*/
<< | สิงหาคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
.......................................................................................................................ยิ้มเย้ยยุทธจักร .....
..............................................................................................ทะเลร่ำครั่นครืน โถมเกลียวคลื่นซบเนาฝั่ง ..............................................................................................วารีซึมทรายรั้ง มนุษย์ยังหลงว่ายวน ..............................................................................................ฟ้าสูงกู่กึกก้อง หยันเย้ยผองโลกีย์ชน ..............................................................................................รุ่งโรจน์แลดับดล เพียงสวรรค์กระจ่างนัย
..............................................................................................ผาแกร่งค้ำตระหง่าน พายุผ่านมิคลอนไหว ..............................................................................................คลื่นโรยแรงโหมไล่ โลกฤๅไป่หมุนดังเคย ..............................................................................................พลิ้วพายกระพือพัด ปลิวสะบัดวาจาเย้ย ..............................................................................................แม้นลับมิตรคุ้นเคย อุราเกยกอดอาดูร
...........................................................................................เดียวดายกลางกระแส เปลี่ยนผันแปรจรดสูญ .............................................................................................เสพชีพซึ้งอากูล มิยินยลหยันไยไพ .............................................................................................ยิ้มเย้ยเยาะชีวิต ไม่ยึดติดดิ้นคว้าไขว่ .............................................................................................มายามิล้ำใจ ดีชั่วเห็นเช่นวิญญู
................................................................................................................................... พรายพิลาศ .......................................................................................................................... ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖
.... บทเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ บนท่วงทำนอง ‘กว่านหลิงส่าน’ ที่เคยสาปสูญ ถูกกู่ร้องขับขานก้องสะท้านขุนเขา โดยสองบุรุษหนึ่งธรรมะหนึ่งอธรรม ผู้หวังซ่องเสพชีวิตที่หลงเหลือ อยู่เหนือการแก่งแย่งชิงอำนาจ หากทว่า “คนใน ยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง” เมื่อมิตรภาพบนความต่างเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้กระหายความเป็นใหญ่ใช้ฉกฉวย ผู้ กล้าเช่น หลินเจิ้นฟง และ ผู้เฒ่าซิ จึงมีอันต้องประสบเหตุเภทภัยแก่ชีวิต เหลือทิ้งไว้เพียงบทเพลงสะท้อนความ เปลี่ยนแปลงอันเป็นจีรัง ซึ่งมนุษย์ทุกผู้นามไม่ว่าจะเยี่ยมยุทธเพียงใดล้วนต้องเผชิญ
..... บางช่วงตอนของสุดยอดนวนิยายจีนกำลังภายใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร หรือ เดชคัมภีร์เทวดา’ วรรณกรรม เพชรน้ำเอกจากปลายปากกาของ ‘กิมย้ง’ ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครชุดอย่างต่อเนื่อง (นับเฉพาะละคร ชุดสร้างแล้วถึง 6 รอบ นับตั้งแต่ปี 1984 ล่าสุดคือเวอร์ชั่น 2013 ที่เพิ่งออกอากาศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา) โดยปณิธานผู้ กล้าอันต้องลาลับก่อนประสบผล ที่นำเสนอผ่าน ‘บันทึกบทเพลงเย้ยยุทธจักร’ เพื่อให้ตกทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง สะท้อนภาพการเมืองฟอนเฟะในสังคมจริง จากผู้มีปัญญา มีพละกำลัง ซึ่งโดยมากมักทะเยอทะยานใฝ่สูง และเพื่อที่ จะไปให้ถึงจุดสูงสุดของชีวิตตน ยินดีกระทำทุกเรื่องราวโดยไม่เลือกวิธีการ และไม่ใส่ใจด้วยว่าจะสร้างความเดือด ร้อนเสียหายให้กับสังคมเพียงใด อันเป็นธาตุแท้ใจคอคนที่มีอยู่ในสังคมมนุษยชาติทุกเผ่าพันธุ์ ซึ่งนวนิยายเรื่องนี้ หยิบนำมาสอดแทรกอยู่ในตัวละคร ทั้งในกลุ่มผู้ที่เรียกตนเองว่าชนฝ่าย 'ธรรมะ' และ 'อธรรม'
..... เยิ่นหวอสิง (ยิ่มอั้วเกี่ย) จอมมารผู้มักใหญ่ใฝ่สูง สำเร็จอวิชชา ‘มหาเวทย์ดูดดาว’ สามารถดูดลมปราณของ บุคคลอื่นมาเป็นของตน แม้พลังฝีมือจะสูงล้ำยากหาผู้ต้าน กระนั้นการปล้นชิงลมปราณของผู้อื่นก็ย้อนกลับมาทำร้าย ตัวเอง กระทั่งถูกลูกน้องคนสนิทหักหลัง ถูกล่ามโซ่จองจำในคุกใต้ทะเลสาบน้ำแข็งนานถึง 12 ปี แม้จะหนีพ้นออกมา ได้แต่ก็ยังมิวายที่จะสำนึกตนกลับตัว จนพบจุดจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด
..... ชั่วชีวิตหนึ่งเห็นบุคคลเช่นนี้เพียงหนึ่งคนยังนับว่ามากเกินพอ หากในความเป็นจริงอันโหดร้าย ผู้ยิ่งใหญ่มากมาย กลับเลือกประพฤติตนเยี่ยงนี้
..... ตงฟางปุ๊ป้าย (ตังฮึงปุกป่าย) อัจฉริยะบุคคลพรรคมารที่สมบูรณ์พร้อมทั้งสติปัญญาและวิทยายุทธ เพื่อก้าวสู่ ความเป็นใหญ่ยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นชายไม่จริงหญิงไม่ใช่ กระทั่งสำเร็จสุดยอดวิชาในคัมภีร์ทานตะวัน ฝีมือก้าวสู่ขั้น ไร้พ่าย หากเพราะความลุ่มหลงงมงาย ให้ท้ายคนสอพลอ ปกครองบริวารด้วยอำมาหิต สุดท้ายจึงต้องจบชีวิตใต้คม กระบี่
..... สวรรค์นับว่าดีกับบุคคลเช่นนี้มิน้อย แม้นเลือกใช้ชีวิตโดยเสรีไม่ยึดติดกับอำนาจวาสนา สมควรท่องโลกกว้างได้ อย่างสุขสำราญ ใช่ต้องถูกก่นหยามประณามเหยียดเพราะเนรคุณต่อสวรรค์กระนั้นหรือ
..... งักปุ๊กคุ้ง (เยวี่ยปู้ฉิน) เจ้าของฉายา “กระบี่วิญญูชน” ปรมาจารย์สำนักฮัวซานที่ได้รับการยกย่องด้านคุณธรรม จากเคยดำรงตนด้วยสมถะ มานะฝึกฝนจนสำเร็จลมปราณรัศมีม่วง กระทั่งโชคชะตานำพาให้พบกับโอกาสที่จะครอบ ครองสุดยอดเคล็ดวิชา ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ ความทะเยอทะยานก็สลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่เคยมีอยู่ไปจน หมดสิ้น กลายเป็น “วิญญูชนจอมปลอม” ที่อาศัยคุณธรรมบังหน้าเพื่อแสวงหาชื่อเสียงและอำนาจเท่านั้น สุดท้ายมิ เพียงทำร้ายตนเองยังทำร้ายครอบครัวจนพินาศสิ้น
..... ดังธารใสสงบนิ่งหาบ่งบอกระยะลึกตื้น เช่นคนมิอาจคำนวนวัดจากสิ่งที่เห็นภายนอก หากกาลเวลาเป็นเครื่อง พิสูจน์คน อำนาจก็เป็นเครื่องพิสูจน์ความดีเฉกเช่นเดียวกัน เพราะเช่นนั้นบนกองอำนาจจึงกองสุมไว้ด้วยซากของ คน (เคย) ดี
..... ลิ้มเพ้งจือ (หลินผิงจือ) เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อซึ่งมีอันต้องบ้านแตกสาแหรกขาด ดังความตามสำนวน “หยกไม่ผิด ผิดที่ผู้ครอบครองหยก” เนื่องจากความกระหายที่จะครอบครอง ‘เพลงกระบี่ปราบมาร’ ของชนชาวที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมะ แม้จะพยายามมานะฝึกฝนตนเองในแนวทางที่ถูกต้องเพื่อการล้างแค้น แต่ก็มิวายตกเป็นเหยื่อความกลอก กลิ้งของผู้ที่ตัวเองไว้ใจ ทำให้ด้านมืดในจิตใจกลืนกินความใสซื่อบริสุทธิ์ไปจนหมดสิ้น สุดท้ายความดีของเขาก็ดับ ไปพร้อมดวงตาที่ไม่สามารถจะมองเห็นได้อีกต่อไป
..... สิ่งดีมิอาจก่อร่างสร้างขึ้นจากความไม่ถูกต้อง ในสังคมล้วนเต็มไปด้วยผู้อ่อนแอที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เพียง วิญญูชนย่อมเลือกเคลื่อนไหวในสภาวะนิ่งสงบด้วยการเพ่งพิจารณา หากทว่ายังมีจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ความเลวร้าย เข้าหักล้างความเลวร้ายที่ตนเองเผชิญ ซึ่งชัยชนะย่อมหมายถึงความเลวร้ายหนึ่งจากไปเพื่อต้อนรับความเลวร้ายใหม่ เท่านั้นเอง
..... ตัวละครที่กล่าวมา รวมถึงตัวละครอีกหลายๆ บทบาทในเนื้อเรื่อง ล้วนแล้วแต่สวมบุคลิกภาพของ ‘นักการเมือง’ ที่พบเห็นได้ในชีวิตจริง ซึ่งความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดขึ้นในสังคม ล้วนแล้วแต่เป็นผลสืบเนื่องของการแย่งชิงอำนาจ จากบุคคลประเภทนี้แทบจะทั้งสิ้น
..... ในนวนิยายพวกเขาฝึกฝน แก่งแย่งสุดยอดวิชา เพื่อก้าวขึ้นปกครองยุทธภพแต่เพียงผู้เดียว ..... ส่วนเรื่องจริงพวกเขาแย่งชิงชัยชนะในการเลือกตั้ง เพื่อขึ้นไปมีอำนาจในการบริหารประเทศ
..... “คัมภีร์เล่มนี้ เป็นสิ่งอัปมงคล”
..... อั้งเฮียะเซียงซือ เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินรุ่นก่อน กล่าวขึ้นก่อนลงมือเผาทำลายคัมภีร์ทานตะวันทิ้งไป ซึ่งตาม ความเข้าใจของผู้เขียน สิ่งที่เป็น ‘อัปมงคล’ หาใช่วิทยายุทธที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไม่ หากแต่เป็น ‘อำนาจ’ ที่ใช้วิทยา ยุทธในคัมภีร์ไปแสวงหามามากกว่าที่เป็นสิ่งอัปมงคล เพราะโดยเคล็ดวิชา “ลงมีดตอนตนเอง เพื่อสำเร็จยอดวิชา” นัยความหมายคือ การตัดกิเลส ความปรารถนาออกไปด้วยวิธีหักดิบ เพื่อให้จิตใจจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนตนจนสำเร็จ ยอดวิชา หากแต่เพียงผู้ที่นำไปฝึกฝนล้วนแล้วแต่พอกพูนด้วยกิเลสตัณหา สิ่งที่ตัดออกไปจึงเป็นเพียง ‘รูปธรรม’ หา ใช่ ‘นามธรรม’ อันสามารถนำสุดยอดวิชานี้ไปใช้ในทางสร้างสรรค์ได้ คนเคยดีจึงแปรเปลี่ยนเป็นคนลุ่มหลงใน อำนาจวาสนา คนชั่วช้าได้รับการส่งเสริมให้กระทำผิดคิดเลวได้ง่ายดายขึ้น เมื่อ เพลงกระบี่ปราบมาร ถูกเปลี่ยน ให้เป็น เพลงกระบี่สร้างมาร จึงเป็นเหตุให้วิญญูชนผู้นิยมความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่ยึดติดกับชื่อ เสียงลาภยศ เช่น ‘เล่งฮู้ชง’ ฉายบทบาทขึ้นมา ท่ามกลางความวุ่นวายในยุทธภพ
..... เล่งฮู้ชง (หลิงหูชง) จอมยุทธสำมะเลเทเมาแต่ไม่เสเพล ประพฤติตนไม่อินังขังขอบใดๆ ในชีวิต หากแต่ไม่เคย เพิกเฉยต่อความอยุติธรรม และด้วยความที่เป็นศิษย์เอกแห่งสำนักฮัวซาน ทำให้เขาแม้ไม่อยากจะสนใจการแก่งแย่ง ช่วงชิงในยุทธจักร แต่ก็ไม่อาจหลีกพ้นที่จะถูกม้วนเข้าไปพัวพันด้วยจนได้ ซึ่งด้วยเคล็ดวิชา ‘เก้ากระบี่เดียวดาย’ (เก้ากระบี่ต๊กโกว) ที่มีเคล็ดความสำคัญคือ “ใช้ไร้กระบวนท่าพิชิตกระบวนท่า” ที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก ‘ฟงชิงหยาง’ ปรมาจารย์ผู้ถอนตัวเร้นกายใฝ่สันโดษ ทำให้สุดท้ายยุทธภพสามารถกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งด้วย คมกระบี่ของเขา
..... มองตามบุคลิกภาพของตัวละคร เล่งฮู้ชงก็คือวิญญูชนผู้ไม่สนใจที่จะเข้าสู่วงจรการเมือง หากทว่ารู้เท่าทัน พฤติกรรมฉ้อฉลของนักการเมืองเป็นอย่างดี ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในทุกสังคม และบ่อยครั้งที่เมื่อไหร่ บุคคลเช่นนี้พร้อมใจกันลุกขึ้นมาขัดขวางความบ้าอำนาจของชนชั้นเปี่ยมมิจฉาทิฐิ กระบวนยุทธ หรือพละกำลังที่ดู เหมือนจะไร้ผู้ต้าน ก็มักจะมีอันถูกสั่นคลอนให้ง่อนแง่นเสมอ
..... ในทัศนะของผู้เขียน เมื่อนำนวนิยายเรื่องนี้มาทบทวนย้อนมองดูสภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ตนเองยังคงมั่นใจว่า ‘วิญญูชน’ เช่นเล่งฮู้ชงไม่เคยสิ้นไปจากแผ่นดินนี้ ไม่ว่าจะเมื่อ 40 ปีที่แล้ว หรือจะต่อไปอีก ร้อยปีข้างหน้า เพียงเสียดายที่ชนชั้น ‘ผู้สันโดษ’ ซึ่งชืดชาต่ออำนาจวาสนา เพียงมุ่งหวังจะนำความสงบชอบ ธรรมให้กลับคืนสู่สังคม เช่น ปรามาจารย์ฟงชิงหยาง หรือ ฟางเจิ้นไต้ซือ ที่ปรากฎตัวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เช่นในนวนิยาย กลับคล้ายว่าสูญสลายหายไปจากสังคมนี้เสียแล้ว
..... วิญญูชนผู้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรมในวันนี้จึงมีเพียง 'จิตใจที่กล้าหาญ' ต้องการเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้น ในสังคมเป็นอาวุธแต่เพียงเท่านั้น มิอาจใช้เคล็ดความ “ไร้ซึ่งอำนาจพิชิตมีอำนาจ” กำราบนักการเมืองฉ้อฉลให้ หลุดพ้นไปจากอำนาจสมความปรารถนาได้ แม้ที่ผ่านมาจะพอมีผู้กล้าผ่านเข้ามาให้เห็นเป็นความหวังอยู่บ้าง แต่ สุดท้ายก็มิวายเผยธาตุแท้ของ วิญญูชนจอมปลอม เช่น งักปุ๊กคุ้ง หรือไม่ก็กลับกลายเป็นเพียงชนชั้น กบฎ เช่น จ้อแน่เซียง ที่แฝงตัวมาเพื่อมุ่งหวังจะเข้าไปรับช่วงต่ออำนาจมาไว้ในมือตนเสียเกือบทุกคนไป
..... มิเช่นนั้นมีหรือที่แผ่นดินจะวุ่นวายจนถึงวันนี้
................................................................................................................................... พรายพิลาศ
..... หมายเหตุผู้เขียน ..... กาพย์ยานี ๑๑ บทเพลง 'ยิ้มเย้ยยุทธจักร' ผู้เขียนเรียบเรียงขึ้นจากความรู้สึกที่ได้รับจากการอ่าน และชม นวนิยายเรื่องนี้ โดยมีเนื้อเพลงที่ถอดความเป็นภาษาไทย โดยคุณ xiujung พิจารณาประกอบ หากมีความหมายใน จุดใดที่คลาดเคลื่อนไปจากเนื้อเพลงต้นฉบับ ต้องกราบขออภัยท่านผู้รู้ไว้ในที่นี้ด้วยครับ
..... ภาพประกอบบทความ ..... ละครชุดกระบี่เย้ยยุทธจักร 2013 ..... เพิ่มเติม “กระบี่เย้ยยุทธจักร” จากบล็อกเหล่าซือสุวรรณา ..... กระบี่เย้ยยุทธจักร สามเพลงยอดนิยมจากหนังกำลังภายใน ได้แง่คิด ..... มียอดวิว 6 แสนกว่า เพลงกระบี่เย้ยยุทธจักรฉบับคลาสสิค
..... เพิ่มเติม “กระบี่เย้ยยุทธจักร” จากเว็บมังกรหยก ..... ผู้กล้าหาญคะนอง - กระบี่เย้ยยุทธจักร - เดชคัมภีร์เทวดา
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |