ผ่านพ้นไปแล้ว 10 นัดหรือเกือบ 1 ใน 3 ของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2009/10 ซึ่งอาจจะมีบางทีมที่ยังมีแมทช์การแข่งขันตกค้างทำให้ยังแข่งไปเพียง 9 นัด แต่โดยสรุปก็พอจะเห็นภาพรวมคร่าวๆของฤดูกาลปัจจุบันพอสมควร เป็นประจำทุกๆฤดูกาลที่ทีมบิ๊ก 4 จะต้องถูกจับตามองตั้งแต่นัดแรก และบ่อยๆก็จะเห็นทีมม้ามืดขึ้นมาครองจ่าฝูงหรือทำคะแนนช่วงแรกๆแบบพลิกความคาดหมาย แต่ฤดูกาลนี้ทีมม้ามืดไม่ได้ผิดความคาดหมายแต่อย่างใดเพราะคือทีมใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย เช่น แมนฯซิตี้, แอสตั้น วิลล่า และ เสปอร์ โดยไม่มีเซอร์ไพรส์เหมือน ฮัลล์ ซีตี้ ในฤดูกาลก่อน ในขณะที่เจ้าประจำอย่างบิ๊ก 4 ก็ออกตัวร้อนแรงทั้งเซลซี, แมนฯยู และอาร์เซน่อล มีเพียง ลิเวอร์พูลที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักกับฟอร์มการเล่นที่แพ้ไป 4 นัดจาก 10 นัด แต่ก็ยังเกาะกลุ่มนำเมื่อผ่าน 10 นัดไปหมาดๆ

เซลซี สิงห์น้ำเงินครามครองจ่าฝูงด้วยการเล่นที่ดุดัน

หลงจากประสบความสำเร็จของการพาทีมเป็นแชมป์ของโฆเซ่ มูรินโญ่ มาตรฐานของสิงห์โตน้ำงินครามก็เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งพรีเมียร์ลีกและถ้วยสุดปราถนาที่สุดคือแชมป์เปี้ยนลีก และความใจร้อนของเจ้าของทีมด็ทำให้ทีมเกิดการเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายคนในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ล่าสุดก็คือคาร์โล อันเชอล็อตติ แห่งซานซีโร่ ผู้เคยพาเอซีมิลาน เป็นแชมป์ถ้วยใบใหญ่ของยุโรปมาแล้ว การเปิดฤดูกาลใหม่กับเซลซีก็ไม่ทำให้แฟนๆต้องผืดหวังเมื่อ 10 นัดผ่านไปนำเป็นจ่าฝูงและยิงประตูคู่แข่งได้มากถึง 24 ประตู ชนะรวด 6 นัดแรก 18 แต้มเต็ม แต่สิงห์โตที่มีเกมบุกที่ดุดันก็มีจุดอ่อนให้เห็นเมื่อ 4 เกมล่าสุดแพ้ถึง 2 นัด นั่นคือแพ้วีแกนกับแอสตั้น วิลล่า บางทีปัญหาของคาร์โล อันเชอร์อตติอาจจะไม่คู่แข่งแต่เป็นเจ้าของทีมที่ใจร้อนก็เป็นได้เหมือนที่ บิ๊กฟิลประสบพบเจอเมื่อปีก่อน ที่เปิดตัวไม่ต่างกันชนะแบบดุดันแต่พอพลาดช่วงกลางๆฤดูกาลก็โดนไล่ออกทังที่ทีมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์เกือบทุกรายการ โดยเฉพาะถ้ารัสเซียตกรอบเพลย์ออฟบอลโลกก่อน กุส ฮิดดิ้งก็จะกลายเป็นตัวเลือกมากดดันอันเชอร์ลอตติทันที และนัดต่อๆไปโดยเฉพาะในเดือนธันวาคมและมกราคม ช่วงเวลาที่กุนซือจากอิตาลีไม่เคยเจอมาก่อนนั่นคือช่วงเวลาพักผ่อนแต่อังกฤษต้องเตะบอล อาจจะเป็นเวลาที่ตัดสินชะตาของคาร์โล อันเขอร์ลอตติและอนาคตของสิงห์บูลทีมนี้ว่ามีดีพอจะไปถึงแชมป์หรือไม่ บางทีสิ่งที่จะทำให้สิงห์สะดุดเองไม่ใช่ใครที่ไหนคือเจ้าของทีมที่ชื่อ โรมัน อบราฮ้มโมวิช คนนี้นี่เอง

