ทุกค่ำคืนวันจันทร์และอังคารในช่วงนี้ แรงดึงดูดของจอตู้สี่เหลี่ยมสามัญประจำบ้านอันทรงอานุภาพได้แผลงฤทธิ์เดชให้ชีวิตอันปกติสุข ซึ่งกิจวัตรเดิมทีของผมมักชอบฝึกทบทวนสมองในวิชาคณิตศาสตร์ผสมหนึ่งในกีฬาแห่งอดีตกาล ด้วยในยามขณะก่อนล้มตัวลงนอนบนที่สถิตย์อันเคยนิจทราทุกวี่วัน หลังจากสวดมนต์ไหว้พระไหว้เจ้าอันเป็นนิจสิน เมื่อหัวถึงหมอนแล้วหรี่จอภาพปิดเปลือกตาลงแล้วจึงค่อยๆเริ่มบรรจงบรรเลงการเคาน์ดาวน์แห่งราตรีนี่...นี้ด้วยการนับ ลูกแกะตัวที่หนึ่งกระโดดข้ามรั้วได้...ลูกแกะตัวที่สองกระโดดข้ามรั้วได้...ลูกแกะตัวที่สามกระโดดข้ามรั้วได้...ลูกแกะตัวที่สี่..จุดจุดจุด ไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงร้อง แบะๆ แอะๆ เบาๆคลุกเคล้าคืนแห่งรัตติกาลของเหล่าผองแกะ

บัดเดี๊ยวนี้...สิ่งที่กีดกั้นขัดขวางให้แกะทุกตัวในคอกแห่งห้วงคำนึงของผมต้องเกิดอาการชะงักงันจนต้องหยุดอยู่แค่ ณ จุดเข้าซองของตำแหน่งสตาร์ทพอยน์เท่านั้น เป็นเสียงเสนาะที่ล่องลอยตามพระพายมากระแทกสามพี่น้องนาม-ค้อน-ทั้ง-โกลน ของผม จนเกิดแรงสั้นสะเทือนสะท้อนไปในทุกๆส่วนที่รวมๆแล้วมีตำแหน่งที่ดำรงอยู่บนคอตั้งบ่า กับต้นกำเนิดแรงอันทรงพลังนั้นเป็นเสียงแห่งการกรีดร่ำร้องของหญิงสาวในระดับขั้นน้องๆสิบแปดหลอด(ลม) จนผมแอบเผลอลูบคลำต้นคอของตัวเองว่า แล้วอันตัวเรานี้มีศักยภาพได้สักกี่ตัวเลขถึงสิบหลอดกับใครเขาบ้างไหมหนอ?
เพราะไม่ใช่แค่โสตเสนาะสำเนียงแปร่งหูตามลำพังเท่านั้นแต่ยังบวกผสมลงโรงอยู่เป็นระยะไปด้วยตัวโน๊ตบนบรรทัดห้าเส้นอันสุดพริ้วไหวซึ่งเริ่มเยื้องยุรยาท บรรจงลอยล่องเสนาะสำเนียงแสนคุ้นหูขับไล่อารมณ์ประหลาดใจในตอนแรกที่เริ่มขุ่นมัว ให้สต๊อปอัพช้าก่อน ตกตะกอนไปเลยน่ะ เจ้าตะกอนน้อย ขอใสปิ๊งก่อนน้อง mood คนดี ถัดจากนั้นชวนให้ตามติดจนสติสตางค์อยู่ตัว จับใจความถัดมาเป็นภาษาไทยอันสุนทรียะติดเครื่องหมายคำถามแปลความจากการเอื้อนเอ่ยจำนรรจาได้ว่า...
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น?...

หลังจากตกใจกับภาวะเสียงกรีดร้องดังในทีแรก จนพบต้นตอที่สุดแล้วอยู่ในจอภาพสี่เหลี่ยมประจำบ้าน กลับอาการตกอยู่ในภวังค์เห็นภาพใบหน้าดาราสาวคนสวยเจ้าของบทบาทอดีตขวัญใจจอมราชันท์ของหนังจอเงินแห่งสยามประเทศเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในกาลนี้กลายสภาพเป็นเจ้าของอาการน่าเป็นห่วงด้านหลอดลมแทนที่ กับแหล่งกำเนิดต้นธารแห่งการสื่อสารขั้นพื้นฐานที่มนุษย์พึ่งมีและสมควรประหยัดระดับเดซิเบลให้ต่ำลง
โดยส่วนตัวผมอยากจะเชิญชวนให้เธอมาร่วมรณรงค์โครงการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนภายใต้คำขวัญรัฐบาลของอดีตนายกฯ สุรยุทธ หยุดโลกร้อน ด้วยชีวิตพอเพียง ด้วยการใดที่ลดระดับโวลุ่มของถ้อยคำสำเนียงลงนั้น ข้อมูลทางด้านวิชาการนั้นอ้างไว้นั่นหนาว่า ให้ตระหนักถึงเสียงพูดคุยนั้นเป็นคลื่นพลังงานอย่างหนึ่งที่เป็นบ่อเกิดภาวะโลกร้อนได้ ฉะนั้นการรู้จักประหยัดถ้อยคำในเวลาอันควร จึงนับเป็นสิ่งที่ควรพึ่งปฎิบัติอย่างหนึ่ง อา...แต่นี่เจ้าหล่อนล่อไปตั้งสิบกว่าหลอด

ช้าก่อน...เมื่อมีคำถามย่อมมีคำตอบในใจส่วนตัวปฎิเสธว่า ใยฤาข้าน้อยจะโกรธาเจ้าลง ถึงจะทำให้เคืองขุ่นก็คงก็ลดระดับดีกรีลงได้หลังจากได้ติดสอยห้อยตามไปกับละครเล่นซ้ำแนว ตบจูบ ตบจูบ(จุ๊บ...จุ๊บ) ที่คิดว่า ถึงจะเป็นการฉายซ้ำไม่รู้เวอร์ชั่นที่เท่าไหร่ของละครไทยนาม จำเลยรัก ได้ข่าวมาว่า ใครๆก็จะติติงมาจนเบื่อฟังเบื่ออ่านว่าอะไรน่ะ...ว่าเป็นละครหลังข่าวอันมีเครือวงศ์ญาติโกโหติกาแถวๆ น้ำนิ่งๆ ที่นิ่งนานไป จนเน่าๆ กลายเป็นน้ำครำ(เอ...ใช่แบบที่แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ เขาว่า ถึงจะเน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์...ไหมหว่า)
ถึงกระนั่นก็ตาม ผมก็จำไม่ได้แล้วว่า เคยดูไปกี่เวอร์ชั่นแล้วบ้าง แต่เสน่ห์หนึ่งที่เรียกร้องเชิญชวนให้หัวจิตหัวใจของผมคล้ายดั่งมีเกือกหุ้มให้คอยก้าวตามติดละครเรื่องนี้นอกจากบทของ โสรยา(ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) และศันสนีย์(รินลณี ศรีเพ็ญ)คนสวย เจ้าของฉายารูปเป็นทรัพย์อันมีแม่เหล็กทรงพลังดึงดูด(เรทติ้ง)ขนานใหญ่แล้ว กลับเป็นเรื่องประเด็นบทเสริมช่วยเติมแต่งช่วยสร้างสีสันของบรรดาตัวประกอบสร้างละครเรื่องนี้ให้มีชีวิตชีวา อย่างบท บุญทาย(สุคนธวา เกิดนิมิตร)อดีตแฟนเก่าพระเอก-หฤษฎ์ ที่มาในชุดสาวชาวเลแนวๆหาดทราย-ทะเล-สองเรา เซ็กซี่อยู่ตลอดเวลารวมถึง บทแฟนเก่าของพระรอง-ธวัชชัย ก็แนวผมฟูฟ่องสไตล์เวอร์กิ้งเกิร์ลกับบทบอกอสาวประจำนิตยสารในเรื่อง

ฝ่ายชายก็ไม่น้อยหน้า อนุกูล(ไรอัน เจทย์)หนุ่มเพื่อนข้างบ้านนางเอกที่คอยเป็นห่วงเป็นใย นับเป็นการขยายบทให้ดูมีเหตุมีผลในรายละเอียดยิบย่อยขึ้น เพิ่มความลุ่มลึกของละครให้มีที่มาที่ไปกว่าเวอร์ชั่นก่อนเก่า ทำให้ทันยุคทันสมัยขึ้นแม้ใครๆจะรู้เรื่องย่อตั้งแต่ไก่โห่ เอ๊กอีเอ๊ก ว่าจะมาจะไปอย่างไรกันดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังนับได้ว่าเป็นสร้างละครให้มีมิติขึ้นหน่อย อาทิเช่น สาเหตุที่โสรยาจงรักภักดีต่อศันสนีย์เพราะเคยช่วยชีวิตกันไว้ตอนจมน้ำสมัยเด็กๆ เหตุที่พระนางเริ่มมีใจให้กันโดยมีตัวละครที่สามอย่างบุญทายเข้ามาแทรกกลางและการช่วยชีวิตกันถึงสองครั้งสองครา
ต้นเหตุเงื่อนไขที่ธวัชชัยกับหฤษฎ์ต้องมาติดต่อทางธุรกิจกัน ด้านลึกของพระเอกกับหน้าที่การงานอันแสดงถึงผู้มีจิตใจดีเป็นที่รักของลูกน้อง ตอนนางเอกหายไปจากบ้านแล้วมีใครเป็นห่วงคอยตามหาอย่างบทของอนุกูลบ้าง สาเหตุที่ตีชิ่งหนีจากธวัชชัยของศันสนีย์ที่ไม่ใช่เป็นพระรองที่แสนดีอย่างเดียวแต่ก็ยิ่งมีปัญหาอดีตคนเคยรักเคยชอบกันอยู่ หรือบทคนใช้ใบ้(คงกระพัน แสงสุริยะ)ที่หล่อเกินเหตุจนไม่ได้ปล้ำนางเอกเลยในเวอร์ชั่นนี้ 
รวมไปถึงเจ้าบทบาทของสี่ตัวละครหลัก หฤษฎ์-โสรยา-ศันสนีย์-ธวัชชัย ที่ไม่อยากติติงมากนักเพราะสื่อต่างๆประโคมไปมากโข พอจะสรุปสั้นๆพอเป็นน้ำจิ้มเพียงว่า
หฤษฎ์-ถึงขาวใสไปบ้าง โหดและตบจูบน้อยไปหน่อย เสียงตะโกนสุดๆแล้วก็ยังสู้นางเอกไม่ค่อยได้ โสรยา-ยุคใหม่กล้าเถียงตอบโต้ สุดสวยแม้ฉากเจ้าน้ำตาก็ไม่เว้น แม้แรกๆจะใส่เสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชุดก็ตาม ทำให้ตอนหลังยิ่งผ่อง ถึงอย่างไรผมเป็นห่วงกล่องเสียงของเธออยู่ดีครับ
ศันสนีย์-จริงๆแล้วผมอยากได้ยินพาวเวอร์ด้านเสียงของเธอชัดๆดังๆสักครั้งว่านางร้าย-นางเอกใครจะปรี๊ด...ปี๊ดกว่ากัน(ฮา) ก็...เธอยังไม่ร้ายพอ หรือเพราะรอยยิ้มและนัยย์ตาของเธอสบทบกับริมฝีปากล่างห้อยๆ สมคำว่า สวย...เลือกได้จริงๆครับ

ธวัชชัย-บทพระรองผู้แสนดี ที่มีมิติรักแห่งอดีตมารบกวนจิตใจ สมคาแรกเตอร์ถึงบทจะไม่โดดเด่นนักก็ตาม
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะทั้งสี่ประสานแห่งละครหลังข่าว จำเลยรัก นี่แหละทำให้ทุกวันจันทร์-อังคาร ผมยังคงถูกใช้ชีวิตอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมจัตุรัสแทนที่จะเป็นเตียงนอนสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วก็คร่ำครวญร่ำไรกับตัวเองว่า
กักขังผมเถิดกักขังไป ขังตัวอย่าขังหัวใจดี...ฝ่า...

|