
..................................................................... วันนี้มีโอกาสไปกราบนมัสการท่านหลวงพ่อชำนาญ อุตตมปัญโญ เจ้าอาวาสวัดบางกุฏีทอง พอไปถึงวัดเห็นท่านกำลังนั่งคุยอยู่กับญาติโยมที่มาเยี่ยมท่าน หลังจากกราบท่านแล้วพวกเราก็นั่งรอให้ท่านเสร็จธุระ ค่อนข้างนานพอสมควร แต่ไม่เป็นไรพวกผมมันประเภทจอมอึดอยู่แล้ว นานซักแค่ไหนก็จะรอ................แต่สังเกตดูวันนี้หลวงพ่อดูจะอิดโรย....แต่ก็ยังพูดคุยกับญาติโยมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บังเอิญเหลือบไปเห็นหนังสือรายงานที่ท่านทำส่งคณะสงฆ์ มีบันทึกประวัติของท่านอยู่เลยขออนุญาตจากท่านเพื่อคัดลอกนำมาเผยแพร่ครับ ...................................................................... 
...................................................................... หลวงพ่อชำนาญ เดิมท่านชื่อ ชำนาญ นามสกุล พันธ์หว้า เกิดเมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๑๕ บิดาชื่อ คุณพ่อชะโอด พันธ์หว้า มารดาชื่อคุณแม่สำเนียง พันธ์หว้า บวชเป็นสามเณรเมื่อ ๑๙ กรกฏาคม ๒๕๒๙ ณ วัดบางหลวง จังหวัดปทุมธานี และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ ๑๙ เมษายน ๒๕๓๘ ณ วัดบางกุฏีทอง จังหวัดปทุมธานี สำหรับตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์มีดังนี้ครับ พ.ศ.๒๕๓๙ ได้รับเป็นรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดบางกุฏีทอง พ.ศ.๒๕๔๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกุฎีทอง พ.ศ.๒๕๔๒ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ.๒๕๔๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระสมุห์ ฐานานุกรมในพระครูโสภณพิทักษ์ เจ้าคณะอำเภอ วัดโสภาราม อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พ.ศ.๒๕๕๐ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูปทุมวรกิจ พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ชั้นโท
สำหรับประวัติการศึกษาวิชาอาคม เท่าที่ท่านเมตตาเล่าให้ผมรับฟังค่อนข้างยาวเหยียด เอาพอสังเขปว่าท่านสนใจและศึกษาในศาสตร์ประเภทนี้ตั้งแต่ยังเด็ก ได้ออกติดตามคุณลุงของท่านไปเที่ยวตามวัดที่มีพระเกจิอาจารย์เก่งๆและตามสำนักอาจารย์ฆราวาสที่มีชื่อเสียง ผลพลอยได้จากการติดตามก็คือรอยสักยันต์ธงชัยบริเวณต้นแขนขวาของท่านแหละครับ อาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมให้ท่านมีเยอะครับแต่ที่ท่านได้มากที่สุดก็คือหลวงปู่สุรินทร์ เรวโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกุฎีทองครับ ถึงตอนนี้บางคนอาจจะมองว่า เอ๊ะ...หลวงพ่อชำนาญ อายุยังน้อยอยู่เลยหรือดูแล้วไม่ค่อยน่านับถือ ผมอยากจะบอกให้ทราบครับว่าถึงหลวงพ่อท่านจะอายุไม่มากนัก แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านทำ ท่านปฏิบัติ หากเราไม่ได้มาสัมผัส หรือมาทำความรู้จักท่านให้ดี เราอาจจะเสียโอกาสที่จะได้กราบนมัสการพระดีดีไปอีกองค์ ผมเองรู้จักหลวงพ่อก็จากหนังสือพระเครื่องและคำบอกเล่าจากเพื่อนๆร่วมอุดมคติ จนทนความรบเร้าจากพวกๆไม่ไหวจึงได้เดินทางมากราบท่านที่วัด ครั้งแรกที่มาถึงวัดเห็นเป็นวัดโทรมๆ มีศาลาขนาดใหญ่ที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตั้งตะหง่านอยู่หนึ่งหลัง ขึ้นไปเห็นพระหนุ่มๆหนึ่งองค์นั่งรับแขกอยู่ พอกราบท่าน ประโยคแรกที่ท่านถามคือ
เอ็ง มาทำไม มีเรื่องอะไร
.มีอะไรให้ข้าช่วย.............
