หากไม่ใช่ยุค คสช.คงทำได้ยาก และขอบอกว่าหากเป็นยุคก่อนข้าราชการคนไหนคิดจะรี้อ รับรองให้หาที่อยุ่ใหม่ไว้ได้เลย

มันคืออะไร

อย่างน่าใจหาย

ผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม

           ต้องยอมรับความแปลกและจริง คือการเฮโลสาระพาำากันไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่ผิด ...คือผิดกฎหมาย หมายความว่ายิ่งผิด ก็ยิ่งมีลูกค้าไปอุดหนุนกิจการ ยิ่งผิด ยิ่งเที่ยวว่างั้น...หากเป็นหน้าเทศกาลว่ากันว่ารถติดกันตั้งกิโลเมตรเลยทีเดียว คือเที่ยวให้เจ๊งกันเป็นที่ๆกันไปเลย

นี่คือเสียงสะท้อน คงจะมีมานานแล้วด้วย

ขยะเกิดขึ้นมากมาย จะทำกันอย่างไร แน่ๆคือมลพิษยากนักที่จะเยียวยา

        อดีตเกาะพีพี จังหวัดกระบี่จากอดีตถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องมีการพัฒนา เกาะพีพีมีหลักฐานที่ดิน จึงกลายมาเป็นภาพด้านขวามือ...ออกหลักฐานได้อย่างไร ไม่ต้องถามครับ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ในอดีตแม้ในปัจจุบินกับหน่วยงานบางหน่วยหรือหลายหน่วย เห็นภาพแล้วคิดอย่างไรก็สุดแล้วแต่ครับ....ภูทับเบิกจากไร่กะหล่ำปลีของชาวม้ง กลายมาเป็นรีสอร์ทมากมาย ความต้องการที่จะไปเสพธรรมชาติ จึงกลายเป็นการก่อสร้างดังภาพที่เห็น สร้างกันง่ายๆ ไร้การควบคุม แต่จริงๆก็ไม่รู้จะคุมอย่างไรเพราะหลักฐานที่ดินไม่มี เพราะการที่จะไปขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ตาม พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ จะต้องมีหลักฐานที่ดินไปยื่นประกอบ....งานนี้เลยเข้าใจว่าเป็นการรื้อตาม พรบ.ป่าไม้ ..สรุปคือความต้องการของมนุษย์คือการทำลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ..และก็ไม่ต้องไปถามหาว่าใครจะรับผิดชอบ วันนี้ทางรัฐบาลเขาออกมาจัดระเบียบก็ถูกต้องแล้ว แต่สำคัญที่สุดคือการรักษาแช้มป์ หลังจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลหลังจากนี้ อีกทั้งการควบคุม..หากไม่เชื่อลองไปสังเกตุดูก็ได้ที่ภูทับเบิกนี่แหละ หลังจากรื้อไปแล้ว เจ้าของกิจการที่ถูกรื้อนั่นแหละ เขาก็คงไปวนเวียนเหมือนกับจะไปแสดงสิทธิ์ อันนี้หากเจ้าหน้าที่รัฐอ่อนแอ ปล่อยให้ท้องถิ่นดูแล รับรองว่าเรื่องมันต้องยุ่งตามมาอีกในอนาคตอันใกล้....ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วที่ชายหาดภูเก็ต และก็เป็นแบบนี้จริงๆ การรื้อวันแรกมีคนไปกันมากมาย อีกทั้งนักข่าว....คอยติดตามกันดูครับหากไม่เชื่อ..และก็อย่าลืมว่ากระเเสเสพข่าวในบ้านเราก็เป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้ติดตามกันแบบสุดๆ ...และต้องคอยติดตามกันต่อไป ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทุกคนด้วยครับ

ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ล