ตอนนี้เมืองไทยอยู่ในช่วงของการค้นหาผู้นำสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกลายเป็นประเด็นร้อนระอุเมื่อ การแต่งตั้งเป็นไปอย่างยืดเยื้ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การแย่งชิงอำนาจผ่านการส่งตัวแทนเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย่อมแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งนี้มีผลต่อเรื่องราวต่างๆมากมาย ตำรวจหรือที่ทุกคนเข้าใจว่านี่คือต้นธารแห่งการธำรงซึ่งความยุติธรรมของประเทศต้องมาเป็นตำแหน่งที่ฝ่ายการเมืองใช้เป็นใบเบิกร่องในการยึดผลประโยชน์ต่างๆที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคตและการหักกลบผลที่เคยทำมาในอดีต และต้นธารนี้เองก็เป็นข่าวลือของแหล่งคอรัปชั่นขนาดมหึมาจากการแต่งตั้งโผหรือโยกย้ายประจำปีที่ว่ากันว่าอยู่คู่เมืองไทยมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครกล้าเปิดเผยเพราะโยงใยไปอยู่ทุกซอกมุม ถ้าข่าวลือเหล่านี้เป็นจริงเพียงครึ่งเดียวหรือเพียงเศษเสี้ยวเดียว ตำรวจหรือผู้รักษากฏหมายนอกจากไม่สามารถกล่าวว่าเป็นด่านแรกของความยุติธรรมในสังคมแต่ยังต้องเรียกว่าเป็นต้นธารแห่งอาชญากรรมได้เลยทีเดียว

ลอสแองเจลิสในปี 1928 คริสติน คอลลินส์ (แองเจลิน่า โจลี่ย์) แม่ผู้เลี้ยงลูกชาย วอลเตอร์ วัย 9 ขวบเพียงลำพัง โดยที่คริสติน เป็นพนักงานระดับหัวหน้าอยู่ที่บริษัทโทรศัพท์แห่งหนึ่ง วันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุด วอลเตอร์ลูกชายไม่ได้ไปเรียนหนังสือ แต่คริสตินต้องไปทำงานเนื่องจากมีพนักงานคนหนึ่งหยุดต้องไปทำแทน และเมื่อคริสตินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าวอลเตอร์ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เมื่อตามหาแถวบ้านไม่เจอจึงไปแจ้งตำรวจให้ช่วยติดตาม และการต่อสู้ของผู้หญิงหรือแม่ที่ตามหาลูกกับตำรวจก็เกิดขึ้น เมื่อตำรวจที่ต้องการสร้างผลงานและรักษาหน้าของกรมตำรวจ (ของแอลเอนะครับไม่ใช่ตำรวจที่ไหน) จึงไปนำเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับ วอลเตอร์ และออกข่าวว่าพบเจอลูกของคริสตินอย่างใหญ่โต และเมื่อคริสตินปฎิเสธว่าไม่ใช่ลูกของเธอทางกรมตำรวจก็พยายามจะบอกว่าเป็นอาการของคนคิดถึงลูกหรือสร้างจินตนาการไปเองว่ามีความแตกต่างในด้านความรู้สึกแต่เมื่อคริสตินยืนกรานที่จะหาลูกแท้ๆของเธอ กรมตำรวจที่ห่วงหน้ายิ่งกว่าศักดิ์ศรีเพราะการยอมรับว่าหาเด็กผิดเป็นการเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลตำรวจ(ตรงไหน)เป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่ทำงานตามหน้าที่คือไปหาเด็กที่หายไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บานปลาย ตำรวจดันเลือกที่จะต่อสู้กับผู้หญิงทีน่าสงสารอย่างคริสติน หรือการเลือกที่จะใช้อำนาจกับคนไร้ทางสู้เป็นเทางที่เลือกที่ดีของผู้รักษากฏหมายของแอลเอในยุคนั้น ในภาพยนตร์ยังได้เอ่ยถึงการคอรปชั่นในวงการตำรวจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือตำรวจผู้ที่สามารถมีอาวุธครอบครองอย่างถูกกฏหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความสงบสุขของสังคมกลับเป็นตำรวจที่ไปรับจ้างข่มขู่กับชาวบ้านเพื่อเรียกเงินในการคุ้มครองแทน ไม่ต่างอะไรกับเผด็จการ อีดี้ อามิน แห่งอูกานดา ที่สร้างหน่วยงานทหารเฉพาะกิจเพื่อดูแลความเรียบร้อยแต่แท้จริงคือหน่วยงานหารายได้โดยการข่มขู่ชาวบ้านถ้าไม่ให้เงินก็จะกลายเป็นศพไปแทน

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้แน่นอนก็คือการรับบทของแองเจลิน่า โจลี่ ในบทคริสตินคุณแม่ที่มีหัวใจไม่ยอมแพ้กับการตามลูกที่หายไปแม้จะถูกกลั่นแกล้งจากผู้มีอำนาจในหลายรูปแบบ และเป็นอีกเรื่องที่เปิดโอกาสให้โจลี่ได้แสดงฝีมือ นักแสดงหญิงรางวัลออสก้าร์อีกครั้งหลังจากไปรับบทหนังตลาดมากมายในช่วงหลัง งานที่โดเด่นอีกอย่างก็คือการสร้างบ้านเมืองให้ไปสู่ยุคที่ 30 การแต่งกายของตัวละคร แถมยังมี จอห์น มัลโควิช มาเป็นตัวประกอบในเรื่อง แต่ก็มีบทไม่มากนัก เพราะศูนย์กลางของทั้งเรื่องอยู่ที่แองเจลิน่า โจลี่ เป็นสำคัญ และเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอเกือบจะได้ออสก้าร์สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม แต่ก็ได้รับรางวัลจากสถาบันอื่นในบทนี้ไปพอสมควร

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของสหรัฐฯ ตามเรื่องก้คือลอสแองเจลิส (คำเตือน เรื่องจริงนี้เป็นส่วนสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่อาจทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วคิดจะชม อาจสูญเสียอรรถรสในการชมก็เป็นได้) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ คลิ้นท์ อีสวูด สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เหตุการณ์ระทึกขวัญทั้งประเทศอเมริกาเกิดในปี 1928 ในชื่อที่เรียกขานกันว่า “Wineville Chicken Murders” อาชญากรเล้าไก่แห่งไวน์วิล ที่มีคำว่าเล้าไก่เพราะอาชญกรใช้เล้าไก่เป็นที่คุมขังเด็ก กอร์ดอน สจวร์ต นอร์ทคอร์ต คืออาชญกรผู้นั้น ได้ลักพาเด็กๆที่ลอสแองเจลิส แล้วนำมาขังในฟาร์มของเขาก่อนที่จะกระทำการรุนแรงทางเพศแล้วฆ่าทิ้ง โดนมีมารดาของกอร์ดอน ร่วมมือในการสร้างโศกนาฎกรรมครั้งนี้ด้วย ตำรวจได้เบาะแสจากการค้นหาที่ฟาร์มและพบเจอหลานของกอร์ดอนที่ถูกบังคับให้ก่อาชญกรรมด้วย โดยหลานกอร์ดอนกลายเป็นพยานคนสำคัญที่ระบุว่ามีเด็กเกือบ 20 คนตกเป็นเหยื่อของความเลวร้ายครั้งนี้ และชาวบ้านแถวนั้นได้ร่วมใจกันเปลี่ยนชื่อถิ่นนั้นจากไวน์วิลล์ (Wineville) มาเป็น มิรา โลมา (Mira Loma) จากความอับอายต่อเหตุการณ์อันอื้อฉาว รวมทั้ง คริสติน และวอลเตอร์ สองแม่ลูกตัวละครในภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องจริง ที่ถูกกระทำโดยกรมตำรวจแอลเอและอาชญกรผู้นี้ คริสตินได้สะท้อนออกมาว่าเพียงตำรวจได้ทำหน้าที่ในการตามหาลูกของเธอ บางทีอาชญากรรมครั้งนี้ก็อาจจะไม่รุนแรงจนเป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญและเกิดการสูญเสียมากมาย และบางทีการละเลยของผู้ทำหน้าที่รักษากฏหมาย แท้จริงแล้วมันเป็นความเลวร้ายที่อาจจะเทียบเท่าการเป็นต้นธารของอาชญากรรม และนี่คือเรื่องจริงที่เกิดในแอลเลยุค 30 แต่ละม้ายคล้ายคลึงกับบางทีจริงๆในปัจจุบันที่ผู้รักษากฏหมายมัวแต่แย่งชิงผลประโยชน์ มุ่งหวังเก้าอี้เพื่อมูลค่าของการคอรัปชั่นที่มากขึ้น จนทำให้ก่อเกิดอาชญากรรมมากมาย ไม่บอกหรอกว่าที่ไหนให้คนอ่านไปเดาเอาละกัน

ภาพเหตุการณ์จริงในปี 1928 และ วอลเตอร์ คอลลินส์

Riverside County 'chicken coop murders' inspire Clint Eastwood movie, new book, http://www.pe.com/localnews/riverside/stories/PE_News_Local_S_chicken31.38a6836.html