“แค่ 2 สิ่งเท่านั้นที่ท่านมีดีอยู่นั่นคือ หน้าตาและความเยาว์วัย” นั่นคือคำจำกัดความของ Dorian Gray ที่ลอร์ดเฮนรี่ วัทตั้น กระซิบให้ตัวเขาฟัง และทั้งสองสิ่งนี่เองที่ทำให้เกิดเรื่องราวที่เข้าขั้นอมตะสยองขวัญและคลาสสิคในวงการนิยาย ดอเรี่ยน เกรย์ ปรากฏนามครั้งแรกในงานนิยายคลาสสิคของ ออสก้า ไวล์ด (Oscar Wilde) ในชื่อว่า “Picture of Dorian Gray” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1890 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ทั้งจอเงินและจอโทรทัศน์มากมายหลายหนในหลายๆประเทศของยุโรปทั้งในชื่อเดียวกับนิยายและชื่อเดียวกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Dorian Gray โดยฉบับภาพยนตร์เริ่มครั้งแรกตั้งแต่ปี 1910 รวมทั้งไปปรากฏในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆด้วยที่รู้จักกันดีก็คือเรื่อง The League of Extraordinary Gentlemen ในเวอร์ชันของญอน คอนเนลลี่ สำหรับภาพยนตร์เวอร์ชั่นปี 2009 ได้โอลิเวอร์ ปาร์คเกอร์ (Oliver Parker) เป็นผู้กำกับที่เคยกำกับภาพยนตร์จากนิยายคลาสสิคมาแล้วอย่าง Othello ในปี 1995 ทำให้บรรยากาศสังคมชั้นสูงในลอนดอนตามฉากหลังของเรื่องไม่น่าจะเป็นปัญหาและยังได้ดาราหนุ่มหน้าตาสุดหล่ออย่าง เบน บาร์นส มารับบท ดอเรี่ยน เกรย์ และโคลิน เฟิร์ท มารับบทที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เฮนรี่ วอตตั้น

ดอเรี่ยน เกรย์ (Dorian Gray) หนุ่มหน้าตาดีที่เพิ่งเข้าลอนดอน เนื่องจากเป็นทายาทเพียงคนเดียวของปู่ที่เพิ่งเสียชีวิต เมื่อเขาเข้าสู่สังคมชั้นสูงของชาวลอนดอนในยุคโกติคทำให้เขารู้จักกับเฮนรี่ วอตตั้น หนุ่มวัยกลางคนที่ช่ำชองในการใช้ชีวิตที่เสพสุขในสังคม และเฮนรี่ก็เป็นผู้แนะนำให้ดอเรี่ยน เกรย์ ให้เข้าสู่วังวนของการหาความสุขแบบเดียวกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กส์ สุรา นารี งานราตรี และ ทุกๆสิ่งที่ร่างกายจะสามารถเสพสุขได้ และเฮนรี่เช่นกันที่แนะนำเพื่อนของเขาที่เป็นจิตกรชั้นเยี่ยม บาซิล ฮาลวอร์ด และบาซิล นี่เองที่วาดรูปของดอเรียน เกรย์ ได้ออกมาอย่างงดงามจนดอเรี่ยน เกรย์ถึงกับกล่าวว่าเขาปราถนาให้ตัวเขามีรูปงามตลอดกาลตามรูปวาดของเขาแม้จะแลกด้วยจิตวิญญาณของตนก็ตาม และเมื่อภายหลังดอเรี่ยน เกรย์ ทราบว่าไม่ว่าเขาจะเสพสุขอย่างไรหรือเกิดภัยอันตรายใดๆรูปภาพของเขาที่วาดโดยบาซิลจะรับไปทั้งหมด ในขณะที่รูปภาพกลับมีหน้าตาที่ล่วงโรยเหมือนปีศาจก็ไม่ปานแต่ร่างกายของตัวเขาเองยังหนุ่ม รูปงามอยู่ตลอดเวลา จนเขาต้องนำรูปภาพไปหลบซ่อนไม่ให้ใครเห็นความลับนี้ และพลังอำนาจที่เขาได้นำเขาเข้าสู่ด้านมืดของการเสพสุขแบบไร้ขีดจำกัดและเพิมดีกรีของการละเมิดศีลธรรม แม้กระทั่งการลงมือฆาตรกรรมเพื่อปกปิดความลับของความงามที่เป็นอมตะของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาเริ่มมีความรักอีกครั้งและเป็นรักที่ไม่ควรจะเกิด ราคาของการมีความงามอันเป็นอมตะก็กำลังทำให้ดอเรี่ยน เกรย์ต้องจ่ายคืนอย่างไมมีทางหลีกเลี่ยง

เบน บาร์นส ดาราหนุ่มที่ได้รับบทหล่ออมตะอย่างดอเรียน เกรย์ ย่อมมีความเหมาะสมในระดับหนึ่งด้วยหน้าตาที่ไม่มีใครปกิเสธและยังเคยรับบทเจ้าชายรูปงามมาแล้วใน Narnia ตอนต่อ ย่อมเป็นการเพิ่มระดับเทียบเคียงกับดอเรียน เกรย์อย่างไม่เคอะเขิน แม้จะมีการเปรียบเทียบกับนักแสดงคนอื่นอย่างพระเอกทไวไลท์ที่มาแรงในกลุ่มผู้ชมวัยรุ่นสาว หรือนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง จอห์นนี่ เด็ปป์ หรือ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ก็ตาม แต่ดอเรี่ยน เกรย์ในเวิร์ชั่นของบาร์นสก็ทำให้คนดูเชื่อสนิทใจว่าหล่ออมตะเป็นเช่นใด และปัญหาที่จะตามก็คือ เบน บาร์นส จะสลัดภาพบุคลิกของหนุ่มรูปงามไปเล่นบทอื่นได้อย่างไร นอกจากนี้บทบาทของโคลิน เฟิร์ทก็หนักแน่นพอกับการเป็นผู้ชักชวนดอเรี่ยน เกรย์เข้าสู่อำนาจมืดของสังคมชั้นสูงในยุคสมัยกว่าสตวรรษที่ผ่านมา

เรื่องราวของยุคสมัยที่ผ่านเลยไปมากกว่าศตวรรษแต่สะท้อนความจริงที่พบเห็นในปัจจุบัน แรงปราถนาของการแต่งเติมที่ไร้จิตวิญญาณกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ไม่ยากในสังคมปัจจุบัน รวมทั้งสภาพสังคมที่ต่างตักตวงความสุขจนแม้แต่ดอเรี่ยน เกรย์อาจอยากมีชีวิตในยุคสมัยนี้ อย่างไรก็ตามบทเรียนของดอเรี่ยน เกรย์งไม่ต่างจาก บรรดาผู้มีความเป็นอมตะอื่นๆ ความลุ่มหลง ความเสพสุข จะจีรังยั่งยืนได้อย่างไรถ้าปราศจากจิตวิญญาณ ไม่มีหัวใจคอยบีบรัดยามชื่นชมกับความสุข เทวดาอย่างเซ็ตใน City of Angel ยอมสละชีวิตอมตะของเทวดาเพียงเพื่อรูสึกถึงความรักสักครั้งแม้จะตามมาด้วยความเจ็บปวด หรือหุ่นยนต์ที่ไม่ชีวิตอย่างเอ็นดรูว์ใน Bicentennial man ต่างเดินทางเป็นศตวรรษเพื่อตามหาหัวใจเหมือนมนุษย์แม้เขาจะรู้ว่าการเป็นมนุษย์ทำให้เขาเจ็บป่วยและหามีชีวิตยืนยาวไม่ แต่มนุษย์อย่างดอเรี่ยน เกรย์ หรือมนุษย์คนใดก็ตามกลับอยากมีความเป็นอมตะและความงามที่เสริมเติมแต่งแบบผิดธรรมชาติโดยลืมไปว่ามนุษย์คือชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์แต่ก็เพิ่มเติมให้ในด้านจิตวิญาณและหัวใจ หญิงสาวอย่างเมดลีนและเฮเลนใน Death become Her ต่างแย่งชิงสามีและต้องการมีร่างกายที่สวยงามและชีวิตที่เป็นอมตะ แต่เมื่อสามีแก่และตายจากไปความงดงามและอมตะจะหามีคุณอันใด และเมื่อใดที่มนุษย์เลือกที่จะสละความงดงามของหัวใจไปแลกเปลี่ยนกับความงดงามของร่างกายและความเป็นอมตะ บางทีราคาที่มนุย์พันธ์ดอเรี่ยน เกรย์ที่ต้องจ่ายก็คือหัวใจที่พร่องความรักหรือการมีจิตวิญาณที่พร่องศีลธรรมนั่นเอง และบทเรียนนี้ก็พบให้เห็นในสังคมปัจจุบันอย่างไม่เว้นวันเช่นกัน