
เด็กผู้ชายที่มีบุคลิกออกหญิงจำนวนมากมักจะถูกเลือกปฏิบัติ คำ เรียกขาน ว่าตุ๊ด ว่ากะเทย ฅนที่ไม่เคยถูกเรียกแบบนี้จะไม่เคยรู้สึกว่าคำเรียกนี้ เจ็บปวดรุนแรงอย่างไร เราถูกเชิญให้ไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเด็กเกย์กลุ่มนี้ ๒ วัน ในช่วงสุด สัปดาห์ก่อนเข้าพรรษาพวกเขาเรียนชั้นมัธยม ร.ร.ทหารอากาศอนุสรณ์ จ.นครสวรรค์ เราถือโอกาสตั้งชื่อการอบรมนี้ว่า ศาสนธรรมกับฅนรักเพศเดียว กัน ส่วนสถานที่จัดคือ วัดเทพมงคลปานสาราม งานนี้ต้องบอกว่าเป็นการ จัดการที่เยี่ยมยอดมาก เพราะท่านเจ้าอาวาสใจกว้างเปิดโอกาสให้เข้าไปใช้ สถานที่อบรมในวัดของท่านได้สบาย ๆ หลังจากที่ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวเปิดงาน เราก็เริ่มกระบวน การเรียนรู้ทันที สิ่งที่เราคิดว่ามีความสำคัญต่อเด็กเกย์ที่ควรเรียนรู้เป็นอย่างแรก เลยก็คือ ระบบวิธีคิดแบบโครงสร้างสังคมชายเป็นใหญ่ 
เราสอนให้เด็ก ๆ เกย์ได้เรียนรู้ว่าสังคมมีความคาดหวังต่าง ๆ นานา ที่ขัดแย้งและแตกต่างกันระหว่างเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง สังคมคาดหวังให้เด็กผู้ชายต้องเข้มแข็ง ต้องเป็นชายชาตรี ต้องมี ความเป็นผู้นำ ต้องไม่ร้องให้ ต้องรักผู้หญิง สังคมคาดหวังให้เด็กผู้หญิงต้องเป็นกุลสตรี ต้องเป็นแม่ศรีเรือน ต้องรักนวลสงวนตัว ต้องเป็นผู้ตาม ร้องไห้ได้ ต้องรักผู้ชาย 
ด้วยความคาดหวังในความเป็นผู้ชาย-ผู้หญิงแบบนี้ทำให้เด็กเกย์รู้สึก ตัวเองว่าเป็นเด็กนอกกรอบ ด้อยคุณค่าในตัวเอง เพราะไม่ได้มีคุณสมบัติตรง ตามกรอบที่สังคมกำหนด แต่จะว่าไปเด็กผู้ชายที่ไม่ได้เป็นเกย์ก็นอกกรอบ เหมือนกัน เพราะเด็กผู้ชายหลายฅนก็ร้องไห้ อ่อนแอ และไม่ได้มีความเป็นผู้นำ ในขณะที่เด็กผู้หญิงบางฅนมีความเป็นผู้นำ ไม่ได้เป็นกุลสตรี ไม่ได้มีความเป็น ผู้ตาม และอาจจะรักผู้หญิงด้วยกัน ! เราสอนให้เด็ก ๆ เกย์เข้าใจมากขึ้นว่า ดังนั้นแล้วไม่ใช่เราเท่านั้นที่ นอกกรอบ เด็กฅนอื่น ๆ ต่างก็นอกกรอบเหมือนกัน หรือบางครั้งเด็กเกย์เองก็มี อะไรบางอย่างตรงตามกรอบ นั่นก็คืออาจจะมีความเป็นผู้นำในขณะที่เด็กผู้ชาย เองอาจจะไม่มีก็ได้
สุดท้ายเราสรุปว่า กรอบนี้เป็นเพียงกรอบที่ไม่ได้มีความเป็นจริง เป็นกรอบที่มีความเป็นมายา (หลอกลวง) เป็นกรอบที่สังคมสร้างขึ้น ถ้าชีวิต บางด้านของเราจะไม่ได้เป็นไปตามกรอบที่สังคมกำหนด นั่นก็ไม่ได้หมาย ความว่าเราเป็นฅนไม่ดี
กรอบนี้อยู่ภายใต้ระบบสังคมชายเป็นใหญ่ เราได้สรุปเพิ่มเติมเกี่ยว กับลักษณะของระบบสังคมชายเป็นใหญ่ ๔ ประการ คือ
๑. เป็นสังคมที่ให้คุณค่ากับความเป็นผู้ชาย ปฏิเสธคุณค่าความเป็น ผู้หญิงและกะเทย สังคมมักให้คุณค่าความเป็นผู้นำแก่ผู้ชาย ในขณะที่ผู้หญิง และกะเทยหมดสิทธิ์ในการขึ้นมาเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นการบวช การสืบสกุล การปกครอง การบริหาร การเป็นผู้นำ ๒. เป็นสังคมที่ให้คุณค่ากับความเป็นรักต่างเพศ ปฏิเสธคุณค่า ความรักในเพศเดียวกัน การศึกษา ศาสนา ครอบครัว ประเทศชาติ ๔ สถาบันภายใต้ระบบสังคมชายเป็นใหญ่นี้ได้ให้คุณค่าแก่รักต่างเพศเป็นสำคัญ โดยมองข้ามคุณค่าของรักเพศเดียวกันว่าไม่มีความหมาย ทั้ง ๆ ที่คุณค่า ประการหนึ่งของรักเพศเดียวกันก็คือช่วยควบคุมมิให้ประชากรมีจำนวนมากเกิน ไป ๓. เป็นสังคมที่ให้คุณค่ากับความเป็นครอบครัว พ่อ + แม่ + ลูก โดยลืมไปว่าคู่ความสัมพันธ์อื่น ๆ ก็มีความเป็นครอบครัวได้ ตัวอย่างเช่น ยาย กับหลานก็เป็นครอบครัวได้ พี่กับน้องก็เป็นครอบครัวได้ พ่อ+พ่อ+ลูก หรือ แม่+แม่+ลูก ก็เป็นครอบครัวได้ ๔. ให้คุณค่ากับความเป็น ชายจริง หญิงแท้ ความเป็นชายจริง หญิงแท้ไม่ได้มีอยู่จริง เป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยสังคม การใช้คำว่า ชาย จริงหญิงแท้ เป็นการมอบคุณค่าให้ฅนกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่ฅนอีกกลุ่มหนึ่งได้ ถูกลดทอนคุณค่าลงไป ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้คำสองคำนี้ ทั้งหมดนั้นเป็นลักษณะ ๔ ประการของระบบวิธีคิดแบบสังคมชาย เป็นใหญ่ หลังจากเด็ก ๆ เกย์เข้าใจเรื่องโครงสร้างสังคมนี้แล้ว ทำให้พวกเขา เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าความรุนแรงที่พวกเขาได้รับจากสังคมนั้น เป็นเพราะ สังคมยังมีวิธีคิดผิด ๆ เกี่ยวการมอบคุณค่าให้กับความเป็นเพศใดเพศหนึ่ง ไม่ใช่ เพราะพวกเขาเกิดมาแปลกประหลาด ไม่เฉพาะเด็กเกย์เท่านั้นที่ถูกปลดปล่อย จากความเชื่ออันเป็นมายาของสังคม พ่อแม่ที่มีลูกเป็นเกย์ก็ดี ครูอาจารย์ที่มี ลูกศิษย์เป็นเกย์ก็ดี หรือใครก็ตามที่มีเพื่อนเป็นเกย์ จะได้เข้าใจและภาคภูมิใจ เสียทีว่าตนเองมีบุคคลใกล้ตัวที่มีความเป็นปรกติธรรมดาฅนหนึ่ง ไม่ได้แตก ต่างไปจากผู้ชายผู้หญิงทั่วไป

วันสุดท้ายก่อนที่กิจกรรมจะจบลง คุณครูที่นำเด็ก ๆ เกย์มาเข้า อบรมสองวันถามเราว่า กะเทยมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับพุทธศาสนา เรา ตอบว่า การเกิดเป็นกะเทยก็เป็นบารมีอย่างหนึ่ง ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยเกิด เป็นกะเทย ทุกฅนต่างก็ต้องเคยเกิดเป็นกะเทยมาแล้วทั้งนั้นเพื่อสั่งสมบารมีใน การเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจิตวิญญาณจะได้เรียนรู้ความทุกข์ในทุกรูปแบบของการ เกิด เมื่อจิตวิญญาณได้เกิดมาครบทุกรูปแบบแล้วเมื่อนั้นจิตวิญญาณจะได้เห็น ทุกข์ของสรรพชีวิต เกิดการเรียนรู้ และเกิดการบรรลุธรรมต่อไป ดังนั้น เราจึงไม่ควรล้อเลียนหรือเลือกปฏิบัติต่อฅนที่เกิดเป็นกะเทย เพราะเราต่างก็เคยเกิดเป็นกะเทยมาก่อนเหมือนกัน.
|