เพียงประโยคเดียวเท่านั้นแหละครับ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้เป็นแฟนคลับของหลวงพ่อและวัดบางกุฎีทองไปเลย ตั้งใจไว้เลยว่าจะไปมาหาสู่กันจนกว่าหลวงพ่อกับผมจะเบื่อหน้ากันไปเลย เหตุผลเหรอครับ เพราะหลวงพ่อเป็นพระที่มีแต่ให้จริงๆ ใครมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ มาหาท่านไม่เคยมีความผิดหวังกลับไป ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อท่านจะแก้ได้ทุกเรื่องนะครับ เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่ามันเป็นเรื่องของ กรรม ด้วย หากมันหนักหนาสาหัสมากมันก็ช่วยเหลือไม่ได้ แต่หลวงพ่อท่านก็จะเมตตาให้คำแนะนำ ให้กำลังใจและชี้ทางให้พวกเขาเหล่านั้นนำไปปฏิบัติ อย่างน้อยที่สุดสิ่งเหล่านี้มันเป็นเครื่องกระตุ้นให้เขากลับมามีสติต่อสู้กับเหตุการณ์ร้ายๆ ต่อไปได้ ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่จะมายกยอหลวงพ่อ หากไม่เชื่อเพื่อนๆลองเลียบๆเคียงๆสอบถามจากบรรดาลูกศิษย์ของท่านได้ทุกคน คำตอบจะไม่หนีห่างกันไปเลยครับ และถ้าถามผมว่า ผมเป็นลูกศิษย์เอกหรือเปล่า ตอบได้แบบฟันธง เลยครับว่า ไม่ใช่ แต่หลวงพ่อต่างหากที่เป็น พระเอก ในใจผมตลอดมา ช่วงนี้วัดบางกุฎีทองมีงานบุญครับ หลวงพ่อท่านตั้งใจจะสร้างพระเครื่องบรรจุกรุไว้เพื่อสืบอายุพระศาสนา ท่านว่าจะสร้างให้ได้ครบ ๑๐๘ โอ่ง (โอ่ง...จริงๆครับ-ตามรูป) ...................................................................... 
...................................................................... ซึ่งโอ่งเหล่านี้จัดสร้างมาเพื่องานบุญนี้โดยเฉพาะ หากเพื่อนๆ สนใจจะทำบุญกับท่านก็เชิญที่วัดได้นะครับ แต่ก่อนไปควรจะโทร(๐๒-๕๐๑๒๖๕๐)ไปสอบถามก่อนว่าหลวงพ่อท่านอยู่หรือเปล่า เพราะบางครั้งหลวงพ่อจะมีกิจนิมนต์ เช่นงานปลุกเสกวัตถมงคล ทั้งเสกเดี่ยวและทั้งร่วมในงานพุทธาภิเษก โดยเฉพาะในเขตจังหวัดปทุมธานีจะขาดท่านไม่ได้เลย ส่วนในระยะนี้จะหนักไปทางงานบวช ซึ่งหลวงพ่อท่านให้ความสำคัญมากบางวันต้องไปถึงสี่ ห้า งาน(ข้อนี้ผมสังเกตมาจากสมุดจดงานนิมนต์ของท่านน่ะครับ) ผมเคยเรียนถามท่านว่า หลวงพ่อเหนื่อยไหมครับ ท่านยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วตอบผมว่า
ข้ากำลังปฏิบัติศาสนกิจ รับใช้พระพุทธศาสนา รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่เหนื่อย ไม่ยอมแพ้ ยังไหว ยังไหว....
ที่ถามประโยคนี้เพราะหลวงพ่อชำนาญ ท่านนั่งรถนานๆไม่ได้พูดง่ายๆคือบางครั้งท่านจะเมารถ ดังนั้นเวลาท่านเดินทางไปไหนไกลๆ ท่านใช้วิธีปูเสื่อนอนไปบนรถครับ ท่านว่ามันพอบรรเทาไปได้บ้าง กลับมาถึงวัดท่านจึงค่อนข้างอิดโรยมากกว่าปกติ แต่ถึงกระนั้นก็ตามหากท่านเห็นญาติโยมนั่งคอยท่านอยู่ที่วัด ท่านก็จะนั่งรับแขก จนกว่าพวกเขาเหล่านั้นจะกลับไปหมด ก็จะถึงเวลาที่ท่านจะสวดมนต์ ไหว้พระและทำการแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ที่ญาติโยมมาขอความเมตตาจากท่านไว้....... ถ้าหากท่านได้เข้ามาในวัดบางกุฎีทองในตอนนี้ จะเห็นว่าวัดบางกุฎีทองมีสิ่งปลูกสร้างมากมายและก่อสร้างอย่างสวยงาม ผมขอกระซิบบอกท่านซักนิดครับว่าแต่ก่อนที่ผ่านมาวัดบางกุฎีทองมีเพียงกุฎิเก่าๆ โบสถ์เก่าๆ สิ่งปลูกสร้างภายในวัดล้วนอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม (ตามรูป) ...................................................................... 
...................................................................... ทุกอย่างที่มีในวันนี้เกิดขึ้นในสมัยที่หลวงพ่อชำนาญท่านเป็นเจ้าอาวาสครับ ความแตกต่างเหมือนจากหน้ามือเป็นหลังมือแหละครับ และนอกเหนือจากการบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัดแล้ว บารมีของท่านยังโอบอุ้มโรงเรียนวัดบางกุฎีทอง.......สถานเลี้ยงเด็กอ่อน ตลอดจนการให้บริการแก่ญาติโยมที่เข้ามาขอใช้สถานที่ของวัดเช่นงานศพ งานบวช ทุกอย่างฟรีหมดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผมเคยได้รับฟังจากปากของเพื่อนๆหรือนักเล่นพระบางท่าน มักจะพูดว่าหลวงพ่อชำนาญ เลือกรับแขก พบยาก ชอบดุ ....ตอบคำถามข้อนี้...ผมเคยเรียนถามหลวงพ่อ ท่านตอบว่ายังไง..อยากให้เพื่อนๆได้ลองฟังดูครับ
ข้าเคยบอกกับคนที่มาเยี่ยมทุกคนเสมอว่า ข้าไม่เคยปิดประตูและวัดบางกุฎีทองแห่งนี้ก็ไม่เคยปิดประตู พวกเอ็งต่างหากล่ะที่มาตั้งแง่กับข้า หาว่าข้าพบยาก หาว่าข้าคบคนรวย บางคนมาให้ข้าช่วยจารเหรียญให้ พอไม่จารก็บอกว่าข้าไม่เมตตา พอจารให้น้อยก็บอกว่าข้าไม่เก่ง เข้ามาในวัดเจอคนเยอะหรือไม่เจอข้าก็บอกว่าข้าพบยาก ข้าพูดคุยธุระกับแขกก็บอกว่าข้าคบคนรวย....พวกที่พูดอย่างนี้แสดงว่าเพิ่งเข้ามาใหม่ ไม่รู้จักข้าดีพอ พวกเอ็งก็เห็นว่าข้านั่งอยู่ตรงนี้ทั้งวัน เรียกว่าทุกเสาร์อาทิตย์จะพยายามไม่รับกิจนิมนต์นอกวัด สงสารคนที่เขามาหาว่ะ ที่ข้าพูดอย่างนี้ให้พวกเอ็งไปคิดดูว่า.....ข้าปิดประตูหรือพวกเอ็งปิดประตูใส่ข้ากันแน่ ...................................................................... 
......................................................................
ถึงตอนนี้เพื่อนๆลองคิดดูให้ดีซิครับ ใครกันแน่ที่ปิดประตูศรัทธา พวกเรา หรือ หลวงพ่อชำนาญ พวกผมก็เช่นกันครับไม่เคยได้รับอภิสิทธิ์จากท่านเช่น ลัดคิวเข้าพบด่วน หรือ จารเหรียญเยอะๆหน่อย ทุกอย่างพวกผมต้องปฏิบัติเหมือนกับทุกคนที่เข้ามา บางครั้งเข้ามาหาท่านไม่พบเพราะท่านติดกิจนิมนต์หรือมาแล้วไม่ได้เข้าไปคุยยังมีเลย(บ่อยๆ) แต่พวกผมก็พอใจครับ แค่มาพบท่าน มากราบไหว้ เอาเงินใส่ตู้บริจาคตามอัตภาพ เลือกเอาครับว่าวันนี้จะทำบุญอะไร ค่าน้ำหรือค่าไฟ ฯลฯ เสร็จแล้วก็กลับบ้าน...แค่เท่านั้น...พวกเราก็พอใจแล้ว....ว่างๆก็เข้ามาใหม่ จะไปเอาอะไรกันมากล่ะครับ
ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจะมากราบท่าน ให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ หากสำเร็จตามความต้องการของตัวเองแล้วจึงเชื่อว่าท่านเก่งจริง ซึ่งเป็น การสร้างศรัทธา เพราะว่าตัวเองสำเร็จผล ผมว่าคิดผิดครับ จริงๆแล้วพวกเราควรจะศึกษาท่านให้มากกว่านี้ ยิ่งสมัยนี้การหาข้อมูลต่างๆไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแล้วแค่ คลิ๊ก ก็พบแล้ว เป็น การปลูกศรัทธา ให้เกิดขึ้นในใจของตัวเราก่อนน่าจะดีกว่าใช่มั๊ยครับ....กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ผมก็ต้องสะดุ้ง...
เฮ้ย...พวกเอ็งมาทำไม มีเรื่องอะไร ......มีอะไรให้ข้าช่วย.........
เหลือบไปดูนาฬิกา โอ้... นี่พวกเรา นั่งรอท่านเกือบสองชั่วโมง เลยนะเนี่ย......ขอตัวก่อนนะครับ....... ...................................................................... 
......................................................................
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ร้านเบญจพรที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายสวยๆ เพื่อนต่อที่ช่วยแนะนำการเขียน และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ จังหวัดสระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอมาและผมหวังว่าจะได้รับตลอดไปครับ.....
|