.
 

.

นายวีระ สมความคิด เป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง นำเรื่องขึ้นสู่ศาล จนศาลตัดสินลงโทษพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ มีความผิด เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี (น่าจะมีการติดคุกและไม่ให้เล่นการเมืองไปชั่วชีวิต) นำเรื่องการทุจริต คอร์รับชัน และความไม่เป็นธรรมทั้งหลาย ของทั้งข้าราชการและนักการเมืองร้องเรียนต่อปปช. เกาะติดเป็นพยานเรื่องที่ดินรัชดาของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นำเรื่องสู่ศาล จนศาลตัดสินจำคุก 2 ปี

นายวีระ สมความคิดเป็นคนธรรมดา ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ อย่างยากที่คนอื่น 65 ล้านคน จะทำได้เสมอเหมือน เขาเป็นคนที่มีคุณค่าสูง

นายวีระ สมความคิด วิจารณ์ฝ่ายกัมพูชาอย่างไม่ปล่อยวาง ว่ารุกล้ำที่ดินรอบเขาพระวิหารของไทย น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ สตรีกล้า ผู้บากบั่น ทรหด กัดติดเรื่องการเสียดินแดนไทยรอบเขาพระวิหารอย่างไม่ลดละ ผู้คนรอบข้างที่รู้จักคุณราตรีทึ่งไปตามๆกัน ทั้งคู่ถูกศาลกัมพูชาตัดสินในความผิดฐานรุกล้ำชายแดน เข้าไปในเขตทหาร และโจรกรรมข้อมูลทางทหาร โดยศาลสั่งจำคุกนายวีระ เป็นเวลา 8 ปี ปรับเป็นเงิน 1.8 ล้านเรียล และน.ส.ราตรี ให้จำคุก 6 ปี ปรับเป็นเงิน 1.2 ล้านเรียล โดยไม่รอลงอาญา ทั้ง 2 คนมีเวลา 1 เดือนในการยื่นอุทธรณ์

ทุกฝ่าย ทั้งไทยและกัมพูชา ต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ นายวีระ สมความคิด

แผนการกำจัดนายวีระ สมความคิด ได้เกิดขึ้นและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างง่ายดาย หากทำให้นายวีระตายที่คุกกัมพูชาได้ จะเป็นการกำจัดเสี้ยนศัตรูที่คอยทิ่มตำนักการเมืองทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลไทย และฝ่ายสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซ็นโดยสมบูรณ์ 

.

นักการเมืองประเทศไทย ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกันตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นเราจะไม่เห็นภาพการกอดกันกลมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับนายเนวิน ชิดชอบ

เดินทาง เจรจา วางแผน ข้ามโลก !!

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อยู่ฝ่ายรัฐบาล มีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีคดีอาญาติดตัว แทนที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะหาทางเอาตัวคนหนีคุกมารับโทษที่ประเทศไทย แต่วันนี้ 6 พฤศจิกายน 2553 พล.ต.สนั่น ได้เดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่วัดแห่งหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ กลับมาถึงเมืองไทย ให้ข่าว “ไปพบกันโดยบังเอิญ” (กรุงเทพธุรกิจ)

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายคณิต ณ.นคร คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ(คอป.) นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และ พล.ต.ต.วิชัย สังขประไพ ผบก.น.1 ขึ้นเบิกความ ขอปล่อยตัว 7+1 แกนนำก่อการร้าย โดยอ้างว่า จะทำให้แนวโน้มการปรองดองเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ไม่มีวิธีอื่นใดแล้ว นอกจากวิธีนี้

เรื่องการปล่อยตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ การปล่อยตัวแกนนำผู้ก่อการร้าย 7+1 และการมอบตัวและปล่อยตัวแกนำผู้ก่อการร้ายเผากรุงเทพ และเผาประเทศไทย และการส่งนายวีระ สมความคิดไปติดคุกที่กัมพูชาเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นการตกลงผลประโยชน์ของกลุ่มการเมือง

กรณีที่คนตายจากการชุมนุมนปก.ในปี 2553 ที่มีทั้งประชาชนและทหาร 91 คน นายอภิสิทธิ์ถูกกล่าวหาว่ามือเปื้อนเลือด ทางด้านพ.ต.ท.ดร.นช.ทักษิณ ก็หาทางที่จะช่วยปล่อยแกนนำจากการถูกจองจำในคุกตลอดเวลา

