เรื่องดีๆ ที่ไม่ค่อยได้เป็นข่าว

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน” กันบ้างไหมครับ

เป็นความจริงครับ โดยเฉพาะในสังคมไทย เป็นมานานแล้วครับ ไม่ใช่เป็นแค่ในปัจจุบัน

สื่อทุกประเภทไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์และโซเชียลมีเดียทั้งหลายต่างประโคมข่าวที่ไม่ค่อยดีกันเป็นส่วนใหญ่

หรือว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบข่าวเช่นนี้

เพราะข่าวร้ายหรือข่าวไม่ดีนี่แหละครับ ที่ทำให้หลายคนซึ่งบางครั้งรวมทั้งผู้เขียนด้วย ต่างต้องปิดหูปิดตาที่จะรับข่าวที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

ที่จริงประเทศไทยมีข่าวดีๆ มากมายครับ และแม้สื่อสารมวลชนบางคนพยายามที่จะนำเสนอข่าวดีๆ แต่บางครั้งก็ไม่อาจแทรกกับเรื่องไม่ดีไปได้ 

ทราบดีครับว่าหน่วยงานราชการหลายแห่งพยายามที่เสนอข่าวสารที่มีสาระดีๆ และมีประโยชน์แต่บางครั้งก็ไม่อาจซื้อเวลาเพื่อนำเสนอสาระสำคัญโดยละเอียดได้ เพราะไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจ่ายค่าเวลาซึ่งแพงมาก

จึงอยากเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันนำเสนอข่าวดีๆ ด้วย ทั้งนี้ นอกจากเป็นประโยชน์แก่ประชาชนแล้ว ยังเป็นกำลังใจให้หน่วยงานหรือบุคคลที่ทำความดีด้วย

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

ในระยะ ๒-๓ ปี ที่ผ่านมาสังคมไทยคงได้เห็นนักการเมืองบางคนได้ออกมารณรงค์ให้เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไทยบางอย่างเสียใหม่ เช่น ต่อไปไม่ต้องเรียกพ่อแม่ พี่น้อง ลุง ป้า น้า อา ให้ใช้คำว่า คุณ ผม และดิฉัน ก็พอแล้ว

แต่ความพยายามเหล่านั้นไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนคนไทยส่วนใหญ่หรอกครับ เพราะวัฒนธรรมไทยในเรื่องนี้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนไทยมานานแล้ว 

ทั่วโลกได้ให้ความสำคัญในเรื่องการจัดอันดับประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากการจัดอันดับทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความปลอดภัย ฯลฯ ดังที่ทราบกันอยู่แล้ว 

บัดนี้ ได้มีการจัดอันดับโลกขึ้นมาอีกประเภทหนึ่ง คือการจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดด้านมรดกทางวัฒนธรรม (World’s Best Countries For Cultural Heritage Influence) 

โดยนิตยสาร CEOWORLD ได้วัดผลจากคะแนนทั้งหมดรวม ๙ ด้าน ได้แก่ สถาปัตยกรรม มรดกทางศิลปะ แฟชั่นอาหาร ดนตรี วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และการเข้าถึงมรดกทางวัฒนธรรมนั้นๆ 

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

และประเทศไทยของเราก็เป็นประเทศที่ดีที่สุดด้านมรดกทางวัฒนธรรม เป็นอันดับ ๕ ของโลก ประจำปี ๒๕๖๔ 

อยากดูอันดับต้นๆ บ้างใช่ไหมครับ ชมได้จากรายละเอียดพร้อมคะแนนจากภาพข้างล่างนี้ครับ

ภาพจากอินเทอร์เน็ต

ทุกท่านคงไม่ลืมเช่นกันว่ากว่าเรื่องใดที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมประจำชาติได้นั้น ไม่ใช่ทำเพียงปีสองปี แต่ต้องใช้เวลาสั่งสมมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน

คนไทยทุกท่านจึงควรชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วัฒนธรรมที่ดีของชาติไทยได้รับการยอมรับให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก

เมื่อชื่นชมยินดีแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะลูกไทยหลานไทยซึ่งเป็นผู้รับมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ที่ต้องช่วยกันบำรุง รักษา และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้ดี

และให้คงอยู่ยืนยงคงอยู่ต่อไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลกด้วย

พุธทรัพย์ มณีศรี