ห้วยคอกหมู อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
ณ วันหนึ่ง เมื่อเดือน เมษายน 2557
ลูกสาววัย 11 ขวบของผม
ตื่นขึ้นมาแต่เช้าแล้วปลุกผมตามคำสัญญาของยามค่ำคืนที่บอกว่า...
“อยากตื่นตอนเช้าๆ ไปเที่ยวป่าห้วยคอกหมูตอนเช้า...พ่อพาไปหน่อย”
ที่เรียกว่ากาลครั้งหนึ่งนั้นเพราะว่าคงเป็นแค่วันเดียววันนั้นเท่านั้น...!!!
ที่น้องเขาตื่นเช้า...! เพราะทุกๆ วันช่วงปิดเทอมมักจะตื่น 3-4 โมงเช้าหรือมากกว่านั้น
เนื่องจากเราไม่ได้เจอกันบ่อย ผมทำงาน กทม. จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด แค่เดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น

น้องเขาปลุกผมประมาณเกือบๆ 6 โมง...ของเช้าวันเสาร์...
ซึ่งการตื่นเช้าขณะนอนอยู่บ้านในวันหยุดนั้น...ช่างเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย...
อย่างเช่น การได้นอนขดตัวภายใต้ผ้าห่มที่อากาศเย็นสบาย,...
ขับรถไปก็ขี้เกียจ, ไปมาก็หลายรอบแล้วไปดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ก็ไปแล้ว,...
พระอาทิตย์ตกงามๆ ก็ได้เห็นแล้ว ฯลฯ...
จึงอยากที่จะตื่นสายๆ เอาเป็นสรุปว่า... “ก็ต้องตามใจ”...

บ้านผม...อยู่ห่างจากห้วยคอกหมูประมาณ 36 กม. @ กว่าๆ >...
บ้านห้วยคอกหมู... เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ...
ที่มีสภาพความสมบูรณ์ของป่าไม้และอากาศที่บริสุทธิ์...
เนื่องจากอยู่ลึกเข้าไปถึงสุดแนวชายแดนไทย-พม่า...
แนวตะเข็บชายแดนเดียวกับเขากระโจมนั่นแหล่ะครับ ...
ทางเข้าถนนที่แยกจากทางลาดยางเป็นเส้นทางลูกรังไปจนถึงจุดชมวิว...
รวมระยะทางประมาณ 8 กม. โดยประมาณ !!!
วันหยุด...ปกติแทบไม่มีนักท่องเที่ยว แต่วันหยุดเทศกาลคึกคักสุดๆ...
ถนนสายนี้...ถ้าวิ่งตรงไปเรื่องๆ ก็จะไปถึง "แก่งส้มแมว"...

บอกไว้ก่อว่ารถเก๋ง...
หรือกระบะโหลดเตี้ยหมดสิทธิ์ครับ...!!+++
เพราะบางช่วงถนนโดนน้ำบนภูเขาไหลเซาะทางเป็นร่องๆ...
ระดับความชันพอสมควร...
แต่...ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดกับใช้รถขับเคลื่อนแบบ 4 x 4
ก็สามารถขึ้นไปได้แต่ขอให้มีความแรงหน่อยก็ดีนะ...ครับ
ไม่งั้นได้ใช้หินขัดล้อกั้นรถไหลถอนหลังแน่ๆ...

หลังจากล้างหน้าแปลงฟัน...
ก็ได้ความสดชื่นยามเช้าเข้ามาแทน...
และเมื่อได้ขับรถออกไป อากาศยามเช้าของต่างจังหวัดช่างแสนจะวิเศษ...จริง!
ย้อนกลับไปนึกถึงตอนห่มผ้า...ก็ไม่อยากกลับไปนอน…เสียแล้ว...?
ยิ่งข้ามเขต อ.สวนผึ้ง ไปแล้วนั้นทั้ง 2 ข้างทางยามเช้า
ใบไม้จะมีเกร็ดน้ำค้างเกาะจนมองเห็นความชื่นฉ่ำ x 2 ....
เมื่อแรงลมจากรถที่วิ่งผ่านประทะเข้ากับใบไม้
ทำให้หยดน้ำกระจายตัวขึ้นลงตกลงพื้นก็ทำให้สดชื่นใจ x 3 ...
ช่วงวันที่ผมไปนั้น...เป็นจังหวะที่ฝนตกรับรองได้ว่า...
ตอนเช้า...จะต้องได้เจอกับความสวยงามดังเช่นเคยๆ ที่ผ่านมาแน่นอน...?

สังเกตจากทางขึ้นเห็นเมฆลอยต่ำและคลุมยอดเขา...
แต่ก็มีเรื่องกังวลอีกเรื่องคือไม่รู้ว่าเมื่อถึงแล้วจะได้เห็นอะไรบ้าง...
อาจจะเห็นแต่หมอกทึบๆ หนาๆ คลุมรอบตัวเราอย่างเดียวก็เป็นได้...!
แล้วช่วงเวลาที่ประทับใจก็มาถึง...
ได้เห็นลำแสงแผ่จ้าทะลุผ่านยอดไม้ทแยงมุมลงพื้น (ภาพที่ 1)...
เป็นประกายแสงที่มองแล้วเย็นสดชื่น มีความสุข สบายใจอย่างบอกไม่ถูก...
เหมือนกำลังได้เข้าไปอยู่ในมิติพิศวงอย่างบอกไม่ถูก...
จะว่าไปแล้ว...นี่เป็นความลำบากของการที่เราต้องตื่นเช้ามาเจอ...
...เป็นความจริงที่คุ้มค่า!...จริงๆ
แต่ว่า...ลูกสาวผมไปไหนล่ะเสียแล้วล่ะนี่...?
...เมื่อกี้ยังลงมาเดินเล่นบอกว่าลำแสงสวยๆ อยู่เลย...
...เราเองหมกอยู่กับการเดินไปมาหามุมกล้องจนลืมเขาไปเลย...555
...อ้าว...ไปแอบหลับต่ออยู่ในรถนั่นเอง...
...ต้องปลุกซะหน่อย ไหนๆ ก็มาแล้ว แต่...คำตอบที่ได้คือ...
...“ง่วง + หนาว” !!!!+??? เงิบไปเลยสิ...

ผมใช้เลนส์ ...
Wide ในการถ่ายภาพ landscape หรือภาพมุมกว้าง ...
แต่สายตาผม...ก็ไม่ได้จบกับธรรมชาติมุมกว้างซะอย่างเดียว...
เพราะสิ่งที่จดจ่อต่อสายตาเบื้องหน้าคือ...เรื่องราวที่เราประทับใจทั้งหมด...
ใจก็ได้ลอยไป...ไปอยู่ที่รังของแมงมุม, กำลังคิดถึงแสงแดดที่กระทบรังแมงมุมส่งแสงเป็นแวว,...
คิดถึงไอหมอกกับหยดน้ำค้างกลมๆ เกาะตามเส้นใยบางๆ บนรังของพวกมันนั้น ...
ช่างยากที่จะละสายตาจากพื้นกับรังของแมงมุมมากมายกว่าร้อยรัง...
อยากแบ่งเป็น 2 ร่างจริงๆ ...
เพื่อเปลี่ยนเป็นเลนส์ Macro เมื่อคิดเช่นนั้น...เอาเลยแล้วกัน...
ถอดเปลียนเลนส์เป็นว่าเล่นซะแล้วเพื่อแข่งกับเวลา...?
แข่งกับอาทิตย์ที่กำลังสูงขึ้นทุกที...? เพราะอาจให้มุมตกกระทบของแสงหายไป...!!!+

แมงมุมทำรังอยู่ติดกับพื้นดิน พื้นหญ้า การที่จะได้ภาพมาต้องยอมลงทุน...
ไหนๆ ก็ได้มาแล้ว เลยต้องยอมคลุกดิน คลุกหญ้าแฉะๆ ตัวเปื้อนเปรอะ ...
แล้วก็คันจากหญ้าทิ่ม...
แต่... ภาพหลังกล้องออกมาก็คือได้ภาพหยดน้ำกลมๆ กับโบเก้...
ที่เราพอใจ และไม่เคยถ่ายออกมาแนวนี้มาก่อน...