การส่งวีระ สมความคิด ไปติดคุกที่กัมพูชา และการปล่อยแกนนำผู้ก่อการร้ายเผากรุงเทพ และเผาประเทศไทย เป็นแผนการที่ถูกสร้างในชุดเดียวกัน

คนไทยตามไม่ทัน ฝ่ายหนึ่งหลงไหลทักษิณ อีกฝ่ายหลงไหลอภิสิทธิ์
แต่ข้างหลัง ทักษิณ - อภิสิทธิ์ เขาตกลงผลประโยชน์กัน

การไปเป็นพยานของทางฝ่ายรัฐบาล ไปอย่างเป็นระบบ เป็นทีม ทำให้ทหารกลายเป็นฝ่ายที่ทำให้เกิดการตายจากการชุมนุม 91 ศพโดยปริยาย

เกิดขึ้น จากการกอดกันด้วยมิจฉาทิฏฐิ ของนักการเมือง ระหว่างอภิสิทธิ์และทักษิณ

ไม่มีทางที่แกนนำผู้ก่อการร้ายจะเดินทางมาขอบคุณอภิสิทธิ์ วันที่ 12 มีนาคม 2554 มีการจัดการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มแกนนำก่อการร้ายที่ถูกปล่อยตัวได้เข้าร่วมงานสำคัญทันเวลา มีทักษิณโฟนอิน พวกเขานอกจากจะก้าวข้ามไม่พ้นแล้ว ยังจะนับถือบูชาทักษิณมากขึ้นไปอีก จบการโฟนอินมีการก้มลงกราบเหมือนกราบพระ

ยากที่การปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติจะเกิดขึ้น ความแตกแยกยังคงอยู่ และจะมากขึ้นกว่าเดิม ความคิดและการปฏิบัติการเรื่องการปรองดองดังกล่าว ใครจะรับผิดชอบ

นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ หนึ่งในแกนนำคนสำคัญออกโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์ ไม่ทราบถึงเบื้องหลังการให้ประกันตัว และความเป็นมา เป็นไป แบบไหน อย่างไร

ก่อนหน้าทางกลุ่มแกนนำเคยขอประกันตัว วงเงินประกันคนละ 2 ล้านบาท ขอประกันตัวมาแล้ว 5 ครั้ง ศาลยกคำร้อง แต่ครั้งนี้ศาลอาญายอมให้ประกันตัว และลดเงินประกันเหลือ 6 แสนบาท

ฝ่ายพธม.มีแต่ธรรมนำหน้า ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ฝ่ายนปก.มีเงินหรือมีคนที่มีเงินนำหน้า น่าสนใจกว่า นิติรัฐของรัฐไม่มีอะไรเป็นจริง อะไรถูก อะไรผิด อะไรร้ายแรง อะไรไม่ร้ายแรง ไม่รู้ รัฐเป็นฝ่ายกล่าวโทษและจับกุมแกนนำนปก.เอง แต่แล้วก็มาเป็นพยานผู้ปล่อยตัวแกนนำฝ่ายนปก.เสียเอง รัฐพลิกกลับมาไม่เอาความกับฝ่ายนปก. แต่กลับมาเล่นงานฝ่ายพธม.หนักข้อขึ้น
 

การวางแผนส่งนายวีระ สมความคิดไปติดคุกที่กัมพูชา ทำได้แบบสะใจของผู้ที่วางแผนร่วมกัน

ทราบเรื่องกันภายหลังว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทของนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นผู้ชวนนายวีระ สมความคิดและคณะ ให้มาที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้ถูกจับตัว  ก่อนถูกจับตัวนายพนิชได้โทรศัพท์ถึงหน้าห้องของนายก ให้รับทราบถึงความคืบหน้าในการลงสำรวจพื้นที่ อ.โนนหมากมุ่น จ.สระแก้ว พร้อมกับกำชับว่า “เรื่องนี้อย่าให้ใครทราบ มีนายกทราบคนเดียว” เป็นหลักฐานที่ยืนยันในเรื่องนี้

การส่งนายวีระ สมความคิดติดคุกที่เขมร เป็นการตกลงในผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นการสมประโยชน์ทั้งนักครองเมืองทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวง รวมทั้งสมเด็จอัครมหาเดโชฮุน เซน

.

