... “ ช้างควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างให้เพียงพอ การปฏิบัติคือ ให้ไปสร้างอาหารในป่าเป็นแปลงเล็กๆ และกระจาย กรณีช้างออกมาที่ชายป่าต้องให้ความปลอดภัยกับช้าง” …

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2542 เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาระหว่างช้างกับคน ที่ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง มีข่าวช้างป่าออกมาจากป่า กินกล้วย อ้อย สัปปะรด ในพื้นที่เกษตรของคน ทั้งๆที่ตรงนั้นคือผืนป่าที่อยู่อาศัยของช้าง แต่เป็นคนที่รุกคืบรุกล้ำเข้าไปในที่ของช้าง แต่เพราะช้างไม่สามารถเรียกร้องการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองผืนป่าเองได้ ในขณะที่คนก็เห็นแก่ตัวเกินไปที่จะยอมสละที่ทำกินชายคืนให้ช้าง

เมื่อชายป่ากับรั้วบ้านกลายเป็นสิ่งเดียวกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ ทำให้สัตว์ป่า กับ คน อยู่ด้วยกันได้ ไม่มีใครต้องทำร้ายใคร

สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี พระราชทานแปลงหญ้าอาหารช้างไว้ในป่า อช.กุยบุรี ... เจ้าหน้าที่ อช.กุยบุรี รับนโยบายทำแหล่งอาหารช้างไว้ในป่า ซึ่งช่วงสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ช่วงวันหยุดดี ได้มีโอกาสตามรอยพระราชกรณียกิจ พระเมตตา พ่อหลวง แม่หลวง ที่ไม่เพียงมีกับพสกนิกร แต่ทรงมีพระเมตตาต่อทุกชีวิตบนแผ่นดินไทยผืนนี้

ทำให้วันนี้ ในพื้นที่ชายป่า บริเวณที่เรียกว่า “บ้านรวมไทย” ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กลายเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ต้อนรับนักท่องเที่ยว นักนิยมธรรมชาติ เข้าไปสังเกตการณ์วิถีชีวิตของ "ช้างป่า"

คลิ๊กฟังเสียง..คุณ สุมล จะเล่าให้ฟัง !!!

ได้พบกับ คุณสุมล จงดี หัวหน้าหน่วยห้วยลึก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ก็เลยได้สอบถามความคืบหน้าโครงการสร้างแหล่งอาหารในป่าให้ช้าง

“ แหล่งหญ้า ไม่ขาดหรอกครับ โป่งช้างนี่ยิ่งไม่ขาด แถมช้างยังใช้ไม่คุ้มอีกตะหาก เพราะ มันเยอะเกินไป แต่ที่ขาดน่าจะเป็นแหล่งน้ำ”

ปัญหาที่กุยบุรีคือ ฝนไม่ตก หรือ ตก ก็ไม่พอให้มีน้ำเก็บ หรือไม่ ก็แหล่งกักเก็บน้ำไม่เพียงพอเจ้าหน้าที่ อช.กุยบุรี จึงมีโครงการที่จะขุดบ่อน้ำกักเก็บน้ำ ที่ไม่ใช่แค่ขุดบ่อดิน แต่จะปูคอนกรีตก้นบ่อ เพื่อสามารถเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำไม่ไหลซึมลงดินหมด ขุดให้กระจายเต็มพื้นที่ เพียงพอกับช้างได้ใช้งาน เบื้องต้นจะขุด 3 บ่อก่อน แต่ถ้าจะให้เพียงพอต้อง 20 บ่อ !!!

คุณ สุมล พาสำรวจบ่อตัวอย่างต้นแบบ ที่เจ้าหน้าที่ขุดไว้ รอเทคอนกรีต ...

“ต้องเลือกพื้นที่ด้วยนะครับ ไม่ใช่จะขุดตรงไหนก็ได้”

... เพราะ เพื่อสะดวกในการนำรถขนน้ำเข้าไปเติมน้ำ นอกเหนือจากรอรับน้ำฝนธรรมชาติ แต่ก็ต้องไม่ใกล้กับเส้นทางรถวิ่ง ที่บรรดานักท่องเที่ยวจะผ่านเข้าไปดูช้างได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนช้างหรือสัตว์ป่า รอบบ่อต้องมีเนินลานดินให้ช้างได้เล่น มีดินโป่งให้ช้างได้กิน และมีทุ่งหญ้า แบบที่เรียกได้ว่า มาจุดเดียว ได้ครบทุกรสชาติวิถีชีวิตช้างป่า !!! …

ยิ่งสำรวจรอบบ่อตัวอย่างยิ่งตื่นเต้น  แม้บ่อยังขุดไม่เสร็จ มีน้ำขังในบ่อเพียงเล็กน้อย แต่รอบๆขอบบ่อ พบทั้งรอยเท้าช้าง รอยเท้ากวาง แล้วก็รอยเท้ากระทิง

บ่อเดียวไม่ได้ใช้ประโยชน์แค่เพียงช้างป่า แต่ทุกชนิดสัตว์ป่า สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ที่นี่

คิดว่าไป กุยบุรี ป่าซาฟารีเมืองไทยคราวนี้ จะไม่ได้เห็นช้างป่าซะแล้ว หลังจากวันแรกที่ไปถึง ไปสังเกตการณ์ช้างป่าที่บริเวณบ่อ 5 ... ร่ำๆจะได้เห็นช้างอยู่แล้ว แต่พอเด็กหญิงที่มากับพ่อแม่ร้องกรี๊ดกร๊าดขึ้นมา ก็เลยทำให้โขลงช้างที่กำลังจะออกมากินหญ้าตกใจ ถอยหลังพาขบวนหลบหายกลับเข้าไปในป่า

“อยากเห็นช้างป่า อย่าส่งเสียงดัง” !!!

น่าจะเป็นบทอบรมเบื้องแรก สำหรับใครก็ตามที่จะเข้าไปดูช้างป่า หรือ แม้แต่สัตว์ป่าอื่นๆ ควรต้องรู้ และ ปฏิบัติตาม

... แม้แต่คนที่รู้อยู่แล้ว ยังอาจจะปฏิบัติยาก เพราะพอเห็นร่างใหญ่ๆเคลื่อนไหวอยู่ในดงป่า ทุ่งหญ้า ยังอดตื่นเต้นไม่ได้ ฮือฮากันพักใหญ่กว่าจะคุมสติได้ ช้างหันมองค้อนแล้วค้อนอีก แต่คนที่ไม่รู้ ยิ่งเป็นเด็กๆ ที่ไปกับพ่อแม่ ไม่ต้องพูดถึง ดังนั้น ควรต้องรู้กฎกติกานี้ เพื่อที่จะไม่เป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นเสียโอกาสกันไปหมด …

แต่คงเป็นโชคดี เพราะหลังสำรวจบ่อน้ำ กำลังกลับออกมา ได้เจอโขลงช้างป่ากำลังหักกินต้นไม้ในป่าข้างทาง อยู่ห่างลึกจากเส้นทางรถวิ่งไม่ถึง 10 เมตร !!!

ไม่ส่งเสียงดัง แต่รัวชัตเตอร์กันสนั่นเลยทีเดียว !!!

/////////////

แล้วเตรียมพบกับ อีก 1 กิจกรรมดีๆ เพื่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย โอเคเนชั่น ... “โครงการเข้าใจช้าง เข้าใจบ่อ” ... ร่วมขุดบ่อ ล่อช้างป่า ให้อยู่ในป่าอย่างอิมหมี พีมัน และ ปลอดภัย

Coming Soon !!!