เมื่อเอ่ยถึง “ซูเปอร์ฮีโร่” ทุกคนก็ต้องนึกถึงผู้มีอำนาจวิเศษที่สามารถปราบเหล่าร้ายโดยไม่มีพ่ายแพ้ สามารถเหาะไปที่ใดๆก็ได้ มีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับปราบเหล่าร้ายกวนเมืองและที่สำคัญปรากฏตัวทุกครั้งที่โลกมีภัย แต่ “ซูเปอร์ฮีโร่”เหล่านั้นก็เป็นเพียงสิ่งสมมติในโลกภาพยนตร์หรือโลกการ์ตูน และถ้าจะมีใครยึดถือในความเป็น “ซูเปอร์ฮีโร่”ก็คงมีแค่เหล่าเด็กๆที่ยังอ่านการ์ตูนเป็นประจำ ในขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายคงก้มหน้าก้มตาสร้างวิถีชีวิตส่วนตัว ต่างคนต่างอยู่ในโลกที่แคบลงทุกๆวัน ละเลยซึ่งกันและกัน Kick-Ass ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่สร้างจากการ์ตูนกับแนวคิดที่ว่าคนธรรมดาก็เป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ขอเพียงมีความกล้าและสามัญสำนึกรับผิดชอบให้กับสังคมที่อยู่ร่วมกัน ภาพยนตร์ สร้างจากการ์ตูนหรือคอมมิคส์ค่ายมาร์เวล (Marvel) ค่ายเดียวกันกับไอ้แมงมุม (Spiderman) หรือไออ้อนแมน (Iron Man) ที่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่มีพลังวิเศษมากมาย มาร์ค มิลเลอร์และจอห์น โรมิต้า จูเนียร์ คือผู้สร้างสรรค์การ์ตูนชุดนี้โดยตอนแรกออกสู่สายตาแฟนการ์ตูนไม่นานมานี้นั่นก็คือปี 2008 ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาบทเพื่อใช้สำหรับภาพยนตร์ต่อโดยทันที และได้ผู้กำกับชาวอังกฤษแมททิว วอห์น ที่มีหนังแนวๆ(+รุนแรง+คาร์แล็กเตอร์ดิบๆ) อย่าง Layer Cake, Lock Stock, Mean Machine และ Snatch อยู่ในเครดิตของเขา นั่นก็อาจเป็นการรับประกันว่าหนัง Kick-Ass ต้องมีภาพความรุนแรงแบบที่แตกต่างจากซูเปอร์ฮีโร่ทั่วๆไปอย่างแน่นอน

ยคงก้มหน้าก้มตาสร้างวิ๔ีาก้มตาสร้างวิ๔ีชีวิต์ตูนด้อย่างซูเปอร์แมน" คนธรรมดษก็มีสำนึกแบบนั้นได้

เดฟ ไลซูว์สกี้ (แอรอน จอห์นสัน) เด็กหนุ่มที่เฝ้าถามว่าตัวเองและเพื่อนๆอีก 2 คน ว่าทำไมโลกนี้ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่เหมือนในโลกของการ์ตูน ในขณะที่เหล่าวายร้ายยังพบเจอได้ในโลกของความเป็นจริงและบางครั้งโหดร้ายเหนือกว่าในหนังสือการ์ตูนเสียอีก และที่สำคัญสิ่งที่เขาเฝ้ามองผู้คนทั่วๆไปก็ไม่กล้าที่จะแม้จะช่วยคนถูกทำร้ายที่ถูกกระทำต่อหน้าต่อตาแม้แต่ตัวของเขาเองก็ตาม ซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นได้ต้องมีอำนาจวิเศษหรือคนธรรมดาอย่างเขาจะเป็นได้ไหม และแล้วชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อสั่งซื้อชุดสคูบ้าในอินเตอร์เน็ตและสวมใส่มันปิดหน้าตาและเดินออกตามท้องถนนเพื่อช่วยเหลือผู้คนไม่เว้นแม้แต่แมวที่ลงจากที่สูงไม่ได้ แต่อุบัติเหตุการพบเจอคนถูกทำร้ายเดฟในคราบของชุดสคูบ้าถูกรุมทำร้ายไปด้วยแต่การสู้อย่างไม่ย่อท้อประกอบกับคนรอบๆมามุงดูและถ่ายคลิปวีดีโอไว้ทำให้คนร้ายหนีไปและคนเหล่านั้นก็ถามเดฟว่าเขาคือใคร เขาตอบไปว่า “คิกแอส” (Kick-Ass) หลังจากนั้น Kick-Ass ก็โ่ด่งดังอย่างรวดเร็วเมื่อคลิปเหล่านั้นถูกเผยแพร่ลงอินเตอร์เน็ต แต่ชีวิตซูเปอร์ฮีโร่ของเขาจะราบรื่นหรือในเมื่อเข้าไปพัวพันกับแก็งค์นอกกฎหมายที่นำโดย  แฟรงค์ ดีอามีโก้ ในขณะเดียวกันก็ได้พบเจอกับ 2 พ่อลูกสาวน้อยมหาประลัยแสบเกินวัย 11 ขวบฉายา ฮิทเกิร์ล (Hit Girl) (โคลอี้ มอเรทซ์) และพ่อของเธอ บิ๊กแด๊ดดี้ (Big Daddy) (นิโคลัส เคจ)  ที่สวมหน้ากากอำพรางตัวแต่มีฝีมือเหนือมนุษย์ที่มาร่วมปราบเหล่าร้ายด้วย 

Kick-Ass นำเสนอและมีพล็อตเรื่องไม่ต่างจากสไปเดอร์แมน (Spiderman) เริ่มตั้งแต่การตั้งคำถามเพื่อถามตัวเองให้ผู้ชมฟังในฐานะที่เป็นคนขี้แพ้ในชีวิตจริงเหมือนกัน ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์หรือ Spiderman มีชีวิตที่ธรรมดามากทำงานเล็กๆน้อยประกอบไปในช่วงเวลาเรียน เช่นกันเดฟ ไลซูว์สกี้ก็เป็นนักศึกษาที่มีเพื่อนขี้แพ้เหมือนกันไร้แม้แต่หญิงเหลียวแล วันๆจึงรวมกลุ่มกันพูดถึงเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ เล่นอินเตอร์เน็ตและทำกิจกรรมทางเพศผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งสองบุคลิกของปีเตอร์กับเดฟก็สะท้อนชีวิตวัยรุ่นที่ต่างยุคกันจากยุคฟาสต์ฟู๊ดมาสู่ยุคดิจิตอล สำหรับความแตกต่างของภาพยนตร์ 2 เรื่องก็คือเรตของภาพยนตร์และฉากรุนแรงในเรื่อง Spiderman ต้องการผู้ชมในวงกว้างโดยเฉพาะเด็กๆดังนั้นความรุนแรงจึงไม่มีแม้จะมีฉากการต่อสู้ก็ตาม แต่ขณะเดียวกัน Kick-Ass ไม่ได้ประนีประนอมกับเรตภาพยนตร์เมื่อกล้าตั้งชื่อเรื่องว่า Kick-Ass ได้ดังนั้นภาพยนตร์จึงมีครบทั้งฉากรุนแรง เลือดสาด ฟาดฟันแม้แต่ฉากเซ็กส์ ดังนั้น Kick-Ass จึงได้รับเรต R ประดับภาพยนตร์อย่างเต็มภาคภูมิ ถ้าจะเปรียบเทียบ Kick-Ass ก็คงเป็นส่วนผสมของ Spiderman + Kill Bill ก็คงจะไม่ผิดนัก

ถ้า Spiderman มาพร้อมกับวลีอมตะ “พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” โลกนี้ก็คงต้องการ “ซูเปอร์ฮีโร่” อยู่เสมอเพราะคนธรรมดาคงจะละเลยการรับผิดชอบเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้มีพลังยิ่งใหญ่อะไร แล้ว”ซูเปอร์ฮีโร่”เหล่านั้นจะปรากฏตัวในยามที่โลกเราต้องการจริงหรือ แ่ต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆในทุกๆวันก็คือพลังที่ยิ่งใหญ่มักไม่ต้องรับผิดชอบใดๆเลย ผู้มีอำนาจมักกอบโกยไม่รู้จักหมดสิ้น แถมยังสามารถหลีกเลี่ยงกฏหมายด้วยการใช้ทุนมหาศาลที่ตัวเองมีอยู่ โลกถึงได้วุ่นวายอยู่ทุกวัน Kick-Ass ภาพยนตร์ที่เสนอมุมมองของความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นใหม่ที่แตกต่างจาก Spidermanอย่างสิ้นเชิงนั่นคือทำไมต้องรอให้มีพลังที่ยิ่งใหญ่แล้วต้องรับผิดชอบด้วยล่ะ คนธรรมดาก็มีสำนึกแบบนั้นได้ เดฟ ไลซูว์สกี้ ตัวเอกของเรื่องเหมือนเป็นตัวแทนของคนธรรมดาทั่วๆไปไม่เพียงแต่วัยรุ่นเท่านั้น คนทั่วๆไปที่เห็นเหตุการณ์การทำร้ายร่างกายแต่ก็ไม่กล้าจะเข้าไปช่วย คำถามที่เดฟถามมันเกิดอะไรขึ้นหรือกับผู้คน ทำไมผู้คนถึงวางเฉยไปหมดเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เพราะจริงๆแล้วทุกเรื่องกระทบถึงกันหมด หรือต้องรอให้เกิดกับตัวเองก่อนหรือเปล่า หรือทำไมต้องรอคนมีพลังวิเศษหรือฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วยหรือแล้วถ้าทำไมเขาผู้นั้นไม่มาล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่เดฟทำบางทีก็อาจจะเป็นความนัยไม่เพียงแต่ในภาพยนตร์เท่านั้นมันหมายถึงคนธรรมดาก็สามารถเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ ซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่ต้องมีพลังวิเศษเหมือนซูเปอร์แมน ไม่ต้องมีเครื่องมือเจ๋งๆเหมือนแบ็ทแมน หรือไม่ต้องเกิดจากดาวนอกโลกทำให้มีอำนาจเหนือธรรมชาติของโลกเพื่อวัตถุประสงค์ในการปราบเหล่าร้าย เพราะเหล่าร้ายในโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่มีพลังวิเศษเหมือนกันเพียงแต่มีจิตใจที่โหดร้ายและเลวทรามเท่านั้น ซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องการเพียงสามัญสำนึกของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคม และมันก็คือซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมือนบทสรุปในหนังว่า“ไม่ต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ก็มีความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งได้”

ตัวอย่างภาพยนตร์