*/
<< | สิงหาคม 2018 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
สวัสดีครับ
Fairplay นะพวก !
![]() ศาลลุยเชียงรายเช็คที่สร้างที่ทำการ ผอ.ศูนย์พืชสวนฯแนะมีอีก80ไร่เหมาะกว่าวันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 18.55 น.
ศาลลุยเชียงรายเช็คที่สร้างที่ทำการ ผอ.ศูนย์พืชสวนฯแนะมีอีก80ไร่เหมาะกว่า 23 ส.ค.61 ความคืบหน้ากรณีสำนักงานศาลยุติธรรม ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ขอใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 แห่งใหม่ ตรงที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.225 และที่ ชร.1238 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เนื้อที่ประมาณ 42-3-00 ไร่ ของศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย กรมวิชาการเกษตรนั้น ล่าสุดพบว่าคณะจากศาล ได้เข้าไปศึกษาดูงานพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในพื้นที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยหากมองจากถนนสายเด่นห้า-ดงมะดะ ซึ่งผ่านหน้าศูนย์ดังกล่าวก็จะเห็นแปลงสาธิตเป็นนาข้าวและไม้ผลอื่นๆ รวมถึงบ่อปลา เป็นบริเวณกว้างเช่นเดิม ด้านนายสนอง จรินทร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางศูนย์ฯยังไม่ได้รับหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทางการ เพียงแต่มีหนังสือจากศาล จ.เชียงราย ลงวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ขอนำคณะไปดูพื้นที่เพื่อสร้างสำนักงานและบ้านพัก ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 อธิบดีศาลอุทธรณ์ภาค 5 นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ธนารักษ์พื้นที่ จ.เชียงราย และคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม โดยได้เข้าไปดูพื้นที่ในส่วนของศูนย์เพื่อสอบถามการใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน จากนั้นปรากฎข่าวว่าจะมีการใช้พื้นที่ดังกล่าว ทำให้เป็นที่ตกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะยังไม่มีหนังสือสั่งการใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย นายสนอง กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ของศูนย์ฯที่ทางคณะไปดูนั้น มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ติดถนนเชียงราย-ดงมะดะ แต่พื้นที่ที่ทางศาลจะใช้จริงๆมีจำนวน 40 ไร่กว่า ทำให้ยังมีเนื้อที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่อยู่ติดอีก 20 กว่าไร่รวมอยู่ด้วย จึงทำให้พื้นที่คาบเกี่ยวกันระหว่างกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตรฝ่ายละครึ่ง ทำให้ทางศูนย์ฯก็กำลังรอคำสั่งอย่างเป็นทางการจากกรมวิชาการเกษตรว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ หากทางหน่วยเหนืออนุญาตให้ศาลเข้าใช้พื้นที่ ทางศูนย์ฯก็ต้องย้ายออกไปจากพื้นที่ส่วน 20 ไร่ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันพัฒนาพื้นที่เป็นศูนย์เรียนรู้การผลิตพืชตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่มานานกว่า 7 ปีแล้ว โดยทั่วประเทศมีเพียง 7 แห่ง ตั้งด้วยงบประมาณการท่องเที่ยวเชิงเกษตรเพื่อการศึกษาดูงาน ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ไปศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะนักศึกษาจากสถานศึกษาต่างๆในจังหวัดภาคเหนือ เพราะหน่วยงานในพื้นที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะอนุญาตหรือไม่ อย่างไร ส่วนอีก 20 ไร่ของกรมส่งเสริมการเกษตรก็ขึ้นอยู่กับกรมฯ “ปัจจุบันศูนย์ฯมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 1,900 ไร่ พื้นที่ที่ใช้เพื่อการวิจัยอยู่ทางด้านหลังศูนย์เรียนรู้ดังกล่าวเข้าไป สำหรับศูนย์เรียนรู้ที่มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ดังกล่าวนั้น เป็นที่ราชพัสดุและอยู่ติดกับถนน ซึ่งปัจจุบันมีการทำเป็นนาข้าว ปลูกไม้ผล พืชผัก บ้านเกษตรกร สระน้ำ ฯลฯ อย่างครบถ้วน แต่ด้านข้างมีถนนเข้าไปได้อยู่ ซึ่งได้ให้ชาวบ้านปลูกเป็นป่าไผ่เนื้อที่รวมกันประมาณ 80 ไร่ อาจจะเหมาะสมมากกว่าหรือไม่ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาต่อไป” นายสนอง กล่าว
![]() มาแน่'ม.44'!!! วิษณุเปิด 6 ข้อคลายล็อกพรรคการเมือง รอคสช.เคาะให้บิ๊กตู่ลงนามวันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 15.16 น.
วันที่ 23 สิงหาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการเตรียมคลายล็อกการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้คุยกันเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว โดยต้องการให้ 1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.สามารถดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ ส่วนข้อ 6.นั้นจำไม่ได้ แต่ไม่ใช่การหาเสียงเลือกตั้งแน่นอน นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปิดทางให้สามารถดำเนินการได้ และการใช้ม.44 ก็ไม่เห็นจะเป็นประเด็นอะไร เพราะคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 นั้นเปรียบเหมือนกฎหมาย การจะปรับเปลี่ยนคำสั่งนี้ก็จะต้องออกกฎหมาย โดยม.44 แต่ไม่ทราบว่า คสช.จะออกคำสั่งได้เมื่อใด ส่วนการทำไรมารีโหวตนั้นรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนด เพราะกำหนดเพียงให้รับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคในการเลือกผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายวิธีการ แต่ไม่ขอบอกว่าจะเสนอให้ คสช.เลือกรูปแบบใด แต่จะบอกถึงข้อดี ข้อเสีย ทุกรูปแบบ “จะเสนอคสช.ได้เมื่อไหร่คงไม่ต้องพูดเพราะจะก่อให้เกิดการคาดการณ์ เกิดความสับสนอลหม่าน มีการขยายผล มีการวิจารณ์ ด่าไปก่อน ทำให้ทุกอย่างไขว้เขว่ไปหมด ส่วนที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าพร้อมเซ็น เมื่อมีการเสนอมานั้นหมายถึง พร้อมเซ็นเมื่อมีการพิจารณาแล้วเสร็จ โดยต้องเข้ามาพิจารณาในที่ประชุม คสช.ก่อนจะมีการปรับปรุง และยื่นให้หัวหน้าคสช.เซ็น” นายวิษณุ กล่าว เมื่อถามว่า เมื่อทำไพรมารีโหวตเสร็จพรรคการเมืองจะสามารถหาเสียงเลือกตั้งได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ได้ เพราะการหาเสียงเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้ง ส่วนพรรคการเมืองจะลงพื้นที่พบปะประชาชนหลังทำไพรมารีโหวตได้หรือไม่นั้นจะต้องถามกกต. นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนที่ กกต.กางปฏิทินเบื้องต้นว่าจะสามารถออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งในเดือน ม.ค. 62 แล้วจัดการเลือกตั้งได้ในวันที่ 24 ก.พ.62 นั้น เป็นสมมติฐานของกกต. คิดว่าไม่มีปัฐหาในเรื่องของระยะเวลาเพราะสมัยที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น มีเวลาเตรียมตัวเลือกตั้งแค่ 20 วัน จนทำให้ พรรคกิจสังคมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมท ต้องขึ้นป้ายหาเสียงว่า คิดไม่ทันพี่น้องเอ๋ย เลือกกิจสังคม จึงไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลา “การประกาศเพียงสั้นๆ การหาเสียงก็จะสั้น บางคนอาจรู้สึกว่าเสียเปรียบ แต่บางพรรคอาจชอบใจ เหมือนที่หนังสือพิมพ์เขียนวันนี้ว่าทุกพรรคการเมืองอยากให้การเลือกตั้งสั้นทั้งนั้นเพราะจะได้จ่ายเงินน้อย แต่ก็ยังขาดการสร้างความรู้ความเข้าใจ การตัดสินใจเลือกนโยบายของพรรคต่างๆ ทางที่ดีที่สุดคือเอาให้พอดี เพราะอย่าง 20 วันก็สั้นเกินไป 90 วันก็ยาวเกินไป”นายวิษณุ กล่าว
![]() ประมวลภาพ 'แนวหน้า FORUM' จับตาชีพจรเศรษฐกิจไทยวันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 19.06 น.