พิจารณาจากลิงค์ที่แนบนี้ จะทำให้ได้ข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น 
1) ฉีกหน้าการทรราช โดยดร.วุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ นักวิชาการอิสระ “การวางแผนเอาวีระ สมความคิดไปติดคุกกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นบทละครที่เขาเขียนสคริ๊ปไว้เรียบร้อยแล้ว”  http://www.mixpod.com/playlist/78475302

2) อาจารย์ไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภา – นายตายแน่ มุ่งมาจนนักข่าว FMTV  “มีนักการเมืองชั่วอย่างน้อย 3 กลุ่ม ที่ต้องการจะฆ่านายวีระ” http://www.mixpod.com/playlist/78370887

3) ไขปริศนาเกมอำมหิต ใครจะเดือดร้อน ถ้า “วีระ-ราตรี” พ้นคุก http://mgr.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000031944

4) กลอน_ เขมร - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปี ๒๕๐๒  http://t.co/CVGGJ6h

.

การพูดกลับไปกลับมา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พูดกลับกลอก ในทวิตเตอร์มีคนส่งทวีตลงทวิตเตอร์แทบทุกเช้า เป็นที่หดหู่ใจ ทำไมนายกรัฐมนตรีไทยจึงเป็นเช่นนี้ “หน้าเหลี่ยมโกหกทุกเช้าวันเสาร์ หล่อเหลามุสาทุกเช้าวันอาทิตย์”

ช่วงแรกที่คนไทย 7 คนถูกทางกัมพูชาควบคุมตัว สื่อมวลชนถามนายกอภิสิทธิ์ว่า จะให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกฝ่ายกัมพูชาจับอย่างไร ผู้เขียนยังจำวลีที่นายกรัฐมนตรีบอกกับนักข่าวว่า “รอให้ศาลกัมพูชาตัดสินก่อน” เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูผู้เขียนไม่เคยลืม และพูดกับตัวเอง ทำไมต้องรอให้ให้ศาลกัมพูชาตัดสินก่อน!! ทำไมต้องรอให้ให้ศาลกัมพูชาตัดสินก่อน!! เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าต้องมีการตัดสินจำคุกนายวีระ อำมหิตเกินพิกัด

7 คนไทย เข้าไปในพื้นที่พิพาด ที่ยังตกลงกันไม่ได้ของทั้ง 2 ประเทศ

หลังจากนั้นก็ไม่เห็นถึงความกระตือรือร้นของนายกอภิสิทธิ์ ถึงเกียรติและความเดิอดร้อนของคนไทยที่ติดคุก

ซึ่งมันก็เหมือนนายกรัฐมนตรีไทย และประเทศไทยติดคุกด้วยเช่นกัน  

ซึ่งแท้ที่จริง มันก็เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีของนายกรัฐมนตรี และของประเทศไทยด้วย  

เห็นเสื้อสีและสไตล์เสื้อสวยมาก วางขายตามร้าน พลิกดู พบสติ๊กเกอร์พิมพ์ว่า “คนไทย ให้อภัยกัน” ต้องรีบวาง และเดินห่างออกมาทันที ก็เป็นวลีที่ดี แต่ไม่เหมาะสมกับเหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้นกับคนไทยและประเทศไทย คนทำเป็นคนขายมักง่าย ทำให้คนทำชั่วก็จะประกอบกรรมทำชั่วได้ตลอดเวลา ไม่ได้รับการลงโทษทางกฎหมาย แล้วคนดีที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของคนชั่วจะอยู่กันอย่างไร หากเสื้อนั้นติดสติ๊กเกอร์ว่า "หลักนิติรัฐของประเทศอยู่ตรงไหน" ผู้เขียนจะรีบซื้อเสื้อนั้นทันที และจะซื้อไปแจกคนอื่นๆด้วย

ทั้งกิเลสทั้งโมหะโทสะท่วมศีรษะผู้บริหารระดับสูงของไทย จนตามืดบอด ใจดำอำมหิตกับประเทศไทยและคนไทย แบบไม่รับผิดชอบชั่วดี ดูแล้ว ฝ่ายกัมพูชาแทบไม่ได้เสียหายอะไร มีแต่ได้กับได้

แต่ฝ่ายไทยตกต่ำและเสื่อมขนาดหนัก

นอกจากจะขายชาติแล้ว ส่งคนไทยไปฆ่าที่กัมพูชา

ยังฆ่าทั้งเกียรติ ฆ่าทั้งศักดิ์ศรีของคนไทยทั้งประเทศ

.

ระบอบประชาธิปไตยวิถีพุทธฯ -->>   http://t.co/NcRTP3i

.

…………………...................
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนท
[email protected]
http://twitter.com/indexthai