เมื่อถึงเทศกาลกีฬายิ่งใหญ่ของโลกเมื่อไร สงครามการตลาดก็คึกคักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันโดยเฉพาะในบรรดาสินค้าระดับโกลบอลแบรนด์ย่อมไม่ยอมตกเทรนด์แน่ๆ
เพราะนั่นหมายถึงอาจถูกคู่แข่งแซงไปอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะรายการกีฬาที่ว่านั้นคือโอลิมปิคส์เกมส์และฟุตบอลโลก
2 รายการกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพของมนุษย์โลก
การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2010 เป็นอีกครั้งที่เราจะได้เห็นการต่อสู้ของคู่แข่งเดิมในการตลาดโลกไม่ว่าจะเป็น
Addidas กับ Nike หรือ American
Express กับ VISA หรือที่เรากำลังพบเห็นบนจอโทรทัศน์ของเมืองไทยก็คือ
Coke กับ Pepsi และคู่ต่อสู้ระหว่างน้ำอัดลมน่าจะกลายเป็นคู่ที่ดุเดือดมากที่สุดคู่หนึ่ง
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการแต่อีกฝ่ายก็งัดกลยุทธ์ที่เรียกว่า
Ambush Marketing ออกมาต่อสู้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และน่าจะบดบี้กันไปจนกว่าจะรู้ใครเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกทีมใหม่ตอนต้นเดือนกรกฏาคมปีนี้ ![]() ![]() Ambush Marketing การตลาดแบบแฝงตัว มีความหมายอยู่หลายดีกรีขึ้นอยู่กับการตีความ เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ๆจะมีการขายลิขสิทธิ์การเป็นสปอนเซอร์หรือการใช้เหตุการณ์ของการแข่งขันรวมถึงรูป สัญลักษณ์และเครื่องหมายต่างๆของการแข่งขันให้กับสินค้ายี่ห้อหรือแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพียงรายเดียวสำหรับธุรกิจหนึ่งๆ ทำให้ยี่ห้อหรือแบรนด์อื่นไม่ต้องการเสียโอกาสที่รายการกีฬานั้นจะใช้เวลาแข่งหลายวันหรือเป็นแรมเดือนซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องเสียฐานลูกค้าไป การตลาดของสินค้าของผู้ที่ไม่ด้รับสิทธิจึงต้องพยายามเกี่ยวข้องกับการแข่งขันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นดีกรีต่ำสุดก็คือการทำการตลาดแบบละเมิดลิขสิทธิ์โดยเอาภาพ สัญลักษณ์ โฆษณาหรือนำสิ่งเกี่ยวข้องกับการการแข่งขันที่มอบสิทธิ์ให้กับคนอื่นไปแล้วนำมาใช้ในการทำการตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าตัวเองคือหนึ่งในผู้สนับสนุน การทำการตลาดแบบนี้ทำให้บางทีก็ถูกขนานนามว่า Parasite Marketing หรือ Free rider Marketing แน่นอนจะเรียกว่าผิดกฏหมายก็ได้เพราะเจตนาค่อนข้างชัดเจน แต่การทำการตลาดแบบ Ambush อีกดีกรีหนึ่งและได้รับการยกย่องในเชิงสร้างสรรค์ก็คือการทำการตลาดของสินค้าหรือแบรนด์เนมที่ไม่ได้นำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์ต่างๆจนทำให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์มาใช้ แต่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การอ้างอิง การใช้เครื่องมือต่างๆ แม้แต่พรีเซ็นเตอร์เพื่อมุ่งหมายให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าสินค้าและแบรนด์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของรายการกีฬาดังกล่าว ตัวอย่างการทำการตลาดในระดับดีกรีนี้ก็คือ โฆษณาของเครื่องดื่มน้ำดำยี่ห้อหนึ่ง ส่วนจะเป้นแบรนด์ใดยี่ห้อใดเดี๊ยวมาดูกัน ![]() ![]() การตลาดด้านกีฬาหรือที่เรียกว่า Sport Marketing กลายเป็นอีกกิจกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล
อนเนื่องมาจากการแพร่หลายของกีฬาแต่ละชนิด
แต่ถ้าย้อนไปดูที่มาที่ไปจะพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการทำการตลาดกับรายการกีฬาของโลกอยู่ในปี
1984 กับการแข่งขันก๊ฬาโอลิมปิคส์ที่ลอสแองเจลิส
ภายใต้การนำของปีเตอร์ อูเบอร์ร็อต ที่เปลี่ยนโฉมการมอบสิทธิ์การได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับสินค้าต่างๆในจำนวนแบรนด์ที่ลดลง
แต่มูลค่าของการจ่ายสิทธิ์ที่สูงขึ้น
การแข่งขันโอลิมปิคส์ปีนั้นแม้จะถูกบอยคอตจากชาติสังคมนิยม
แต่ก็ทำให้การแข่งขันมีกำไรสูงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และทำให้การเป็นเจ้าภาพรายการกีฬาใหญ่ถึงกับมีการแย่งชิงในการขอตัวเป็นเจ้าภาพ
ถึงขั้นแม้แต่การคัดเลือกเจ้าภาพก็มีการทุ่มทุนกันอย่างมากมายเพราะไม่เพียงหน้าตาทางการเมืองแต่ยังหมายถึงผลประโยชน์มหาศาลที่จะตามมาอีกด้วย
ฟุตบอลโลกเป็นรายการที่บางทีมูลค่าทางการตลาดสูงกว่าโอลิมปิคส์เสียอีก
เพราะว่ากันว่า 80-90 % ของประชากรในโลกนี้สายตาจะจับจ้องมาที่อัฟริกาใต้เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น
และมูลค่าการตลาดมากมายหลายหมื่นล้านดอลล่าร์จะสะพัดไปทั่วโลก
และบางทีอาจะกระตุ้นเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัวได้อย่างมหัศจรรย์
ในประเทศไทยฟุตบอลโลกเพิ่งมาเริ่มให้ความสนใจอย่างมากมายในปี 1986 และเป็นครั้งแรกที่มีการประกาศการถ่ายทอดสดมากกว่านัดชิงชนะเลิศเพียงนัดเดียวและเป็นการประกาศอย่างฉุกเฉินหลังจากเสียงเรียกร้องอย่างมากจนบิ๊กจิ๊วออกหน้าจอมารับคะแนนนิยมไปอย่างมากมายเมื่อโผล่หน้ามาว่าทีวีพูลจะเริ่มถ่ายทอดสดตั้งแต่รอบ
8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไปทำให้ชาวไทยได้ชมแมทช์คลาสสิคตลอดกาลคู่หนึ่งในครั้งนั้น
นั่นคือฝรั่งเศสเจอเจอกับบราซิล และปี 1990 ฟุตบอลโลกในไทยก็ก้าวไปอีกขั้นเมื่อแฟนบอลเพสหญิงเกิดคลั่งไคล้ความหล่อของนักเตะอิตาลีและกลายเป็นการให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องจากสาวๆมาจนถึงปัจจุบัน
และปี 2002 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการตลาดของฟุตบอลโลกในเมืองไทยก็เกิดขึ้นเมื่อทศภาคมาจากไหนไม่ใครรู้แต่คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบอลโลกทุกนัดแทนทีวีพูลที่เคยผูกขาดมานาน
พร้อมกับพันธมิตรที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ทำให้การตลาดคึกคักอย่างมากแต่ก็ยังงงๆกับเรื่องราวลิขสิทธิ์ต่างๆที่เป็นเรื่องใหม่ของผู้ประกอบการธุรกิจอย่างมาก ![]() ![]() หันกลับมาดูกลยุทธ์การตลาด Ambush marketing ที่ฟุตบอลโลกกลายเป็นสังเวียนการฟาดฟันอย่างสนุกไม่แพ้ในสนาม
เมื่อผู้ได้รับสิทธิ์ในการเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการมีเพียงรายเดียวในธุรกิจหนึ่งๆ
ดังนั้นคู่แข่งหลักก็คงยอมไม่ได้ที่จะถูกแย่งลูกค้าไป
ในสังเวียนน้ำดื่มอัดลมประเภทโคล่า เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ต่อสู้กันอย่างน่าศึกษา Coke
เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการมาตลอดและทำให้การโฆษณาของ Coke
และการทำการตลาดอื่นๆสามารถใช้สิทธิ์คำว่าฟุตบอลโลกและสัญลักษณ์ต่างๆได้อย่างชัดเจนและออกตัวก่อนคู่แข่ง
แต่ Pepsi ก็ใช้กลยุทธ์เดิมที่ใช้มาประจำคือ Ambush
marketing โดยการนำนักเตะคนสำคัญของทีมที่มีโอกาสเป็นแชมป์โลกมารวมกันออกแคมเปญ
เช่น ล่าสุดมี ลีอองเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า), กาก้า (บราซิล), เทียรี่ อองรี
(ฝรั่งเศส), เฟอร์นันโด ตอร์เรส (สเปน) หรือแฟรงค์ แลมพาร์ด (อังกฤษ) เป็นต้น
แต่ที่สำคัญบรรยากาศของแคมเปญเป็นสัญลักษณ์ของเจ้าภาพบอลโลกในแต่ละครั้งซึ่งครั้งนี้ก็คืออัฟริกา
ซาฟารี และ คนท้องถิ่น และถ้าจำกันได้ย้อนหลังไป 2 ครั้งหลังก็เป็นการปะทะกันของนักบอลกับซูโม่ในปี
2002 ที่เจ้าภาพคือญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
และการบรรยากาศการแข่งบอลกับงานออกทูเบอร์เฟสต์ที่เป็นสัญลัญลักษณ์ของเยอรมันเจ้าภาพในปี
2006 TV Ads Pepsi OH องค์ประกอบของงงานโฆษณาของ Pepsi เป็นการรวมนักบอล+สัญลักษณ์ของเจ้าภาพ+บรรยากาศแบบสนุกสนานทำให้ผู้ชมนึกไปถึงฟุตบอลโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ไม่ได้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆนอกจากใช้ครีเอทีฟในการคิดงานอย่างน่าสนใจ แต่งานของ Pepsi ก็มีจุดอ่อนอยู่บ้างเช่นการเลือกนักฟุตบอลมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ้าเกิดนักบอลเหล่านั้นเกิดตกรอบหมดก็อาจจะกลายเป็นงานกร่อยขึ้นมาทันที เหมือนในปี 1998 เมื่อ Nike สนับสนุนเป็นทางการให้กับบราซิล ในขณะที่ Adidas เป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลกในปีนั้นและยังเป็นสปอนเซอร์ของทีมฝรั่งเศสและเป็นคู่ชิงฯก่อนทีจะฝรั่งเศสจะเป็นแชมป์ในปีนั้นและก็ทำให้ Nike พ่ายในสังเวียนการตลาดไปด้วย ซึ่งดูเหมือน Pepsi จะอุดรอยรั่วนี้ไว้พอสมควรเมื่อไม่ได้อิงกับทีมใดทีมหนึ่งแต่เอามาจากหลายๆทีม และนั่นก็มาพร้อมกับค่าตัวนักบอลในการทำสัญญาผูกพันอย่างมโหฬารไม่แพ้กับค่าลิขสิทธิ์ที่ Coke ต้องจ่ายในการเป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการให้กับฟุตบอลโลก สำหรับ Coke ก็เตรียมรับมือด้วยการใช้สิทธิ์ของการสปอนเซอร์ให้เป้นประโยชน์สูงสุดเริ่มต้นปีไปแล้วด้วย FIFA Trophy World Tour ที่แวะผ่านประเทศไทยไปเมื่อเดือนมกราคม รวมทั้งการจัดอีเว้นท์อื่นๆที่จะตามมากนอีกเพียบไม่นับรวมภาพของตรายี่ห้อที่จะปรากฏอยู่ทุกหนแห่งที่มีภาพฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการให้เห็น และแน่นอนการศึกของการตลาดในสังเวียนบอลโลกก็คงยืดเยื้อไปถึงรายละเอียดของกิจกรรมการตลาดที่จะมีมาอีกอย่างต่อเนื่องและน่าติดตามว่า Ambush Marketing จะมีสินค้ายี่ห้อไหนหรือแบรนด์ใดนำมาใช้อีก แม้จะเป็นแบรนด์ใหญ่ เงินทุนมากมายแต่ก็น่าเป็นกรณีศึกษาให้ผู้ประกอบการไทยดูเป็นตัวอย่างและนำมาประยุกต์ใช้ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี และศึกฟุตบอลโลกคงไม่ได้มีในสนามฟุตบอลเพียงเท่านั้น ![]() |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มีนาคม 2010 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |