กลายเป็นภาพยนตร์เล็กๆที่ถูกกล่าวขานอย่างมากมายหลังจากซัมเมอร์ปี
2009 ผ่านพ้นไป
District 9 ของ นีลล์ บลอมแคลมป์
ผู้กำกับหน้าใหม่ผู้มีถิ่นกำเนิดที่อัฟริกาใต้ที่เดียวกับฉากหลักของเรื่อง
อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ก็สื่อออกมาก่อนหน้าอยู่แล้วว่ามี ปีเตอร์ แจ๊คสัน
เป็นผู้หนุนหลัง และบารมีของผู้สร้างไตรภาคแห่งแหวนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เพราะเป็นเหมือนการยืนยันจากผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในฐานะผู้กำกับรุ่นถัดจากรุ่นใหญ่อย่าง
สตีเว่น สปีลเบิร์ก, เจมส์ คาเมรอน และ จอร์จ ลูคัส
แต่ที่สำคัญแม้จะมีแจ๊คสันหนุนหลังแต่นีลล์
บลอมแคลมป์ก็สร้างสรรค์งานได้อย่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง
ความลุ่มลึกของสาระ และมิติของการประชดประชัน บวกกับการเป็นภาพยนตร์ไซไฟ แม้จะทำให้คนดูคาดหวังจากภาพจานบินขนาดมหึมาบนท้องฟ้าเหนือกรุงโยฮันเนสเบิร์ก
คล้ายกับภาพที่เคยเกิดกับ ID4 มาแล้ว
ซึ่งผู้ดูก็ผิดหวังไประดับหนึ่ง แต่ District 9 กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ชมเฝ้ารอภาคต่อของเรื่องนี้อย่างชัดเจน ![]() นีลล์ บลอมแคลมป์ ได้สร้างหนังสั้นก่อนขยายความมาเป็น District 9 นั่นก็คือ Alive
in Joberg ที่เป็นสะท้อนถึงปัญหาการแบ่งชนชั้นและการกีดกันผิวสีในโยฮันเนสเบิร์ก
บ้านเกิดของบลอมแคลมป์เอง โดยใช้มนุษย์ต่างดาวเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสองของประเทศ
หนังสั้นเรื่องนี้ได้กล่าวเริ่มต้นตั้งแต่การมาครั้งแรกของมนุษย์ต่างดาว
และเป็นที่ตื่นตาตื่นใจและให้การต้นรับของมนุษย์โลก
โดยเฉพาะสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยพบเห็นอย่างชุดเกราะชีวะ หรือหุ่นยนต์
แต่เมื่อเนิ่นนานไปก็เกิดการขัดแย้งกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวพวกนี้
มีการสัมภาษณ์
การเจาะข่าวเหมือนเป็นภาพเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่เราชมจากข่าวทางทีวี
ซึ่งเหมือนกับบอกกลายๆว่ามนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ก็คือมนุษย์ร่วมโลกเดียวกันแต่ต่างเชื้อชาติ
ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม การใช้มนุษย์ต่างดาวก็เพียงเป็นการเปรียบเปรยเท่านั้นเองว่ามนุษย์ต่างหากที่กีดกันหรือปฎิบัติมนูษย์ด้วยกันเองอย่างไม่เท่าเทียมกัน
เหมือนที่คนขาวปฎิบัติต่อคนผิวสีในอัฟริกาใต้ ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้มีความยาวเพียง
6 นาที
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความแปลกใหม่และสดในการนำเสนอจึงเป็นจุดชนวนในการเกิด Alive
in Joberg ในฉบับยาวหรือ District 9 นั่นเอง ![]() District 9 ได้ขยายความจาก Alive in
Joberg อธิบายความเป็นไปเป็นมาได้มากขึ้น และในหนังสั้นได้เริ่มเอ่ยถึงการขัดแย้งของมนุษย์ต่างดาวกับมนุษย์โลก
ภาพยนตร์จึงแตกประเด็นเมื่อรัฐบาลเริ่มออกนโยบายที่ดูเหมือนจะแก้ปัญหานี้โดยอพยพเหล่าเอเลี่ยนออกไปจาก
District 9 โดยมีหน่วยงาน MNU มารับผิดชอบในการเคลื่อนย้าย
และมีทหารเข้ามากำกับอีกทีเผื่อในกรณีเกิดความรุนแรง ความสนุกจึงบังเกิดเมื่อมีกลุ่มคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสังคมมนุษย์ต่างดาวหลายกลุ่ม
ผลประโยชน์ มีตั้งแต่คนขาว คนผิวสี พ่อมดหมอผี กลุ่มต่อต้านความรุนแรง สื่อมวลชน ภาพยนตร์จึงมีการกระทบเสียดสีอยู่ตลอดเวลา
และยังคงเอกลักษณ์ในการนำเสนอคล้ายกับการรายงานข่าวเหมือนหนังสั้นต้นฉบับ
ทำให้เป็นความแปลกใหม่ แม้จะไม่แปลกตาเพราะมีหลายเรื่องที่ใช้เทคนิคไปก่อนแล้วอย่าง
Cloverfield หรือหนังซอมบี้บางเรื่อง
และเมาอภาพยนตร์สู่จุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง
ความเป็นภาพยนตร์ไซไฟก็ทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่องและทิ้งท้ายให้คนดูเฝ้ารอภาคต่ออย่างลงตัว ![]() District 6 การอพยพอย่างข่มขู่นโยบายกีดกันสีผิวแห่งประวัติศาสตร์ การใช้ชื่อ District 9 ย่อมมีที่มาเมื่อผู้สร้างแท้จริงแล้วเกิดที่อัฟริกาใต้
จึงเข้าถึงประวัติศาสตร์การแบ่งแยกผิวเป็นอย่างดี
ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของอัฟริกาใต้มีสถานที่ที่เรียกว่า District 6 มาตั้งแต่ในปี 1867 เป็นเขตปกครองตนเองในเมืองเคปทาวน์ของอัฟริกาใต้และเป็นสถานที่ค้าทาสแห่งใหญ่
มีพ่อค้าและชาวอพยพจากถิ่นอื่นมาตั้งรกรากที่ District 6 ว่ากันว่าชาวมาเลย์เป็นชนชั้นทาสที่ถูกนำมาที่แห่งนี้โดยบริษัทดัทช์อีสต์อินเดีย
จนมีประชากรถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดในเคปทาวน์ และเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง
ก้เริ่มเข้าสู่ยุคการแบ่งแยกสีผิว รัฐบาลประกาศกำจัดผู้ที่อยู่อาศัยในเขต District
6 โดยให้เหตุผลว่าเขตนี้เป็นแหล่งเสื่อมโทรม อันตราย
และมั่วสุมไปด้วยการพนัน โสเภณี และน้ำเมา จึงต้องกำจัดให้สิ้นไม่ใช่เป็นการบูรณาการ
ประชาชนในท้องถิ่นรู้ดีว่านี่เป็นความต้องการเข้ามายึดครองดินแดนหาใช่เป็นไปตามเหตุผลที่รัฐบาลอ้างไม่
เพราะดินแดนแถบนี้ใกล้ศูนย์กลางพาณิชย์และเป็นท่าเรือที่คนขาวต้องการ และ11
กุมภาพันธ์ 1966 รัฐบาลก็ออกกฎหมายอพยพคนท้องถิ่น
และประกาศให้เขตนี้เป็นของคนขาวเท่านั้น
ส่วนพวกที่อยู่อาศัยเดิมจะถูกขับให้ไปอยู่ในเขตทะเลทราย อ้างว้าง ห่างไกลออกไป อย่างที่กล่าวมาข้างต้นภาพยนตร์เรื่องนี้มีความลึกของสาระค่อนข้างมาก
ภาพของเอเลี่ยนจึงเป็นเพียงการเปรียบเทียบให้เห็นว่ามนุษย์ที่แท้จริงแล้วมองมนุษย์ด้วยกันเองแบบแตกต่างกันออกไป
กลุ่มมนุษย์ที่อยู่ในอำนาจเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตกลุ่มอื่นที่ด้อยกว่า
โดยเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง การยึดดินแดนของรัฐบาลอัฟริกาใต้ใน District 6 ก็เป็นการต้องการทรัพยากรที่ดิน
และใน District 9 ก็ไมต่างกัน
การแก้ปัญหาขัดแย้งหาใช่ความต้องการของรัฐบาลที่แท้จริงใหม่
ส่วนความต้องการที่แท้จริงเป็นอะไรก็ต้องไปชมกันเอง และก็ไม่ต่างอะไรกับบรรดาผู้ทรงเกียรติในบางประเทศที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยบอกว่าเพื่อสมานฉันท์
(ขอออกนอกเรื่องหน่อย) ขณะที่ชมภาพยนตร์ตัวละครเอกของเรื่องคือ
เจ้าหน้าที่ธรรมดาคนหนึ่งที่เทพประทานให้กลายเป็นหัวหน้าในการขนย้ายเอเลี่ยนออกจาก
District 9 ชื่อว่า วิกัส แวน เดอ เมอเว
ที่พ่อตาผู้หวังประโยชน์แอบแฝงเป็นผู้ผลักดัน แว่บแรกเลยนึกถึงชายหนุ่มที่ชื่อ
อภิสิทธิ์ ขึ้นมาทันที เพราะเขาเป็นบุคคลที่ทำตามแบบแผนของสังคมอย่างหมดจด
การเข้าไปขอให้เอเลี่ยนย้ายออกก็ต้องมีรายเซ็นต์ยอมรับ ไม่เน้นความรุนแรง
เดินตามตรอกออกตามประตูเสมอ
แต่ผู้คนที่ล้อมรอบเขากับมุ่งผลประโยชน์จากเขาโดยเฉพาะการดันเขาเป็นหัวหน้าก็มีประโยชน์แอบแฝงชัดเจน
จนเมื่อหมดความสำคัญก็ต้องเรียกว่าเฉดหัวส่ง
(แต่นายกฯของผมยังไม่ถึงระยะนี้นะครับ)
แต่ความเป็นมนุษย์ในตัวของวิกัสไม่เคยเปลี่ยนแปลง อาจจะต้องต่อสู้กับอารมณ์ที่แปรปรวนในบางครั้ง
แต่ก็มีมโนธรรมในท้ายสุด แม้แต่ตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ที่คงทำให้บางคนอาจจะน้ำตาไหลขึ้นมา
![]() คำถามที่สุดฮิตทั้งอดีตและคงไปถึงอนาคตอีกหลายปีว่า เราเป็นเผ่าพันธ์เดียวในจักรวาลหรือเปล่าและถ้ามีสิ่งชีวิตนอกโลกอื่นๆทำไมไม่เคยปรากฏตัวให้มนุษย์โลกเห็นบ้าง บางทีภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นคำตอบหนึ่งว่าแม้จะมีมนุษย์จากนอกโลกจริงแต่ถ้าพวกเขามาเยือนโลกได้จริงและเฝ้าศึกษามนุษย์โลกก่อนที่จะปรากฏตัวให้มนุษย์ได้เห็น พวกเขาคงต้องทบทวนมากมาย แม้โลกที่มนุษย์โลกอยู่จะน่าอยู่เพียงใดแต่พวกเขาก็คงไม่อยากคบกับเผ่าพันธ์ที่มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ใช้อาวุธห่ำหั่นกันเองเป็นแน่ อาจะมีหลายคนท้วงติงถึงเอเลี่ยนในเรื่องก็ดูป่าเถื่อน บรรดาเอเลี่ยนก็คงโต้กลับว่าถ้ามนุษย์เองถูกจำกัดเขตแดน ขาดอาหาร มีเพียงอาหารแมวที่มนุษย์ป้อนให้เหมือนพวกเขาเป็นสัตว์เลี้ยง ก็คงโกรธแค้นแสดงความป่าเถื่อนเช่นกัน บางทีอาจจะโหดร้ายกว่าอีกหลายเท่านัก ดูจากวิกัสเป็นตัวอย่างเมื่ออยู่ในอารมณ์กดดันแม้เป็นคนดีไม่น่ากลัวก็ยังใช้ความรุนแรงได้ และเอเลี่ยนก็คงบอกว่า แม้โลกจะน่าอยู่แต่มนุษย์ไม่น่าคบนั่นเอง ![]() |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กันยายน 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 |