คนที่รักธรรมชาติ...
ชอบธรรมชาติ และหลงไหลในธรรมชาติ จะไม่ธรรมลายธรรมชาติการจะหามุมถ่ายภาพก็ไม่ใช่จะดุ่มๆ...
เพื่อการเข้าหา หรือเข้าไปถ่ายๆ อย่างเดียว...
ต้องดูพื้นที่ที่เราเข้าไปว่าตรงไหนจะมีอะไรบ้างที่เราอาจไปบุกรุก...
ไปรังแกเจ้าของพื้นที่โดยไม่ตั้งใจ...
สภาพการเข้าและออกจากตำแหน่งนั้นต้องต้องมีสภาพเหมือนเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้...

หยดน้ำที่เกาะบนรังของแมงมุมวันนี้เป็นสิ่งที่มหัสจรรย์มากสำหรับผม...
รูปทรงกลมที่มีความใสหากได้สะท้อนกับมุมของแสงแดด...
ทำให้เห็นการไล่โทนสีออกมาเป็นสีรุ้งอย่างสวยงามมาก...
บางมุมอาจจะไม่มีเนื้อหาอะไรที่จะสื่อ ไม่มีองค์ประกอบอะไรมาก...
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เห็นภาพแบบนี้ เลยคิดว่าอยากจะถ่ายตามใจตัวเองซะบ้างก็ไม่มีอะไรมาก...
จับภาพก็ยาก มองไปตรงไหนตระการตาไปหมดทุกส่วน...
ผมจึงได้อยู่กับความสุขในสิ่งที่ชอบ ...

ยิ่งได้มาสัมผัสเองทำให้เวลามันหมดไปเร็วซะจริงๆ...
รอบตัวจะเป็นไงบ้างไม่สนใจ หญ้าทิ่มคันก็เกาไปเรื่อย ส่วนลูกสาวก็นอนหนาวอยู่ในรถ...
ห่วงอยู่บ้างแต่ก็ปลอดภัย เพราะจอดรถไว้ไม่ไกลจากที่เราถ่ายภาพ...
วันนั้นมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเหมารถขึ้นมาเที่ยวแค่กลุ่มเดียว...
เดินไปมาดูหมอกหนาๆ กับสัมผัสอากาศเย็นๆ ส่งเสียงตื่นเต้นไม่นานสักพักก็กลับกันไป...
หลงเหลือไว้เพียงผมกับลูกสาว และเจ้าหน้าที่น่าจะเป็นตำรวจตระเวนชายแดนประจำการอยู่ 2-3 นาย ...
สายๆ หน่อยก็จะมีคนงานที่เป็นชาวบ้านในชุมชนท้องถิ่น...
ขึ้นมารับจ้างปรับปรุงและตกแต่งสถานที่เพื่อให้สวยงาม...
คงเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับผู้ที่จะมาท่องเที่ยวและกางเต็นท์ในช่วงหน้าหนาวอันใกล้นี้...
ที่จะมาเยือน...
และผมก็หวังว่าคงมีพี่ๆ แวะไปเยือนในปีใหม่อันใกล้นี้...

สิ้นสุดกับการหมอบๆ คลานๆ ...
ง่วนกับรุงแมงมุมอยู่นานมากและหลายรัง ก็เปลี่ยนเลนส์ไปมาเป็นเลนส์ Wide อีกแล้ว...
พอสายหน่อยหมอกก็เริ่มจางหายไปบ้างลำแสงพิฆาตใจผมก็เริ่มที่จะเลือนหายไป...
ความอบอุ่นเริ่มเข้ามาจนเกือบร้อน แต่ไอเย็นยังคงอยู่ตลอดไปสำหรับสถานที่แห่งนี้...
พอได้ยืน ยืดตัว สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ยืนบนจุดชมวิวมองเห็นภาพ 360 องศา...
อาจจะไม่ไกลสุดลูกตาแต่ก็น่าประทับใจสำหรับ "ห้วยคอกหมู" ทุกครั้งที่ได้มา ...