ปีศาจแดงขาดโด้ไม่ขาดใจแต่ขาดประตู

ปีศาจแดงก็ยังคงเป็นปีศาจแดงนั่นคือสิ่งที่กองเชียร์เหล่าผีมั่นใจ การย้ายไปราชันชุดขาวของ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ และการข้ามฝากไปคู่แข่งร่วมเมืองของคาร์ลอส เตเวซ แฟนผีก็เชื่อว่าเฟอร์กี้สามารถอุดช่องโหว่นั้นได้ และถ้าดูจากตารางอันดับก็น่าเป็นไปตามนั้นเมื่อ 9 นัดผ่านไปคือจ่าฝูงแม้จะร่วงมา 1 อันดับหลังศึกแดงเดือดก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไรเพราะยังเหลืออีกตั้ง 22 เกมให้เล่น แต่สิ่งที่ปีศาจแดงต้องแอบๆตกใจก็คือสถิติการทำประตู 10 นัดผ่านไปปีศาจแดงมีสถิติทำประตูได้มากเป็นอันดับ 4 แต่ที่สำคัญอื่นใดชัยชนะที่ได้มักจะมาเพียงผลต่างประตูเดียวแม้จะเป็นการเล่นในบ้านก็ตามอย่างเกมเฉือนเรือใบต้องอาศัยช่วงเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 6 ของโอเว่น และการตีเสมอซันเดอแลนด์ 2-2 ที่ต้องรอไปนาทีที่ 94 และเป็นฝั่งตรงข้ามที่ทำเข้าประตูตัวเองให้แทน เวนย์ รูนนี่ เป็นกองหน้าที่ไว้ใจได้แต่ก็ไม่ใช่ประเภทยิงประตูมากมาย และไมเคิล โอเว่นก็ผ่านยุคสมัยรุ่งเรืองไปแล้ว นอกจากนี้รอยรั่วในแผงหลังก็มีให้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะริโอ เฟอร์ดินาน ที่เคยไว้ใจได้ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมาเริ่มหลุดง่ายๆให้เห็น บางทีเฟอร์กี้อาจจะต้องทุ่มเงินครั้งใหญ่ในช่วงเปิดตลาดซื้อรอบใหม่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่โอลด์แทรฟฟอร์ดทั้งแผงหน้าและแผงหลัง

ปืนก็คงเป็นปืนตามสไตล์อาเซน เวนเกอร์

ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนอาร์เซน่อลในยุคหลังก็ยังเป็นปืนใหญ่ที่เล่นเกมบุกเป็นหลัก การยิงประตูได้มากที่สุดจาก 10 นัดแรกก็บ่งบอกสไตล์การเล่นเป็นอย่างดี แต่อย่างเพิ่งชะล่าใจทุกฤดูกาลของการเปิดซีซั่นอาร์เซน่อลเป็นเช่นนี้เสมอ แต่พอกลางฤดูกาลก็แผ่วลงดื้อๆ เพราะอาร์เซน่อลขาดยอดนักเตะมาประคบประคองความสม่ำเสมอลำพังการพึ่งเชส ฟาร์เบกาส ในแดนกลางและฟานเปอร์ซี่ในแดนหน้าก็ดูจะคาดหวังมากไปหน่อยกับนักเตะอายุยังน้อย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่มากนัก สิ่งที่น่าจะผิดพลาดมากที่สุดของเวนเกอร์คือการปล่อย กิลเบอร์โต้ ซิลวาไปเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน ซิลวายังแสดงให้เห็นว่าความเก๋าของเขาดีแค่ไหนโดยเฉพาะยังเป็นแกนหลักของทีมชาติ ในขณะที่กองกลางของอาร์เซน่อลชุดนี้มีแต่พละกำลังแต่ขาดเก๋าประสบการณ์อย่างที่ซิลวามี และเวนเกอร์ต้องตอบโจทย์นี้ก่อน ไม่อย่างนั้นจะเหมือนเกมล่าสุดที่นำครึ่งแรก 2-0 แต่ไม่เก๋าพอจะประคอง 3 แต้มเอาไว้ให้ครบ 90 นาที และลีกที่ต้องเล่นมากถึง 32 เกมก็ต้องความสมดุลของรูปแบบมากกว่าบุกที่บ้าพลัง

หงส์ออกตัวน่าผิดหวังแต่ยังเกาะกลุ่ม

ถ้านัดล่าสุดไม่ชนะในศึกแดงเดือดฤดูกาลนี้อาจจะเป็นฤดูกาลที่จบลงเร็วที่สุดของชาวเดอะค้อปก็เป็นได้ 9 นัดแรกชนะ 5 แพ้ 4 ลบคำวิจารณ์ของฤดูกาลก่อนของลิเวอร์พูลไปหมดสิ้น นั่นคือการเป็นทีมจอมเสมอ และไม่กล้าได้กล้าเสียของราฟา แต่การแพ้ถึง 4 ก้เป็นที่วิจารณ์แล้วว่ามากเกินไป ถ้าจะมาแพ้นัดที่ห้าในศึกแดงเดือดก็บอกลาพรีเมียร์ลีกไปได้เลย การขาดซาบี้ อลองโซ่ อาจถูกบอกว่าเป็นเหตุสำคัญแต่จริงๆแล้วเป็นเพียงส่วนน้อยนิด หลักๆน่ามาจากความไม่สมบูรณ์ของสตีเว่น เจอร์ราร์ดและเฟอร์นันโด ตอร์เรส และฟอร์มที่หลุดอย่างน่าเกลียดของแผงหลังทั้งแผงมากกว่า บางทีการจากไปของฮูเปียอาจผิดเวลาหรือเร็วเกินไป หลายหนที่คาร์ราเกอร์เข้าฟอร์มยุคแรกๆของเขา คือเฟอะฟะ ในขณะที่อีกสองตัวหลักคือเอกเกอร์กับสคอร์เทลก็ไม่สมบูรณ์ จึงเป็นเหตุหารเสียประตูจนแพ้โดยเฉพาะใกล้หมดเวลา ส่วนมิดฟิลด์การที่ราฟาใช้ ลูคัส เลว่า ก็มีเหตุผลสำคัยก็คือ ฮาเวียร์ มาซเซราโน่คงไม่อยู่ครบฤดูกาลแน่ๆ จึงไม่แปลกที่ราฟาจะขัดใจแฟนทุกๆนัด และถ้าจะมองแบบเป็นธรรมลูคัสก็ทำหน้าที่ได้ดีเรื่อยๆ โดยเฉพาะล่าสุดการถวายพานให้เอ็นกอกปิดเกมแดงเดือดก็เห็นพัฒนาการระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ราฟาต้องเผชิญแน่ๆก็คือทำอย่างไรที่กองหลังจะกลับมาแน่นเหมือนเดิม ส่วนเจอร์ราร์ดคงไม่น่าห่วงเพราะอังกฤษหมดรอบคัดเลือกไปแล้ว สิ่งดีๆที่พอมองเห็นอยู่บ้างในแอนฟิลด์ก็คือ 9 ประตูของเฟอร์นันโด ตอร์เรส ใน 10 เกมของลิเวอร์พูลที่ไม่ได้พึ่งพาเจอร์ราร์ดเหมือนเคย

บิ๊ก 4 แพ้มากสุดของ 10 นัดแรกในรอบหลายปี

การเปิดฤดูกาลใหม่ทีมบิ๊ก 4 รวมกันนัดกันแพ้ไปแล้วถึง 10 เกม เป็นลิเวอร์พูลนำโด่งแพ้ไปแล้ว 4 นัดขณะที่เหลืออีก 3 ทีมแพ้ไปเท่าๆกันทีมละ 2 นัดเทียบกับปีก่อนที่แพ้รวมกันเพียง 4 นัด หรือย้อนไปอีกฤดูกาลก็แพ้รวมกันเพียง 3 นัด หรือปีนี้ทีมรองๆเตรียมพรอมได้ดีกว่าในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ในขณะที่ทีมบิ๊ก 4 นอกจากการเปลี่ยนแปลงที่มากมาย ยังมีเกมทีมชาติมาแย่งความสมบูรณ์ของนักเตะไปพอสมควร และแค่เพียง 10 นัดแรกของฤดูกาลก็อาจจะเป็นการปรับทัพของแต่ละทีมให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากนี้ไปของจริงกำลังจะเกิดและหลังปีใหม่คงจะเห็นได้ชัดว่าทีมที่จะเข้าแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นใคร เวลานี้เร็วเกินไปที่จะบอกไม่เหมือนกับที่หลายสื่อหรือนักวิจารณ์หลายคนพยายามจะทำกันตลอด สุดท้ายก็หน้าแตกยับเสมอ

ไฮไลท์ 10 นัดแรกของพรีเมียร์ 2009/10

29/08/2009 แมนฯยู 2-1 อาร์เซน่อล : บิ๊ก 4 นัดแรก

12/9/2009 แมนฯซิตี้ 4-2 อาร์เซน่อล : ความแค้นของอเดบายอร์

20/09/2009 แมนฯยู 4-3 แมนฯซิตี้ : ประตูชัยที่มาในนาทีที่ 96

17/10/2009 ซันเดอร์แลนด์ 1-0 ลิเวอร์พูล : ลูกโป่งปริศนา

25/10/2009 ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯยู : ชัยชนะที่มาถูกเวลา

Clip นี้อย่างฮาขอบอก

ตารางอันดับพรีเมียร์ลีก 2009/10

(25 ตุลาคม 2009)

(25 ตุลาคม 2009)