. . ....ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพรักทั้งหลาย...... ผมห่างหายเว้นวรรคการเขียนเล่าเรื่องอาการเจ็บไข้ได้ป่วยในบล็อกไปนานพอสมควร อันเนื่องมาจากการเข้านอนเป็นคนป่วยในโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่ต่อมทอลซิลนั่นแหละครับ ขณะที่กำลังรักษาโรคมะเร็ง ผมไม่ต้องการระบายความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษรผ่านทางบล็อก เพราะมันเป็นความรู้สึกเฉพาะหน้า หากเขียนออกไปมันจะกลายเป็นเรื่องดราม่า หรือเรื่องราวที่ผมมโนเอาเองทั้งสิ้น ในตอนสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น ผมจึงเก็บความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นไว้เพียงคนเดียว เพียงมีการจดบันทึกไว้นิด ๆ หน่อย ๆ กันลืม หรือนำเสนอสั้น ๆ ในเฟสบุค อย่างที่เขานิยมกัน หลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ต้องฟื้นฟูสุขภาพตัวเอง ไม่กล้านั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ เมื่อผมพอจะมีกำลังและมีอารมณ์ที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น และผ่านมา จึงได้ทยอยเขียนเรื่องในบล็อก ถือเป็นการบอกกล่าวย้อนหลังเพื่อเก็บไว้ให้ท่านที่สนใจได้อ่านประดับความรู้นะครับ.........
. ทุก ๆ ครั้งที่ไปพบแพทย์ ผมจะมีแม่มะยงไปเป็นเพื่อน เป็นความประสงค์ของแม่มะยงของเธอเองที่จะทำเช่นนั้น วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ผมได้พบกับ แพทย์หญิงปฐมพร ศิรประภาศิริ เพื่อวางแผนการรักษาโรคมะเร็งต่อมทอลซิล คุณหมอกำหนดนัดหมายวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ให้เริ่มนับหนึ่งสำหรับการฉายแสงและการให้ยาคีโม . . แต่ในช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๑๔ - ๒๘ พฤษภาคม นี่ซีครับ.............................. ประเทศไทยมีเหตุการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปของบ้านเมืองเกิดขึ้นมากมาย ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นมะเร็งของผมซะอีก ช่วงนั้นผมประหวั่นพรั่นพรึงว่า "ลุงกำนันสุเทพฯ" จะหาทางลงอย่างไรกันแน่? ความขัดแย้งมันจะยืดเยื้อกันไปถึงไหน? และแล้ว "ลุงตู่ฯ" กระโดดเข้ามาประคับประคองสถานการณ์ของประเทศไว้ได้ทันท่วงที วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ลุงตู่ประกาศใช้กฏอัยการศึก รอไว้ก่อน ตามด้วยยึดอำนาจการปกครองอย่างนิ่ม ๆ ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ คนไทยแซ่ซร้องสาธุการยอมรับการปฎิวัติ เป็นการปฎิวัติตามประสาการเมืองของไทยที่เป็นอย่างนี้มาช้านาน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ผมจึงวางใจเรื่องการบ้านการเมืองไว้กับ "ลุงตู่ฯ" แล้วหันมาดูเรื่องสุขภาพของผมต่อไป . . กว่าที่ผมจะได้ลงมือเขียนเรื่องราวตอนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งนี้ ผมปล่อยให้ช่วงของการบำบัดรักษาผ่านพ้นไปช้า ๆ เมื่อผมพิจารณาตัวเองว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ผมจึงมาเขียนบอกเล่าเก้าสิบต่อไป