ผมยืนมองหันหน้าไปทางทิศเหนือ...
“ขวามือเป็นแดด ซ้ายมือเป็นหมอก”
ขวามือเป็นทิศตะวันออก ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่กำลังสูงขึ้นจะไล่หมอกให้จางหายไป...
แต่ซ้ายมือผม เป็นหุบเขาที่ความร้อนของแดดยังไม่สามารถจะลงไปถึงได้...
จึงเต็มไปด้วยอบอวนของไอหมอก...
บางช่วงเวลาเกิดมีลมหนุนเอาไอหมอกจากหุบเขาทางซ้ายมือ...
ไหลขึ้นมาทำให้เห็นภาพที่น่าทึ่งปรากฏ...

ไอหมอกไหลขึ้นมาปกปิดท้องฟ้าที่สดใส ...
ส่วนแสงแดดสลายไอหมอกที่ลอยขึ้นมาจากหุบเขา ...
สลับกันไปมาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ...

หากเบื่อความวุ่นวาย...
วันหยุดลองไปเที่ยวสัมผัสดูครับแล้วจะทำให้ไม่อยากกลับเลยทีเดียว...
นั่งมองภาพที่สงบคิดอะไรก็ปลอดโปร่ง...
เพราะความวุ่นวายจะไม่สามารถเข้ามาถึงที่นี่ได้แน่นอน...
ได้เห็นมุมมอง 360 องศา บนลานจอดฮอร์ฯ ยิ่งตอนเช้าจะสวยและสดชื่น...
แต่ละช่วงเวลาอารมณ์จะแตกต่างกันออกไปบ้าง สวนผึ้งมีที่ท่องเที่ยวมากมาย...

ผมเองก็ไม่คิดว่าต่อมาจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของราชบุรีได้...
อยู่มาตั้งแต่เด็กเราชินกับกับสภาพพื้นที่ที่เห็นเป็นเรื่องปกติ...
เมื่อก่อนมีชาวไรเสนอเอาที่มาขายให้พ่อของผมในราคาถูกๆ เหมือนไม่มีราคาอะไรก็ไม่สนใจ...
พ่อและแม่คิดไปว่าที่เราก็มีแค่นี้ก็ทำกันไป ที่บนเขาดินก็ไม่ดีจะเอาไปทำอะไรได้...
เดี๋ยวนี้ไร่ละเกือบล้านบาท แถมเป็นที่ดินไม่มีหลักฐานอะไร "เป็นไปได้"...

นอกจากจุดชมวิวที่ลานจอดฮอร์ฯ ...
แล้วยังมีจุดชมวิวอีก 2-3 แห่ง เดินห่างกันไปไม่ไกลนัก...
ผ่านที่พักหน่วยทำการของเจ้าหน้าที่ฯ ...
ก็จะเป็นดงไผ่ที่มีมอสขึ้นเกาะกับต้นไผ่อยู่มากมาย...
เพราะได้รับความชื้นจากหมอกเป็นประจำจึงทำให้ค่อนข้างจะสมบูรณ์และต้นใหญ่...



จากลานจอดฮอร์ เดินมาจุดชมวิวสุดชายแดนสยาม...
ระยะทางประมาณ 200 เมตร...
บอกได้เลยว่าไม่ไกล ทางเดินก็สบาย...
ผ่านดงไม่ลวกป่า ที่คล้ายกับฉากหนังจีนกำลังภายใน...

ในดงไม้ลวกป่า...
มีสิ่งที่น่าสนใจมากๆ เช่น มอส ดอกหญ้า...
และ ดอกไม้ป่า...


เพิ่งเคยเห็นครับ กิ่งไม้ออกเป็นดอกเห็ด...
ธรรมชาติสร้างความแปลก และความงาม...
ทุกก้าน ทุกแขนง ของกิ่งไม้จะมีดอกเห็นโผล่ออกมา...

ลากันด้วยภาพนี้...
ในความรกรุงรังและวุ่นวายแต่ก็มีความ "เกี่ยวพัน" กัน...
มุมมองของความจริง มาพร้อมกับความงามเกิดขึ้น...
ของอีกด้านหนึ่ง...
++ ขอบคุณครับ +++
|