ถ้าจะนึกถึงผู้กำกับชาวไทยสักคนต้องมี “ท่านมุ้ย” ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ติดอยู่ 1 ใน 3 ไม่ว่าจะเป็นโผยอดผู้กำกับในตำนานภาพยนตร์ไทย หรือผู้กำกับยอดเยี่ยมด้านใดด้านหนึ่งก็ตาม และถ้าจะหาผู้กำกับที่ทำภาพยนตร์สะท้อนสังคมไทยได้ดีที่สุด ท่านมุ้ยก็ยังคงเป็นหนึ่งในนั้นหรือบางทีอาจจะเป็นที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะภาพยนตร์ที่สร้างแต่ละเรื่องไม่เพียงสะท้อนภาพของตัวละครใดตัวหนึ่งหรือปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ยังชี้ให้เห็นองค์ประกอบส่วนอื่นๆที่มีอิทธิพลต่อปัญหาสังคมนั้นๆ เปรียบเสมือนจะดูต้นไม้ต้องดูทั้งป่า เพราะป่าจะบ่งบอกความเป็นไปของต้นไม้แต่ละต้น ถ้าป่าสมบูรณ์ สัตว์ป่ามากมาย ต้นไม้ก็งอกงามใหญ่โตเอื้อหนุนซึ่งกันและกัน แต่ถ้าป่าเสื่อมโทรม สัตว์ป่าสูญหาย ต้นไม้ก็เหี่ยวแห้ง และนั่นทำให้ภาพยนตร์ของท่านมุ้ยมีรายละเอียดมากมายแต่ก็ทำให้มองภาพได้ครบว่าปัญหาสังคมที่เกิดไม่ได้มาจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งแต่เกิดจากบริบทแวดล้อม หลายๆปัจจัยที่มีส่วนร่วมต่อปัญหานั้นๆ ![]() ![]() “คนเลี้ยงช้าง” เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ของท่านมุ้ยที่อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ไทยที่ดีที่สุดของใครหลายคนแต่ก็เป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนปัญหาสภาพแวดล้อมของเมืองไทยได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะไม่เพียงแต่เรื่องของคนเลี้ยงช้างตามชื่อเรื่องเท่านั้นแต่ยังตีแผ่สังคมไทยที่นายทุนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เอาเปรียบตาสีตาสาที่ไม่มีทางสู้จนหมดเนื้อหมดตัว ไร้ที่ดินทำกิน ภาพยนตร์เรื่องคนเลี้ยงช้างเข้าฉายในปี 2533 แต่เรื่องราวเหมือนยังคงอยู่ในสังคมไทยจนถึงทุกวันนี้ เพียงแต่เปลี่ยนตัวละครจากคนเลี้ยงช้างมาเป็นคนทั่วๆไป นายทุนที่เปลี่ยนจากภาพลักษณ์ของชาวจีนหัวการค้ามาเป็นคนสวมเสื้อสูท และเจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนจากตำรวจปลายแถวมาเป็นคนมีสีระดับต้นแถวแทน ถ้าจะดีต้องมีนักการเมืองทั้งท้องถิ่นและระดับชาติเป็นก็ครบวงจรของความเลวร้ายพอดี บุญส่ง “คนเลี้ยงช้าง” ความภูมิใจในชีวิตช่วงแรกคือการได้เป็นควาญช้างมีฝีมือของท้องถิ่น รับมรดกศิลปะที่ตกทอดจากบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่า มีช้างคู่ใจคือ พังแตงอ่อน ที่โตกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ตามธรรมเนียมของคนเลี้ยงช้าง บุญส่งแต่งงานกับหวานหญิงสาวมีการจัดงานแต่งงานอย่างสมฐานะของอาชีพที่มีเกียรติของบุญส่ง และมีลูกชายหนึ่งคนที่กำลังเล็กแต่ก็ถูกฝึกให้อยู่กับช้างวัยเยาว์เหมือนกับเขา ชีวิตของบุญส่งคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อเขาย่างสู่วัยกลางคนเขาจะผจญกับปัญหาป่าที่กำลังหมดไป และเมื่อป่าหมดคนเลี้ยงช้างอย่างเขาที่มีรายได้ส่วนหนึ่งคือการพาช้างไปลากท่อนไม้สัมปทานออกมาจากป่า ความไม่รู้ชะตาชีวิตทำให้บุญส่งไปกู้เงินกับเสี่ยฮกในอัตราดอกเบี้ยที่คนไม่รู้หนังสืออย่างเขาไม่มีวันเข้าใจว่าเงินสองหมื่นจะกลายเป็นห้าหมื่นภายในเวลาหนึ่งปีได้อย่างไร และเมื่อภาระจำยอมป่าใกล้เคียงที่ไม่มีไม้ให้ลาก เขาจึงต้องยอมพาช้างคู่ใจไปหากินที่ป่าไกลขึ้นกว่าเดิม ต้องจากลูกเมียไปเป็นเวลานาน แต่ฝันและโอกาสของบางคนมักไม่มีจริง บุญส่งกลับบ้านพร้อมกับมือเปล่าเพราะป่าที่ห่างออกไปก็เจอสภาพเดียวกันและเมื่อไม่มีทางหาเงินที่ดินทำนาอีกแหล่งของรายได้ก็ถูกยึด หนทางเดียวที่จะทำให้เขาอยู่รอดก็คือพาพังแตงอ่อนไปลากไม้ที่ตัดอย่างผิดกฎหมาย และนำพาชีวิตไปสู่เส้นทางที่เขาเองก็คงไม่มีวันเข้าใจว่าชีวิตที่ไม่เคยเบียดเบียนใครอย่างครอบครัวเชาทำไมต้องมาเจอหนทางตีบตันในชีวิตเช่นนี้ ![]() ![]() คำรณ “เจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้ตงฉิน” เขาปราบปรามผู้ลักลอบทำไม้ผิดกฎหมายอย่างไม่ลดละ ถึงขั้นประกาศสงครามเป็นตายกับโจรเหมือนกับว่าถ้ายังมีเขาอยู่ก็อย่างหวังได้ตัดไม้อย่างสบาย แต่คำรณไม่ทราบจริงๆว่าเมื่อเขาทำหน้าที่สู้ตายขนาดนั้น ทำไมยังมีไม้ตัดอย่างผิดกฎหมายได้ทุกวี่ทุกวัน มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ บางทีการที่เขาเป็นคนนอกถิ่นแต่เข้ามาดูแลในพื้นที่ป่าเหล่านี้ เขาลืมไปว่าวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นเป็นเช่นไร เขารู้ว่าใครคือผู้วานจ้างตัดไม้ทำลายป่าแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาไม่ใช่ผู้รักษากฎหมายเป็นเพียงผู้ดูแลป่า เมื่อเขาจับได้ผู้รักษากฎหมายตัวจริงก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ สิ่งที่เขาทำมาจึงแทบจะสูญเปล่า แต่หาทำให้้คำรณลดละความพยายามลงไม่ เจ้าหน้าที่ราชการไทยทั้งประเทศจะมีคนที่เป็นอย่างคำรณสักกี่คน เพียงแค่สิบส่วนป่าของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็น่าเพียงพอที่จะทำให้ป่าไม้คงอยู่ให้คนไทยชื่นชมมากกว่าสองเท่าที่เป็นอยู่แน่นอน ![]() ![]() จ่าสม “ตำรวจท้องถิ่น” ตำรวจระดับจ่าเมื่ออยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลย่อมกลายเป็นตำรวจระดับสารวัตรขึ้นมาทันที การมีอำนาจมากมายอยู่ในมือแต่วุฒิภาวะระดับต้นทำให้ผู้ที่ควรจะรักษากฎหมายกลับกลายเป็นผู้ทำผิดกฎหมายซะเอง เมื่อคนโง่มีอำนาจล้นฟ้าแถมมีปืนอยู่ในมือทำให้จ่าสมกลายเป็นกลไกหนึ่งของสังคมที่ทำลายป่าอย่างย่อยยับ เพราะเพียงจ่าสมเป็นคนดีป่าไม้ก็คงไม่หมดไปแม้คนอยากจะทำผิดกฎหมายมากมายเท่าใดก็ตาม จ่าสมเป็นเครื่องมือของเสี่ยฮกกลายเป็นอาวุธที่มีชีวิตและพร้อมกับกลายเป็นแพะให้ในทันทีเมื่อความผิดเกิดขึ้น ลองคิดดูว่าปัจจุบันตำรวจแบบนี้มีมากน้อยเพียงใด และทำร้ายสังคมไทยไปอีกมากน้อยเท่าใดอยากจะจินตนาการจริงๆ ![]() เสี่ยฮก “นายทุนท้องถิ่น” ร่ำรวยจากการได้สัมปทานป่าตัดไม้ถูกฎหมาย แต่เมื่อร่ำรวยไม่แปลกที่จะคิดจะมีมากขึ้นไปอีก วลีที่มี “รวยแล้วไม่โกง” จึงพิสูจน์แล้วว่ายากจะเชื่อได้แม้ในปัจจุบันก็ตาม เสี่ยฮกเมื่อป่าไม้สัมปทานใกล้หมดก็หาทางตัดไม้จากเขตหวงห้ามแล้วใช้วิธีสารพัดมีตั้งแต่ตัดแล้วลากมาในเขตสัมปทาน ขนออกจากป่าในทุกๆทาง โดยมีเจ้าหน้าที่อย่างจ่าสมคอยช่วยเหลือ และยังปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงที่มีสัญญาเอารัดเอาเปรียบ ในท้ายสุดเสี่ยฮกก็กลายเป็นเจ้าของที่ดินมากมายเพราะไม่มีชาวบ้านคนไหนคืนเงินกู้ได้เลย น่าแปลกที่คนอย่างเสี่ยฮกกับไม่ตายไปกับกาลเวลา แต่มีมากมายในปัจจุบันแถมยังเป็นที่นับหน้าถือตา ก็อย่างว่าสมัยนี้มีเงินเขานับว่าเป็นน้องมีทองเขานับว่าเป็นพี่ นายทุน+เจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อฉล จึงกลายเป็นตำนานการคอรัปชั่นที่คลาสสิคเสมอ เสี่ยฮกมักปรากฏกายให้เห็นในทุกยุคทุกสมัยในชื่อต่างๆและเปลี่ยนธุรกิจไปเรื่อยๆตามโลกที่เปลี่ยนไป ![]() ![]() แตงอ่อน ช้างเพศเมียเป็นช้างคู่บุญของบุญส่ง เข้าใจภาษามนุษย์ แม้แตงอ่อนจะเป็นช้างแต่ก็ชอบให้มนุษย์สุภาพกับเธอ บรรพบุรุษของแตงอ่อนเป็นพาหนะของพระเจ้าแผ่นดินและทหารหาญในการออกรบมาแล้ว พอหมดรบก็เข้าไปลากซุงงานหนักชีวิตบรรพบุรุษแตงอ่อนทำงานหนักตลอด แต่แตงอ่อนก็ไม่เข้าใจว่าบุญส่ง เจ้านายแตงอ่อนจึงถูกกลั่นแกล้งเสมอ แม้นายจะพาแคงอ่่อนไปทำงานไกลแค่ไหนแตงอ่อนก็ทำไ้ด้เสมอ ถ้าแตงอ่อนช่วยอะไรได้แม้แต่เอาชีวิตเข้าแลกแตง่ออนก็ยอมให้กับเจ้านายที่นับแตงอ่อนเป็นน้องสาวเสมอ ![]() การพัฒนาของมนุษย์ นโยบายของรัฐบาล ต้นเหตุของจุดจบชีวิตคนเลี้ยงช้าง เมื่อเริ่มประเทศไทยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อนำประเทศไทยก้าวไปสู่สังคมทุนนิยมเต็มตัว แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับแรกๆจึงมุ่งหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ การส่งออกจึงเป็นผลิตผลเกษตรกรรม ป่าไม้ และแร่ธาตุ คนเลี้ยงช้างจึงมีอาชีพลากไม้จากป่า แต่เมื่อทรัพยากรธรรมชาติเริ่มหมดไปและเมื่อแผนพัฒนาเปลี่ยนจากการเน้นทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นการสร้างโรงงานเพื่อผลิตทดแทนการนำเข้า เช่น สิ่งทอ เสื้อผ้า หายนะก็มาเยือนชุมชนชนบท ชุมชนเกษตรกรรม การปล่อยปะละเลยไม่ว่าจะเป็นราคาพืชผลเกษตรกรรมที่ตกต่ำ การเอารัดเอาเปรียบของนายทุนที่ทำให้ชาวไร่ ชาวนา ทำให้ต้องขายที่นาและส่วนใหญ่อพยพมาเป็นแรงงานราคาถูกในภาคอุตสาหกรรมในเมืองก็มีสาเหตุจากแผนพัฒนาประเทศทั้งสิ้น แม้ในภาพยนตร์เรื่องคนเลี้ยงช้างไม่ได้นำเสนอโดยตรงแต่ถ้าเข้าใจสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจในช่วงเวลานั้นจะเข้าใจเป็นอย่างดี คนเลี้ยงช้างอาชีพที่เปรียบเหมือนศิลปินสาขาหนึ่งเพราะต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ที่ตกทอดในการใช้ชีวิตอยู่กับช้าง การดูแล และสื่อสารกับช้างต้องกลายมาเป็นขอทานในสายตาของคนกรุงที่ขาดความเข้าใจในความเป็นมา แน่นอนในทุกสังคมมีทั้งคนดี คนเลว คนพาช้างมาเร่ร่อนก็ย่อมมีผู้แสวงหาประโยชน์ แต่คนเลี้ยงช้างที่สุจริตล่ะต้องถูกคำพิพากษาของสังคมด้วยหรือ คำพิพากษาจากคนเมืองที่มีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมในการทำลายป่าทั้งสิ้นและกระทบต่ออาชีพของพวกเขาอย่างเต็มๆ คนเลี้ยงช้างก็มีศักดิศรีเช่นกันเหมือนตอนที่บุญส่งพูดออกมาว่า “คนเลี้ยงช้าง กินขี้ช้างไม่ได้หรอก” และถ้าชีวิตไม่อับจนจริงๆก็คงไม่พาช้างไปเร่ร่อน เพราะช้างก็เปรียบเหมือนพี่น้องของคนเลี้ยงช้างเช่นกัน บุญส่ง แค้นไอ้เสี่ยฮกมันน่ะสิ ไม่รู้คิดดอกเบี้ยภาษาแม่มอะไร รู้ไหมหวานมันคิดเราตั้งห้าหมื่น ครึ่งแสนเชียวนะหวาน หวาน ห้าหมื่น ทำไมมันมากอย่างนั้นเลยล่ะพี่ ก็ยืมมาแค่ 2 หมื่นเองนี่ บุญส่ง มันมีสัญญา ถ้าหาเงินให้มันไม่ทนภายในเดือนหน้า จะยึดที่นาเรา เราเข้าไปหางานในกรุงเทพฯ หวาน เราต้องขายแตงอ่อนงั้นน่ะสิ บุญส่ง มันก็เหมือนกันแหล่ะหวาน เราหาเงินให้มันไม่ทัน มันก็ยึดที่นาเรา เราไม่มีนาเราก็เลี้ยงแตงอ่อนไม่ไหว เลี้ยงไม่ไหว เราก็ต้องขายมัน ถ้าไม่ขายมันวันนี้ ก็ต้องขายมันวันหน้า รู้ไหมหวานคนเลี้ยงช้างมันกินขี้ช้างไม่ได้หรอก ภาพยนตร์เรื่องคนเลี้ยงช้างแม้จะเป็นเรื่องของคนเลี้ยงช้างเป็นหลักแต่ก็สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของกลไกรัฐบาล อำนาจรัฐที่มุ่งผลประโยชน์ตกกับคนบางกลุ่ม แผนพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นแต่ตัวเลขของการเติบโตแต่ไม่เคยใส่ใจในคุณภาพชีวิต ไม่มีแผนการรองรับอาชีพที่ถูกทอดทิ้งเมื่อเวลาผ่านเลย ไม่เพียงแต่คนเลี้ยงช้างเท่านั้นแต่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องประสบชะตากรรมที่เลวร้ายจากการดำเนินนโยบายที่ต้องไม่เรียกว่าผิดพลาด แต่เป็นนโยบายที่จงใจสร้างความมั่งคั่งให้กับกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั้น ทุกวันนี้ผู้ประสบชะตากรรมไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา คนเลี้ยงช้างและอื่นๆอีกมากมายยังไม่รู้เลยว่าพวกตนทำอะไรผิดตรงไหน คนเลี้ยงช้างเข้าฉายในปี 2533 และได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำครั้งที่ 1 เป็นจำนวน 4 รางวัล คือ ดาราชายประกอบ ผู้กำกับ บทภาพยนตร์ และดนตรีประกอบ และยังมุ่งหวังในการประกวดรางวัลออสการ์สาขาต่างประเทศแต่ไปไม่ถึงฝัน แต่นั่นไม่ได้ลดทอนคุณค่าของภาพยนตร์ให้น้อยลงไป เพราะคนเลี้ยงช้างเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่สะท้อนประวัติศาสตร์ของกลุ่มคนชนบทในยุคเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | สิงหาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | ||||||
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 |