เวลา 18.00 น.วันที่ 23 สิงหาคม 2561 ที่ห้องเลอ คองอคอร์ด บอลรูม โรงแรมสวิส โฮเต็ล เลอ คองคอร์ด “นสพ.แนวหน้า” ได้จัดเวทีสัมมนา “แนวหน้า FORUM” จับชีพจรเศรษฐกิจไทย เพื่อนำเสนอข้อมูลและวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทย โดยภายในงานมีบุคคลสำคัญมาร่วมปาฐกถาและเสวนาพิเศษ โดยเวลา 18.35 น. ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “อนาคตเศรษฐกิจไทยกับโรดแมปเลือกตั้ง” จากนั้นเวลา 19.10-20.30 น. ดร.อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เสวนาพิเศษหัวข้อ “แนวโน้มศักยภาพอุตสาหกรรมไทย” , ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หัวข้อ “อนาคตการท่องเที่ยวไทยจะทะยานไปทิศทางไหน” และ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หัวข้อ “ทิศทางอนาคตอุตสาหกรรมไทยผ่านมุมมองภาคเอกชน” ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() โชยกลิ่นคุก! ปชป.กางคำพิพากษา ซัด'เรืองไกร'บิดเบือนช่วย 'ปู' ทำลายตุลาการวันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 13.51 น.
วันที่ 23 สิงหาคม นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้คืนทรัพย์สินต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกยึดอายัดไปชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่มีการขาดทุนจริงว่า ข้อมูลที่ นายเรืองไกร ออกมาพูดนั้น เป็นการบิดเบือนคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสิ้น เป็นการเดินเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่อาจเข้าข่ายต้องการทำลายอำนาจตุลาการและความน่าเชื่อถือของคำพิพากษาศาล โดยหวังเพียงผลประโยชน์ทางการเมือง ให้คนเข้าใจผิดว่าอำนาจตุลาการไปกลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ความจริงตามคำพิพากษาได้ระบุไว้ชัดถึงตัวเลขของผลการขาดทุนจากโครงการจำนำข้าวที่ทุจริตทั้งโครงการ ปิดบัญชีครั้งที่ 1 ขาดทุน 32,301 ล้านบาท ปิดบัญชีครั้งที่ 2 ขาดทุน 220,968 ล้านบาท ปิดบัญชีครั้งที่ 3 ขาดทุน 332,372 ล้านบาท รวม 585,641 ล้านบาท “นี่คือสิ่งที่ คุณเรืองไกร พยายามบิดเบือนว่า เมื่อไม่มีความเสียหายแล้วศาลพิพากษาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ศาลได้ระบุไว้ชัดในหน้าที่ 60 ว่าการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในแต่ละขั้นตอนการดำเนินการเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ก็ยังเกิดปัญหาการทุจริตในขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และกระทบต่องบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก ศาลจึงพิพากษาว่า คุณยิ่งลักษณ์ กระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดิน เพิกเฉยละเลย ก็ต้องถือว่าเป็นการจงใจ กระทำการละเมิด เป็นเหตุให้กระทรวงการคลังเสียหาย คือเป็นเหตุให้ประเทศชาติเสียหาย กระทรวงการคลังจึงออกคำสั่ง ที่ 1351/2559 ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท คุณยิ่งลักษณ์ ก็เห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ฟ้องศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ก็ไปว่ากันในศาล มีสิทธิในการต่อสู้คดีหมด แต่อย่านำเหตุผลทางการเมืองมาทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายอำนาจตุลาการ” นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ในคำพิพากษายังระบุว่าโครงการระบายข้าวถุง ก็มีการคบคิดกันเพื่อกระทำการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ควรแจ้งประชาชนทราบด้วยว่าคดีไปถึงไหนแล้ว เรื่องนี้ก็น่าสนใจ เพราะศาลได้มีคำพิพากษาชัดเจนแล้วว่ามีการทุจริต
![]() 'จานบิน'สะท้าน!! ดีเอสไอฟ้องกราวรูดอีก 6 'พระ-ฆาวาส' เอี่ยวฟอกเงินคลองจั่นวันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 18.42 น.
วันที่ 23 สิงหาคม พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคาร เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริต สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่มี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ เป็นตัวการคนสำคัญว่า ที่ผ่านมากองคดีการเงินการธนาคารได้ดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อเนื่องอีกหลายคดี รวมไปถึงในส่วนที่เชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีการสรุปสำนวนส่งให้อัยการดำเนินการสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปแล้ว พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของเส้นทางการเงินทุจริตที่ นายศุภชัย ได้สั่งจ่ายเป็นเช็คของสหกรณ์ แล้วเบิกเป็นเงินสดโอนไปเข้าบัญชีพระรูปต่างๆ โดยพระที่ได้รับเงินได้นำเงินไปซื้อที่ดินบริเวณสถานปฏิบัติธรรมและธุดงคสถานในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ได้แก่ที่ดินที่ จ.นครราชสีมา พิจิตร และชุมพร ซึ่งที่ดินที่ซื้อนั้นยังพบว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินต่างๆ เป็นชื่อของ นายศุภชัย และชื่อบุคคลธรรมดา เพื่อเป็นการง่ายต่อการโอนยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน “ในส่วนนี้ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวน โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาเป็นฆราวาส 3 ราย และพระสงฆ์ 3 รูป ความเสียหายรวม 173,120,000 บาท โดยจะนัดส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังสำนักงานอัยการคดีพิเศษในวันที่ 5 กันยายน ส่วนกรณีพระและวัดอื่นๆในกลุ่มนี้จะได้แยกดำเนินคดีอื่นๆ ต่อไป” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว ![]() ผ่าประเด็นร้อนผ่าประเด็นร้อนวันจันทร์ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561, 02.00 น.
ปัญหาการปกครองคณะสงฆ์ไทย ต้องผ่าตัดและปฏิรูปขนานใหญ่!
![]() ปัญหาการปกครองคณะสงฆ์ไทยกำลังตกเป็นข่าวใหญ่อยู่ในขณะนี้หลังจากความประพฤติของพระภิกษุสงฆ์ในระดับรองสมเด็จ หรือว่าชั้น “พรหม” รวม 3 รูป คือพระพรหมดิลก, พระพรหมสิทธิและพระพรหมเมธีที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตที่เรียกกันว่าคดีเงินทอนวัดซึ่งว่ากันว่าเป็นการร่วมมือกันทุจริตระหว่างคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ชั้นรองสมเด็จทั้ง 3 รูป กับข้าราชการพลเรือนระดับผู้บริหารสูงสุดในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) มีกระแสเรียกร้องจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศให้คณะสงฆ์ไทยทำการผ่าตัดและปฏิรูป ระบบการปกครองคณะสงฆ์เสียใหม่ทั้งหมดก่อนที่ความเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนารูปแบบสยามวงศ์ ซึ่งเป็นหินยานของไทยจะล่มสลายไปเพราะวงการสงฆ์ไทยไม่มีวิวัฒนาการที่ทันกับโลกใหม่ในยุคดิจิทัล ตามปูมประวัติของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมของไทยนั้น ได้รูปแบบการบริหารงานคณะสงฆ์มาจากระบบของลังกาวงศ์จากประเทศศรีลังกา คณะผู้บริหารสูงสุดของคณะสงฆ์และสามเณรไทยทั้ง 300,000 กว่ารูป นั้นมีคณะกรรมการมหาเถรสมาคมทำหน้าที่ดูแล โดยมี พศ.ทำหน้าที่สนับสนุนด้านงบประมาณและด้านธุรการ โดยพศ.ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรีมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งกำกับดูแลงานของพศ.ซึ่งคนปัจจุบัน คือ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ส่วนข้าราชการประจำที่ดูแลงานของพศ.คือ พันตำรวจโทพงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. รูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ไทยนั้นมีสมเด็จพระสังฆราชฯเป็นประมุขสูงสุด รองลงมาคือคณะกรรมการมหาเถรสมาคมรวม 20 รูป ซึ่งรวมทั้งสมเด็จพระสังฆราชฯ ใน 20 รูป จะแบ่งเป็นฝ่ายธรรมยุตินิกาย 10 รูป ฝ่ายมหานิกาย 10 รูป ทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกายจะมีชั้นสมเด็จฝั่งละ 4 รูป รวม 8 รูป ที่เหลืออีก 9 รูป จะเป็นชั้นพรหมหรือรองสมเด็จแบ่งเป็นชั้นพรหมของธรรมยุต 4 รูป ชั้นพรหมของมหานิกาย 5 รูป ส่วนอีก 2 รูป เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม 2 รูป ที่ได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคมทั้ง 20 รูป ลงมาจะมีตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่รองลงมาคือเจ้าคณะภาค ซึ่ง ตำแหน่งของคณะสงฆ์ไทยตามปกติจะมีสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานจากองค์พระมหากษัตริย์จะพระราชทานสมณศักดิ์และตำแหน่งพัดยศตามพรรษาที่ครองสมณเพศหรือตามอาวุโสและบางครั้งอาวุโสก็ไม่สำคัญๆ ที่ความรู้ทางธรรมและความสามารถในการบริหารวัดและคณะสงฆ์ซึ่งสงฆ์ไทยจะมีชั้นยศ หรือสมณศักดิ์มากถึง 18 ชั้น สูงสุดคือสมเด็จพระสังฆราชฯ 1 รูป รองลงมาคือชั้นสมเด็จ 8 รูป ชั้นรองสมเด็จหรือว่าชั้นพรหมอีก 9 รูป และมาถึงชั้นธรรมทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกายรวม 50 รูป พระราชาคณะชั้นเทพรวม 100 รูป ทั้ง 2 นิกาย พระราชาคณะชั้นราช 210 รูป ทั้ง 2 นิกาย พระราชาคณะชั้นสามัญอีก 510 รูป ต่อลงมาคือพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี โท เอก พิเศษอีกไม่จำกัดจำนวนจะมีประมาณ 3,000 รูป พระครูฐานานุกรมไม่จำกัดจำนวนมีประมาณ 5,000 รูปขึ้นไป หรือมากกว่านั้นพระครูป ระทวนสมณศักดิ์มีไม่จำกัดจำนวนอาจจะมีหลายหมื่นรูปสุดท้ายคือพระเปรียญธรรมซึ่งมีหลายหมื่นรูป จากการสอบ การบริหารงานของพระสงฆ์ไทยนั้นกระทำตามอำนาจที่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 การ กล่าวโดยสรุปคืออำนาจการจัดการบริหารทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมการมหาเถรสมาคมทั้ง 20 รูป นั่นเองปัญหาการทุจริตต่างๆที่เกิดขึ้นจึงมาอยู่ที่พระสงฆ์ที่เป็นชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 20 รูป นี่เอง อำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคม ตามที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 18 มีความว่า มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ปกครองคณะ สงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อย เพื่อการนี้ให้มีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคมออกข้อบังคับวางระเบียบหรือออกคำสั่งโดยไม่ขัดหรือ แย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัยใช้บังคับได้ จะเห็นว่าอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมตามมาตรานี้มีความหมายกว้างขวางมากหากมีคณะกรรมการรูปใดไปกระทำผิดการตรวจสอบทำได้ยากแม้จะได้มีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) ปี2525 แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติต่างๆ แต่อำนาจก็ยังอยู่ที่พระมหาเถระทั้งมวลอยู่นั่นเอง น่าจะถึงเวลาที่รัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีอำนาจมากกว่ารัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้งดำเนินการผ่าตัดและปฏิรูป ระบบการ ทีมข่าวการเมือง .............................................. 23 สิงหาคม 2561
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |