เมื่อดูไบเมืองในทะเลทรายประกาศโครงการต่างๆที่จะเอาชนะธรรมชาติบนผืนทรายที่แห้งแล้ง ภาพของสถาปัตยกรรมอันตื่นตาตื่นใจที่ยากจะเกิดที่ไหนในโลกแต่มาเนรมิตให้เกิดบนดินแดนที่เป็นไปไม่ได้ ย่อมเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงกับอหังการของมนุษย์ชาติเป็นอย่างมาก อาการการอ้าปากและชื่นชมความสามารถมนุษย์แทบจะไม่แตกต่างจากการปรากฏตัวของภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในอดีตทั้งในฐานะภาพยนตร์แต่ในความบรรเจิดของแนวคิดที่มนุษย์เอาชนะการคัดเลือกของธรรมชาติที่มีวิวัฒนาการมาเป็นล้านๆปี ภาพยนตร์เรื่องนั้นก็คือ Jurassic Park ของสตีเว่น สปิลเบิร์ก ที่ออกฉายในปี 1993 และสร้างจากนิยายขายดีชื่อเรื่องเดียวกันของ ไมเคิล คริชตั้น

Jurassic Park เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินทั่วโลกและสร้างปรากฏการณ์ของการนำคอมพิวเตอร์กราฟฟิคมาใช้สร้างไดโนเสาร์พระเอกหลักของเรื่อง จนผู้ชมเชื่อสนิทใจว่าไดโนเสาร์จริงหน้าตาเป็นอย่างนั้น แต่เหนืออื่นใดคือแนวคิดที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่กล่าวถึงกลุ่มทุนที่ใช้อำนาจเงินเนรมิต อาณาจักรไดโนเสาร์ที่ชื่อ Jurassic Park เพื่อสร้างความมั่งคั่งผ่านความบันเทิง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลทางธรรมชาติหรือวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ใช้เวลาเป็นล้านๆปี แต่มนุษย์ที่ใช้ทุนสร้างวิวัฒนาการเหล่านั้นภายในเวลาไม่กี่ปี แต่มนุษย์มักง่ายเหล่านั้นก็ได้บทเรียนที่เจ็บแสบ อย่างไรก็ตามแนวคิดเอาชนะธรรมชาติและบทเรียนเช่นนี้ไม่นึกว่าจะเกิดในโลกของความเป็นจริงได้ ในภาพยนตร์เราได้เพลิดเพลินกับแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ที่เงินสามารถเสกสรรปั้นแต่งได้แม่แต่สิ่งที่พระเจ้าได้กำหนดวันหมดอายุไปนานแล้ว แต่ความอวดดีมักพบกับผลกระทบที่คาดไม่ถึง

ดูไบ เมืองที่เคยมีชื่อเสียงด้านเมืองท่าและเคยมีโครงการจะมาทำท่าในภาคใต้ของไทย คงแตกต่างจากภาพยนตร์เพราะไม่ใช่สวนสนุกที่มีไดโนเสาร์ แต่วิธีคิดของการเกิดต่างหากที่เหมือนและบางทีท้ายสุดอาจเลวร้ายเกินกว่าเข้าใจ ดูไบเวิลด์เปิดตัวได้ไม่แตกต่างจาก Jurassic Park การอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง ความมหัศจรรย์ที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งมีเงินทุนมากมาย แต่สร้างสิ่งก่อสร้างที่ไม่เพียงแต่พยายามเอาชนะมนุษย์ด้วยกันอย่างสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลก แต่เป็นการพยายามเอาชนะการคัดสรรของธรรมชาติที่มอบดินแดนแห่งนี้เป็นทะเลทรายมานานกว่าหลายพันหลายหมื่นปี การถมทะเลเพื่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่มูลค่าสูงที่สุดโดยออกแบบเป็นทวีปต่างๆ โครงการเดอะปา์ล์มที่ถมทะเลจนผิดโครงสร้างทางธรรมชาติ การสร้างหิมะให้บังเกิดในดินแดนที่แห้งแล้งแม้แต่ธรรมชาติก็มิอาจจะคิด หรือการที่จะคิดสร้างตึกที่เลียนแบบเทพเจ้าเพื่อล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ล้วนแล้วแต่สร้างความอ้าปากค้างให้กับบรรดาเศรษฐี มหาเศรษฐี หรือ ยาจก แต่ลืมมองไปว่าทุกๆอย่างล้วนมีราคายิ่งผิดธรรมชาติมากเท่าไรราคายิ่งแพงเท่านั้น และเมื่อดูไบเวิลด์ประกาศหยุดการหยุดชำระหนี้ 59,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือกว่า 2 ล้านล้านบาทเป็นเวลา 6 เดือน การเกิดวิกฤติการเงินแก่ผู้ลงทุนในดูไบเวิร์ลดที่ผ่านมาอาจเป็นเพียงคำเตือนและต้นทุนแรกของความอหังการของมนุษย์ เหมือนที่ภาพยนตร์เรื่อง Jurassic Park ให้ข้อคิดว่า ชีวิตหาหนทางเองได้เสมอ แต่การหาหนทางเพื่อเสพสมหรือความบันเทิงที่เกินพอ บางทีอาจต้องได้รับบทเรียนที่ไม่สามารถประเมินได้ในอนาคตนั่นเอง บทเรียนทางการเงินหรือที่เรียกว่าฟองสบู่ดูไบอาจเป็นก้าวแรกของที่มาเร็วตามการไหลของเงินทุนของโลกแต่อันตรายที่แท้จริงบางทีอาจจะมาอีกเร็วๆนี้ก็ได้และบางทีมันอาจจะยากที่จะรับมือถ้ามนุษย์ยังคงดั้นด้นจะสร้างหอคอยบาเบลอยู่ตลอดเวลา

ดูไบปี 1991

ดูไบปี 2005

ตึกที่จะสูงสุดในโลกปี 2010

The Cloud