การกล่าวหาของรถบรรทุกว่า “ตำรวจจราจรตั้งด่านรีดไถส่วยรถบรรทุก” แต่ตำรวจ “ปฏิเสธไม่เคยรับส่วย” ประชานจะเชื่อฝ่ายไหน ..??

          จะมีกี่คนที่เชื่อ “ตำรวจ”บางคน ใส ซื่อ บริสุทธิ์ในยุควิ่งเต้นรุนแรงขนาดนี้ไม่มีเรื่องบัดซบมาให้กับยุทธจักรสีกากีกันจริงๆ   

          ดูเหมือน “ส่วยรถบรรทุก”กับ “จราจรนอกรีด”นั้น จะเป็นของคู่กันมานานเป็นทศวรรษ

          ในอดีต รถบรรทุกหลายคันทำผิดกฎหมายด้วยการแบกน้ำหนัก ถนนหนทางพังแหลกลาญ จึงกลายเป็นช่องว่างให้ “หัวปิงปอง” เรียกเก็บผลประโยชน์กันอย่างต่อเนื่อง เมื่อกลุ่ม “สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย” พยายามจะลงจากหลังเสือ ขอเข้ามาอยู่ในกรอบกติกาของกฎหมายบ้านเมือง แต่ปรากฏว่า ถูกบังคับทางอ้อมไม่ให้ลง ต้องส่งส่วยผลประโยชน์เหมือนเดิม หากไม่ยอมก็จะต้องถูกกลั่นแกล้งสารพัดวิธี

          นายทองอยู่ คงขันธ์ ที่ปรึกษาสหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า เหตุเช่นนี้เองรถบรรทุกจึงจำเป็นต้องประท้วงปิดถนนบางนา-ตราด บริเวณก.ม.4 หน้าอาคารเนชั่นทาวเวอร์ อ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจับซ้ำซ้อน จ่ายซ้ำซาก ส่วยตำรวจจราจรจับรถบรรทุก เรื่องควันดำและเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการรถบรรทุกอย่างมาก

          ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ว่าถูกกลั่นแกล้งเช่น การจับตรวจควันดำ หากรถบรรทุกคันใดจ่าย “ส่วย”มีสติ๊กเกอร์กำกับ ในการตรวจนั้น จะค่อยๆ เร่งเครื่องยนต์เบาๆ แล้วปล่อยผ่านไป

หากคันใดไม่จ่ายแล้ว จะเร่งเครื่องอย่างแรง เพื่อให้เกิดควันดำให้ได้ และต่อเนื่องกันหากเอาผิดควันดำไม่ได้ รถก็จะเกิดเสียงดัง ตำรวจจราจรที่ตั้งด่านตรงนั้น ก็จะจับกุมในข้อหาใช้รถเสียงดังซ้ำอีก

อีกมุมหนึ่งของการกลั่นแกล้งคือการพยายามจับเพื่อเร่งทำยอดจับกุม ตำรวจจะได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 75 % ของค่าปรับ หากตั้งด่านจับได้วันละ 1,000 คัน ก็จะได้เงินประมาณ 750,000 บาท และในแต่ละปีจะมีเงินก้อนนี้ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท จึงทำให้ตำรวจตั้งด่านซ้ำซ้อนทั้งย่านถนนบางนา-ตราด ธนบุรีปากท่อ พระราม 2 วงแหวนใต้-เหนือ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนเพชรเกษม เป็นต้น

          ทางสมาคมฯได้ทำหนังสือไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กรมมลพิษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจจราจร แต่ปัญหาดังกล่าวกลับยังไม่ได้รับการแก้ไขนั่นเอง

 ********************