ผมปล่อยเวลาเนิ่นนานซะจนกระทั่ง "ลุงตู่ที่น่ารักของผม" ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยเต็มรูปแบบ ในขณะที่ "ลุงกำนัน" บวชอยู่ในเพศบรรพชิตจนจะครบพรรษาแล้ว . . มาว่ากันเรื่องของผม คือเรื่องมะเร็งดีกว่านะครับ เอ็นทรีนี้ ผมจะเล่าถึงความเป็นไปของชีวิตผมในขณะที่คุณหมอกำลังให้การบำบัดรักษาล้วน ๆ นะครับ อย่างที่เคยบอกไว้ว่า แพทย์หญิงปฐมพร ศิรประภาศิริ ได้วางแผนการรักษาโรคมะเร็งต่อมทอลซิลของผมไว้ดังนี้ ให้ยาเคมี (คีโม) ๓ ครั้ง และให้ฉายแสง ๓๕ แสง โดยเริ่มนับหนึ่งในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ . ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ผมหิ้วกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้น ๔ ตึกสิรินธร แผนกรังสีรักษา โรงพยาบาลราชวิถี แปลงร่างเป็นคนไข้ใน เพื่อรับยาคีโมชุดที่ ๑ และเริ่มฉายแสงครั้งที่ ๑ สังเกตให้ดีนะครับ ช่วงนั้นหน้าตาของผมจะอิ่มเอิบ อ้วนท้วนสมบูรณ์ ขณะนั้นผมทำน้ำหนักไว้ได้ที่ ๕๖ กิโลกรัมครับ สูงสุดในชีวิต ผมไม่เคยอ้วนขนาดนี้มาก่อนเลย....ผมทำตัวเองอ้วนตามคำสั่งของหมอ..... ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ นะครับสำหรับท่านที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง และกำลังจะเข้ารับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ขอให้ท่านกินให้อ้วน ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะรับศึกหนักได้เลยครับ การให้ยาคีโมครั้งที่ ๑ ผมไม่มีอาการแพ้ยา ไม่อาเจียน ยกเว้นมีอาการสะอึกเล็กน้อย หมออนุญาตให้ผมกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม - ๑๘ มิถุนายน . . . ขณะที่ผมพักอยู่ที่บ้าน ผมต้องเดินทางไปฉายแสงที่โรงพยาบาลราชวิถีทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์ ในเบื้องต้น ร่างกายของผมไม่มีผลตอบสนองในทางลบกับยาคีโม หรือการฉายแสงแต่อย่างใดครับ การเข้ารับการฉายแสงของผมแต่ละครั้ง พิเศษแตกต่างจากชาวบ้านคนไข้อื่น ๆ สักนิดหนึ่ง ผมได้รับอนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้าไปในห้องฉายแสง และได้รับความร่วมมือจากน้อง ๆ เจ้าหน้าที่รังสีช่วยบันทึกภาพ ผมจึงมีภาพนำมาเสนอท่านผู้ชมเป็นระยะ ๆ ไงครับ . ขณะที่พักอยู่ที่บ้าน คุณชาลีและคุณไก่ ให้เกียรติไปเยี่ยมคนป่วยถึงบ้านเลยครับ ดีใจมาก ๆ . . . ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ คุณหมอกำหนดให้ผมมาเป็นคนไข้ในอีกครั้ง เพื่อให้ยาคีโมครั้งที่ ๒ และครั้งที่ ๓ นอนโรงพยาบาลรอบที่ ๒ นี้ยาวเลยครับ นอนเกือบ ๑ เดือนเต็ม ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นอนโรงพยาบาลยืดยาวขนาดนี้ . "ไทรงาม" น้องสาวคนเดียวของผม ได้อวยพรให้ผมไว้ว่า "การรักษามะเร็งครั้งนี้ ขอให้พี่ชายได้เจอหมอที่ดี เจอพยาบาลที่ดี เจอยาที่ดี" คำอวยพรนั้นเป็นจริง ผมเจอหมอที่ดี ทุก ๆ เช้าที่ผมลืมตาขึ้นมา ผมจะได้เจอรอยยิ้มจาก แพทย์หญิงปฐมพร ศิรประภาศิริ ผมได้รับการเอาใจใส่จากคุณพยาบาลทุก ๆ คน และตัวยาแต่ละชนิดที่ผมได้รับ ไม่ได้ทำร้ายทำลายตัวผมเลย ผมจึงเข้มแข็ง ร่าเริง และมีความสุขตลอดเวลาที่อยู่บนเตียงของโรงพยาบาล . ผมมีอุปกรณ์เครื่องเขียน สมุดบันทึก เพื่อบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ....พร้อม.... ผมมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เพื่อติดตามข่าวคราวในโลกอินเทอร์เน็ต ....พร้อม.... ผมมีกล้องถ่ายรูป อยู่ข้างกายตลอดเวลา เพื่อบันทึกภาพที่ผมอยากจะถ่าย ....พร้อม.... . ผมมีกำลังใจอย่างเปี่ยมล้นจากแม่มะยง ที่ยอมเสียสละภารกิจจากหน้าที่ราชการ เพื่อดูแลผมอย่างใกล้ชิด ในบางครั้งเจ้านายอาจจะไม่เข้าใจบ้าง แต่แม่มะยงก็ได้อธิบายเจ้านายจนเข้าใจ ทุก ๆ บ่ายเราจึงอยู่ใกล้ชิดกันเสมอ ๆ . ผมมีกำลังใจจากลูกหลาน ที่เปรียบเหมือนยาขนานเอก คอยสอบถามอย่างสม่ำเสมอว่า ...พ่อเป็นอย่างไรบ้าง? ..พ่อทานโน่นทานนี่นะ....ลุงทานเยอะ ๆ นะ... . คุณหมอตรวจร่างกายของผมอย่างละเอียด ใกล้ชิด สม่ำเสมอ ทุก ๆ เช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องปาก ซึ่งมีปัญหาต่าง ๆ มากมายให้ผมต้องอดทนอยู่ตลอดเวลา . ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้มองแววตาของแพทย์หญิงปฐมพร ศิรประภาศิริ ที่มองมายังคนป่วย ทำให้ผมตั้งความหวังตลอดเวลาว่า ผมต้องหายขาดจากโรคมะเร็งนี้ให้ได้ . . วันดีคืนดี ก็มีพระมาโปรดถึงเตียงคนไข้ "พระโจ้" เปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ที่มาย้ำเตือนให้ผมรำลึกถึงกฏอนิจจัง ทำให้ผมไม่หวั่นเกรงต่อ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุก ๆ คนต้องประสบ และหนีไม่พ้น และเสริมให้ผมมองความเปลี่ยนแปลงของชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา ทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเอง "ตถตา"... . ผมยังเป็นคนไข้พิเศษ ที่มีน้อง ๆ จิตอาสามาผลัดเปลี่ยนมานวดเท้าสะกดจุดให้อย่างสม่ำเสมอ ๓ วันต่อครั้ง จนคนไข้อื่น ๆ หันมามองจ้องด้วยความอิจฉา . ผมเป็นคนไข้ที่มีเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยียนมากมายในแต่ละวัน แทบไม่ขาดสาย เราไม่มีการพูดจากันเรื่องความทุกข์ยาก เสวนากันเฉพาะความสนุกสนานเฮฮา . ในตอนเช้า เมื่อมีโอกาส ผมจะลงจากตึกสิรินธร ไปซื้ออาหารทำบุญใส่บาตร ตรวจน้ำ แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และมะเร็งว่า ...จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย... . ในขณะที่ผมนอนอยู่บนเตียงคนไข้ วันดีคืนดีก็เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวจากชุดคนไข้ เป็นชุดม่อฮ่อมตัวเก่ง จับไมค์ขึ้นเวที ถ่ายทอดความรู้สึกของคนป่วยมะเร็งให้กับสังคมภายนอกได้ทราบ ให้กำลังใจกับผู้ป่วยมะเร็งรายอื่น ๆ นำประสบการณ์จริง ๆ ที่ผมกำลังเป็นอยู่มาเล่าสู่กันฟัง ผู้ที่นั่งอยู่บนเวทีทุก ๆ คนในภาพ คือผู้ป่วยมะเร็งที่หายขาดแล้ว เหลือเพียงผมคนเดียว ที่กำลังอยู่ระหว่างการบำบัดรักษา . มะเร็งชอบคนที่มีจิตใจเศร้าหมองครับ เขาจะไม่ชอบคนที่ร่าเริงแจ่มใส เพราะเขาถือว่าคนร่าเริงเป็นศัตรูกับเขา หากท่านอยากจะเป็นศัตรูกับมะเร็ง ท่านต้องเป็นคนที่มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจตลอดเวลา อย่าเป็นคนหงุดหงิด ขี้โกรธ พยาบาท หรือมีอารมณ์ฉุนเฉียว เป็นอันขาด ทั้งสามท่านนี้ ก็เป็นคนไข้มะเร็ง แต่ทุกคนสดชื่นได้เสมอ ๆ ครับ . ในบางครั้งผมแอบขอบคุณมะเร็งที่ทำให้ผมได้พบกับเพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยม เราห่างหายกันมา ๔๐ กว่าปี แต่ก็ได้มาพบกันเพราะมะเร็งนำพา . หรือเพื่อนฝูงสนิทสนม เจอกันเรื่อย ๆ ก็ได้เจอกันอีก . หากสังเกตให้ดี ๆ อีกครั้ง จะเห็นว่า รูปร่างหน้าตาผมเริ่มแปรเปลี่ยนไป ผมทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักผมลดฮวบฮาบ ผิวหนังที่คอมีรอยไหม้ดำเพราะการฉายแสง แม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ความรักในครอบครัวของผมกลับเหนี่ยวแน่นมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ความรัก ความผูกพันของบุคคลในครอบครัวกับคนป่วยที่เป็นมะเร็งมีความสำคัญยิ่ง บุคคลในครอบครัวต้องพยายามเป็นอย่างที่จะต้องทำใจให้แข็ง และอย่าคิดตีโพยตีพายไปว่า คนเป็นมะเร็งจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ขอให้ทำใจสบาย ๆ และปฏิบัติต่อคนป่วยอย่างคนปกติ ดูแลกันไปตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คนป่วยจะมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ . . ในขณะที่อยู่ที่โรงพยาบาล น้องสาวของผมซึ่งทำงานอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะโทรศัพท์มาพูดคุยกันอยู่เรื่อย ๆ มีอยู่วันหนึ่ง "ไทรงาม" โทรมาถามผมว่า พี่จะอยู่ที่โรงพยาบาลถึงเมื่อเมื่อไหร่? ผมตอบว่าอีกหลายวัน... สักครู่หนึ่ง "ไทรงามและหลาน ๆ " ก็เดินเข้ามาที่เตียงคนไข้ นี่เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้คนไข้ตื่นเต้นดีใจ เลือดฉีดแรง . เพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช และเบญจมราชูทิศ ซึ่งไม่ได้เจอกันมานับ ๔๐ ปี มาเยี่ยมเยี่ยนมากมาย มาจากทุกสารทิศเชียวครับ . . . หลังจากที่คุณหมอให้ยาคีโมครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คุณหมออนุญาตให้ผมกลับบ้านในวันที่ ๑๑ กรกฎาคม เพื่อกลับไปทำบุญวันเข้าพรรษา ส่วนการฉายแสงที่เหลืออีก ๓ ครั้ง คุณหมอให้เดินทางไปกลับ . . แต่......การกลับบ้านครั้งสุดท้ายของผมนี่เกือบเกิดเรื่องราวน่าสลดใจ ผมกลับถึงบ้าน ผมทานอาหารไม่ได้ทุกชนิด รวมไปถึงน้ำดื่มผมก็ดื่มไม่ได้ อาการที่เกิดขึ้น คือผมปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะออกมาครั้งละ ๒ หยดเท่านั้น นอนไม่หลับ ร่างกายอ่อนเพลียอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าอาการไม่ดีแน่ ๆ ผมจึงไปพบคุณหมออีกครั้ง คุณหมอสั่งแอดมิดทันที ผมคลานขึ้นเตียงอย่างทุลักทุเล ใส่สายปัสสาวะ ใส่สายให้อาหารทางจมูก ให้น้ำเกลือ ให้ออกซิเจน . . เจ็บ...ปวด...