พตท.นช.ดร.ทักษิณ ชินวัตร     นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายชาวแคนาดา

พ.ต.ท. นช. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 และเป็นต้นเหตุให้เกิดการปฏิวัติประหารวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ไล่ตนเองลงจากอำนาจในตอนท้าย

การมาของรัฐบาลทักษิณ ตรงกับการพังทลายของตลาดแนสแดกซ์ และค่าเงินเหรียญสหรัฐพอดี ทำให้เงินไหลออกจาอเมริกามายังประเทศต่างๆ รวมทั้งไหลเข้ามาในประเทศไทยด้วย ทำให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงขึ้น สภาพคล่องของระบบสูง ตลาดหุ้นสูงขึ้น ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น และสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดก่อนกำหนด เศรษฐกิจยุคทักษิณดีขึ้น จึงไม่ใช่เกิดจากฝีมือทักษิณ ทักษิณเพียงสวมรอย ว่าเกิดจากฝีมือตนเท่านั้น

1) ทักษิณมุ่งมาหา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญทั้งชีวิต การเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็เพื่อจะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ แม้ขณะรับราชการเป็นตำรวจก็มีอาชีพเสริมพิเศษ ฉายหนังเร่ กระทั่งเป็นเจ้าของโรงหนังแถวราชวัตร ธุรกรรมของทักษิณได้รับผลกระทบจากการพังทลายของตลาดหุ้นในปี 2521 ที่ทำให้ประเทศต้องเข้าโครงการไอเอ็มเอฟครั้งแรก มีเช็คเด้งตามคำพิพากษาหมายเลขแดงที่ 149/2532 ทักษิณเห็นช่องทางการเมืองสามารถให้ความมั่งคั่งได้ง่าย ก็เข้ามาเล่นการเมือง ดังนั้นคำพูดว่า“ผมรวยแล้ว ผมพอแล้ว” เป็นคำที่ฟังแล้วฟังดี แต่เป็นมุสาโวหาร ที่ใช้ปกปิดซ่อนเร้นกิเลสตน

.

SHIN และ SET ระหว่างปี 1990 - 2006( 16 ปี) ดแบบนี้อาจจะไม่เห็นถึงความแตกต่าง ..ดูการเปรียบเทียบภาพถัดไป

.

เปรียบเทียบราคาหุ้น SHIN กับ SET Index ย้อนหลัง 16 ปี 

โดยปรับฐานของราคา SHIN และ SET Index วันที่ 31 สิงหาคม 2533 (1990) = 100

.

เปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกัน

4 มกราคม 1944(2537)
SET Index 1,754 จุด เพิ่มขึ้น 203 เปอร์เซ็นต์
SHIN เพิ่มขึ้น 1,217 เปอร์เซ็นต์

อีก 12 ปีต่อมา...

23 มกราคม 2006(2549)
SET Index 745 จุด เพิ่มขึ้น 86 เปอร์เซนต์
SHIN ขึ้นมาอีกที่ 1,214 เปอร์เซ็นต์ (แล้วขายให้สิงคโปร์)

.

ปี 2549 แม้ SET Index ไม่ขึ้นมาถึงจุดเดิมที่ 1,754 จุด คือขึ้นมาที่ 745 จุด แต่ SHIN ก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดเดิมที่ 1,214 เปอร์เซ็นต์ได้  เมื่อขายให้เทมาเส็กแห่งสิงคโปร์แล้ว ราคาหุ้น SHIN ก็ตกลงอย่างเดียว

SHIN ขึ้น-ลงแรงกว่า SET 5-6 เท่า แกว่งตัวแรงกว่า และแกว่งตัวหลายรอบกว่า

บังเอิญหรือ?

เป็นไปตามพื้นฐานหรือ?

ทักษิณรวยจากตลาดอบายมุขตั้งแต่ก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรีจริง ได้สัมปทานโทรศัพท์แล้ว ตั้งเป็นบริษัทชิน คอร์เปอเรชัน นำมาเข้าตลาดหุ้น ราคาหุ้นชินคอร์ป ขึ้นลงแรงมากกว่า SET 5-6 เท่า และหลายรอบ ก็รวยเหลือเชื่อได้แล้ว และเมื่อมาเป็นรัฐบาล ก็ใช้ความชำนาญ ใช้ตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ แก้กฎหมายโทรคมนาคม แล้วลากราคาสมบัติชาติขึ้นถึงจุดสูงสุดเดิมได้อีกรอบ ในต้นปี 2549 ที่ SET Index ประมาณ 745 จุด  แล้วขายให้สิงคโปร์ไป

2) เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ทันไร ทักษิณประกาศ “ต่อไปนี้การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะไม่ทำเพื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟแล้ว แต่เราจะแปรรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการตรวจสอบในตลาดหุ้น” ทักษิณเอา 5 รัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหุ้น รวมทั้งปตท. แล้วปตท.ก็ขึ้นราคาน้ำมันขูดรีดชาวบ้าน ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการแทบทุกชนิดสูงขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์หรือเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ยกตัวอย่างค่าโดยสารรถเมล์เพิ่มจาก 3.50 บาท เป็น 7-8 บาท เป็นจุดเริ่มต้นความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของคนไทยที่หนักกว่าเดิม เงินเฟ้อที่สูงขึ้นแล้ว ยากมากที่จะลดลง อาการเงินเฟ้อ คืออาการที่เงินบาทอ่อนค่าอย่างหนึ่ง หรือคืออาการที่ประเทศชาติประชาชนจนลง ใจร้ายกับประเทศชาติประชาชนมาก

3) ทักษิณ หมกมุ่นในเงินทองและอำนาจอย่างไม่ลดละ ยังคงมุสาวาจาและใช้วิธีการต่างๆ ปิดบังกิเลสตนหนักกว่าเดิม และโฆษณาชวนเชื่อ ว่าตนเองเป็นคนดีเป็นคนเก่งเหนือใคร แสดงความประสงค์จะกลับมามีอำนาจอีก สร้างความแตกแยกคนในชาติทุกระดับชั้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นเวรกรรมแก่ประเทศไทย ไปอีกนานเท่านาน

สรุป การมาของทักษิณ

1) ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญ ความเจริญเป็นผลพวงจากเงินไหลเข้าจากอเมริกา ทำให้สภาพคล่องของระบบสูงขึ้น ค่าเงินบาทสูงขึ้น ตลาดหุ้นสูงขึ้น ราคายาง ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น และสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้

2) ประเทศจนลงประชาชนเดือดร้อน เมื่อใช้หนี้ไอเอ็มเอฟหมดแล้ว แทนที่จะเลิกแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กลับมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 5 แห่งเข้าตลาดหุ้น ปตท.เข้าตลาดหุ้นแล้ว ขึ้นราคาน้ำมันมาขูดรีดชาวบ้าน ทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นรุนแรงและรวดเร็ว คือเงินเฟ้อสูง เงินเฟ้อสูงขึ้นคือชาวบ้านจนลง เอาอสมท.เข้าตลาดหุ้น อสมท.ก็มาขึ้นอัตราค่าโฆษณาสินค้า ราคาสินค้าก็สูงขึ้นอีก

3) เป็นคนขายสมบัติชาติให้ต่างชาติเสียเอง ใช้อำนาจหน้าที่เปลี่ยนแปลงกฎหมายโทรคมนาคม แล้วสร้าง(ป้่น)ราคาหุ้นชินคอร์ปขึ้นมาสูงเท่าจุดสูงสุดเดิมในปี 2537(กราฟ) แล้วขายให้สิงคโปร์ เอาเงินเข้ากระเป่าตัวเอง

4) ก่อให้เกิดความแตกแยกของคนทุกระดับชั้นอย่างกว้างขวาง ไม่ยอมลดละกิเลสตน อยากกลับมามีอำนาจอีก ด้วยมิจฉาโวหารแห่งตน ปลุกเร้า ปลุกระดม ให้ผู้คนหลงเชื่อ หลงไหล ในรูปแบบต่างๆ ทำให้เกิดการแตกแยกของคนในชาติกว้างขวาง

5) เป็นต้นเหตุให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ทำลายประชาธิปไตยของประเทศ คอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ แทรกแซงองค์กรอิสระทุกรูปแบบ แก้กฎหมายทุกรูปแบบ ขายสมบัติชาติ เพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง แบบเย้ยฟ้าท้านรก เป็นต้นเหตุของการปฏิวัติรัฐประหาร ไล่ตนเองออกจากอำนาจ

ที่ผ่านมาประเทศลำบากอยู่แล้ว

การมาของทักษิณ ประเทศชาติประชาชนกลับย่อยยับกว่าเดิม

.
………………………………........
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ท
[email protected]
http://twitter.com/indexthai2