นับตั้งแต่ก่อเกิดสังคมออนไลน์โลกมนุษย์ที่เคยเป็นอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วที่เรียกว่าเกือบจะหน้ามือเป็นหลังเท่าเลยก็ว่าได้ แม้แต่ในระบบทุนนิยมต้นฉบับอย่างสหรัฐอเมริกาที่เชื่อว่ากลไกเสรีจะเป็นตัวผลักดันและขับเคลื่อนในทุกๆสิ่ง แต่ในโลกของออนไลน์ ความโลภ ต่างหากที่เป็นพลังผลักดันให้กลไกต่างๆเคลื่อนไหวและเป็นไปอย่างรวดเร็วและเจ้าสิ่งนี้ก็คือสันดานดิบของมนุษย์ที่ซ่อนไว้อยู่ในตัวของทุกๆคนจนกระทั่งโลกแห่งออนไลน์หรือสังคมเครือข่ายที่โยงใยทั่วโลกเกิดขึ้นมามันจึงปรากฏตัวหลังจากหลบๆซ่อนๆมานาน The Social Network ภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวถึงอย่างมากมายจะด้วยฐานะของภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมจนกวาดรางวัลแทบจะทุกสถาบันหรือจะด้วยเรื่องใดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดประการหนึ่งก็คือ ภาพสะท้อนของสังคมแห่งอเมริกันชน สังคมแห่งเสรีชนที่เชิดชูเรื่องปริมาณ สังคมที่ฟาดฟันกันเพื่อครองความเป็นมากที่สุด และสังคมที่ปกป้องในสิ่งที่ตนเองละเมิดมากที่สุดเพียงแต่มี ราคา เป็นตัวอธิบายความมีเหตุผล The Social Network คือภาพยนตร์ที่อธิบายความเป็นมาของสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการสื่อสารของคนทั่วโลกที่มีชื่อว่า Facebook และเรื่องราวของมาร์ค ซักเกอเบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook นั่นเอง เพียงการเริ่มต้นของภาพยนตร์มาร์คกำลังคุยอยู่กับอีริก้าแฟนสาว แต่บทสนทนาก็สะท้อนว่ามาร์ค เป็นบุคคลเช่นใด เพราะไม่เพียงแต่ไม่ใส่ใจต่อคำพูดของเธอเท่านั้นมาร์คยังคิดไปถึงเรื่องอื่นและเกินไปกว่าคู่สนทนาจะเข้าใจและเป็นที่มาของการบอกเลิก เมื่อถูกบอกเลิกจึงเป็นที่มาของการแก้แค้นด้วยการด่าทอแฟนสาวลงในอินเตอร์เน็ตของมหาวิทยาลัย และเหตุการณ์นั้นเองนำไปสู่การคิดค้นเว็บไซด์ที่ต่อมากลายเป็นเว็บไซด์ที่คนทั่วโลกรู้จักคือ Facebook แต่เรื่องราวบางส่วนของภาพยนตร์เป็นการต่อสู้ช่วงชิงสิทธิการเป็นเจ้าของเว็บไซด์ชื่อดังแห่งนี้ และเป็นการชิงเหลี่ยมระหว่างมาร์ค เพื่อนรักและหุ้นส่วนรุ่นพี่อีก 2 กลุ่ม โดยไม่ต้องบอกว่าท้ายที่สุดใครคือเจ้าของ Facebook แห่งนี้
ภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของอเมริกันชนที่ให้ความสำคัญต่อปริมาณและการกระทำที่เรียกว่า ละเมิดสิทธิ์คนอื่นอย่างมีชั้นเชิง ในขณะเดียวกันคนหลายๆกลุ่มก็ต่างแสวงหาการประสบความสำเร็จเสมือนการเกิดมาเป็นอเมริกันชนต้องสร้างเรื่องราวของตนเองให้ติดกับการเป็นเจ้าโลกอย่างน้อยเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง พี่น้องวิงเกิล้วอส นักกีฬาพายเรือของมหาวิทยาลัยก็ให้เงินทุนมาร์คเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซด์ดังกล่าว แม้จะไปไกลเกินกว่าพวกเขาตั้งใจแต่แรกก็ตามแต่พวกเขาก็ต้องการความเป็นเจ้าของ เอดัวอาร์โด้เพื่อนรักของมาร์คที่เป็นผู้เริ่มต้นตั้งแต่การให้ยืมอัลกอริทึ่มเพื่อให้ให้มาร์คไปแก้แค้นสาวๆในมหาวิทยาลัยจนเป็นพื้นฐานที่มาของการเริ่มต้นเว็บไซด์ที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่ญอน พาร์คเกอร์ผู้เข้ามาทีหลังแต่ก็นำเสนอแนวคิดอันกว้างไกลในการเป็นเว็บไซด์ที่ใหญ่เกินกว่าจะคาดคิดให้กับมาร์ค แต่ละคนเป็นตัวแทนของคนอเมริกันแต่ละกลุ่มที่มีบทบาทในสังคมอเมริกันปัจจุบัน ไม่ว่าคนไฮโซ หัวกระทิ นักธุรกิจ หรือเด็กเนิร์ดรักอิสระ แต่ทุกกลุ่มมีเหมือนกันคือ ความโลภ การที่จะมีอย่างไม่มีสิ้นสุดและการที่จะครอบครอง มาร์ค ซักเกอเบิร์คตัวละครสำคัญก็สะท้อนให้เห็นแบบครึ่งๆกลางๆของความฉลาดกับความโลภ และทุกเหตุการณ์ที่เขี่ยหุ้นส่วนแต่ละคนออกจากเส้นทางการเป็นเจ้าของ Facebook ภาพยนตร์อาจจะไม่ได้บอกตรงๆแต่ก็แฝงเลศนัยอยู่ลึกๆว่ามาจากฝีมือผู้ใด ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันเจ้าของ Facebook จะรู้อยู่ชัดเจนว่าเป็นใครแต่ก็ได้มาจากความคิดหลากหลายมุม ที่ไม่ต่างจากที่เรียกว่า ละเมิดลิขสิทธิ์หรือการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาแม้แต่น้อย แต่ในสังคมของผู้ชนะ วัฒนธรรมแห่งบูชาจำนวนหรือปริมาณให้เป็นเทพ ผู้มีทุน(ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป)มากกว่าเป็นผู้ชนะเสมอ จึงไม่แปลกแม้จะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลแต่ก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้ขโมยความคิดคนอื่น และก็ไม่ถูกมองเหมือนบางประเทศที่ลอกเลียนแบบว่า การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาคืออาชญกรรม แต่มาร์คกับได้รับชื่นชูในสถานะอื่นๆอีกมากมายที่ตามมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลแห่งปีของ Time สุดยอดมหาเศรษฐีที่อายุน้อยสุด หรือแม้แต่ผู้ก่อตั้ง Facebook เพียงผู้เดียว ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก The Social Network ได้วิพากษ์สังคมออนไลน์ที่ส่งผลชีวิตมนุษย์ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯแต่เป็นไปทั่วโลกที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงและคงจะหาสถานที่แห่งนั้นยากเหมือนคำเปรียบเปรยตอบหนึ่งในภาพยนตร์ที่บอกว่า ประเทศบอสเนียเหรอ ไม่มีถนนแต่มี facebook การเข้าถึงสังคมออนไลน์ส่งผลให้มนุษย์ตัดสินใจเรื่องต่างๆได้รวดเร็วเหมือนกดปุ่มคีย์บอร์ดบนจอคอมพิวเตอร์ เพราะเพียงต้องการเพื่อนก็ส่งคำขอแล้วกดปุ่ม refresh เพื่อเพิ่มปริมาณเพื่อนเพิ่มขึ้นเหมือนตอนหนึ่งในภาพยนตร์ทีมีการฉลองจำนวนสมาชิกรายที่ 1 ล้านคน เสมือนการสร้างเพื่อนนั้นง่าย ในขณะเดียวกันในชีวิตจจริงก็สามารถสร้างศัตรูได้ง่ายเช่นกันเหมือนกดปุ่ม delete เหมือนที่มาร์คกระทำกับเพื่อนร่วมหุ้นทั้งหลาย แต่แท้จริงแล้วเพื่อนในความหมายของสังคมออนไลน์ที่ refresh เมื่อใดก็มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นเมื่อนั้นอาจจะไม่ได้สื่อความหมายของเพื่อนที่แท้จริงที่แม้ว่าจะร่ำรวยเพียงใด มีเงินทองมากเท่าใดจนนับจำนวนไมถูกแต่หนึ่งเดียวที่เป็นจำนวนนับที่น้อยที่สุดคือคนที่มาร์กต้องการคือเพื่อนที่เขาคิดถึงมากที่สุดหรือบางที่อาจจะเป็นคนที่เขารักมากที่สุด สำหรับเพื่อนหนึ่งเดียวคนนี้เขาก็ยังต้องเคาะปุ่มคีย์บอร์ดคำว่า Refresh อยู่ไปเรื่อยๆ เพราะสถานะยังคงไม่ตอบรับหรือตอบสนองใดๆอยู่นั่นเอง เหมือนในตอนจบของภาพยนตร์ Refresh Refresh Refresh Refresh . . และก็ Refresh |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กุมภาพันธ์ 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 |