ทรมาน เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ผลข้างเคียงจากการไม่ดื่มน้ำเยอะ ๆ ตามที่หมอสั่ง ส่งผลให้ไตทำงานอย่างหนัก ผมเกือบจะเสียชีวิตเพราะโรคไตวาย ไม่ใช่เพราะโรคมะเร็ง ผมนอนซมเพราะร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงนี้ถึง ๓ วัน ๓ คืน เต็ม ๆ . เข้าสู่วันที่ ๔ ผมจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย และผ่านพ้นจุดวิกฤติเพราะแพทย์หญิงปฐมพร ศิรประภาศิริ อีกครั้ง... รอบสุดท้ายนี้หนักสุด ๆ ครับ ผมนอนแกร่วบนเตียงรวม ๗ วัน ๒๓ กรกฏาคม ๒๕๕๗ คุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ สรุปว่า ผมเข้าคอร์สรับการรักษามะเร็งครั้งนี้ถึง ๕๗ วัน . . ตลอดระยะเวลาของการรักษาโรคมะเร็ง ผมไม่เครียด ผมใช้ชีวิตตามสบาย ๆ แม้ผมจะรู้ตัวดีว่าผมไม่สบายหนัก ผลข้างเคียงจากการฉายแสงที่ลำคอ ทำให้ต่อมน้ำลายในปากถูกทำลายเกือบทั้งหมด การรับรู้รสชาติอาหารสูญเสียไป ในปากมีแต่รสเค็มเหมือนอมเกลือเป็นกำมือ น้ำลายเหนียวเหนอะหนะ ผมต้องบ้วนปากตามที่แพทย์สั่งตลอดเวลา หลาย ๆ คืน ผมเจ็บในคอในปากแทบจะนอนไม่หลับ แต่ผมก็ต้องทำให้ร่างกายหลับได้อย่างสบายด้วยการไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิกำหนดจิตให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำลังใจจากเพื่อนฝูงญาติมิตรมีมากมาย มากมายจนผมนึกไม่ถึงว่ามันจะมีมากขนาดนี้ ผมมีผู้คนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลไม่ขาดสายในแต่ละวัน ผมมีแม่มะยงและลูก ๆ อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ชีวิตของผมยังมีคุณค่าต่อทุก ๆ คน . . ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และแล้ว วันแห่งความระทึกใจของผมก็ได้มาถึง มันตื่นเต้นยิ่งกว่าวันคล้ายวันเกิดเมื่อ ๓๐ กรกฏาคม หรือวันครบรอบแต่งงาน 34 ปี เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ซะอีก... วันนั้น คือวันที่คุณหมอนัดหมายตรวจร่างกายว่าในร่างกายของผมยังมีเชื้อมะเร็งตกค้างอยู่อีกหรือไม่? . หลังจากที่ผมเสร็จสิ้นจากการบำบัดรักษามะเร็งต่อมทอลซิล ด้วยการให้คีโม ๓ ครั้ง และฉายแสงรังสี ๓๕ ครั้งเมื่อปลายเดือน กรกฏาคม ๒๕๕๗ คุณหมอแพทย์หญิงปฐมพร นัดหมายให้ผมไปตรวจร่างกายเพื่อสรุปผลการรักษาว่า การรักษามะเร็งครั้งนี้เป็นอย่างไร? การพบแพทย์ครั้งนี้ เป็นการพบแพทย์ในระบบ "One Stop Service" เป็นบริการพิเศษสำหรับคนไข้มะเร็ง ที่ รพ.ราชวิถี จัดเตรียมไว้เป็นการเฉพาะ โดยนัดหมายคนไข้มาครั้งเดียวแต่คนไข้จะได้พบแพทย์หลาย ๆ ท่านในเวลาเดียวกัน คือพบแพทย์เจ้าของไข้ พบแพทย์เฉพาะทางคอหูจมูก พบทันตแพทย์ คนไข้ไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ทีละคนให้เสียเวลา และเกิดความสับสน .
ก่อนจะเข้าพบแพทย์ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะได้ยินได้ฟังจากปากคุณหมอ จนทำให้ความดันโลหิตผมขึ้นสูงถึง 169 คณะแพทย์ ได้ตรวจร่างกายของผมด้วยการส่องกล้อง การคลำก้อนเนื้อ และมีมติออกมาร่วมกันว่า ......"ไม่พบก้อนเนื้อร้ายที่ลำคอของคนไข้"...... ......"หมายความว่าผมหายจากโรคมะเร็งในครั้งนี้แล้วใช่มั้ย?"...... ......"ก้อนเนื้อร้ายหนีไปจากร่างกายของผมหมดแล้วใช่มั้ย?"...... . .
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ตุลาคม 2014 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |