ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมนีส่งทหารบุกสหภาพโซเวียต และ 2 ประเทศนี้ก็ทำสงครามกันอย่างดุเดือดที่สุดในบรรดาการสู้รบกันของประเทศทั้งหลายที่ร่วมในสงครามครั้งนั้น คำถามก็คือฮิตเลอร์ต้องการอะไรจากสหภาพโซเวียต คำถามนี้ไม่ยากที่จะตอบ เพราะฮิตเลอร์ได้แย้มมาเองตั้งแต่ปี 1925 หรือสิบกว่าปีก่อนที่สงครามระหว่าง 2 ประเทศจะเปิดฉาก ( สงครามกับโซเวียตเริ่มในปี 1941 ) ว่าเขาต้องการอะไรจากโซเวียต และเขาคิดอย่างไรกับประเทศนี้

ในหนังสืออัตตชีวประวัติเล่มดังของเขาอย่าง Mein Kampf ( ชื่อแปลเป็นไทย “ การต่อสู้ของข้าพเจ้า “ ) ที่ออกมาในปี 1925 ฮิตเลอร์ระบุว่าเขาจะบุกสหภาพโซเวียต โดยให้เหตุผลสำคัญว่าคนเยอรมันต้องการ Lebensraum หรือที่ดินและแหล่งวัตถุดิบ และปัจจัยเหล่านี้ก็มีอยู่อย่างเหลือเฟือในทางตะวันออก ซี่งมีการชี้เฉพาะมายังสหภาพโซเวียต

ในหนังสือของเขา ฮิตเลอร์แบ่งชาวโลกออกเป็นหลายประเภท คือประเภทคนชั้นสูง และชั้นที่ต่ำกว่า โดยพิจารณาจากลักษณะทางกายภาพ เขาจัดให้พวกเยอรมัน ซึ่งมีผิวขาว ผมสีทอง ตาสีฟ้าเป็นพวกชั้นสูงสุด และเรียกคนเหล่านี้ว่าพวกอารยัน เขาบอกว่า นอกจากเชื้อสายจะดีแล้ว ในทางวัฒนธรรม คนเหล่านี้ก็ยังเหนือกว่าคนประเภทอื่นๆอีกด้วย

เมื่อมีชั้นสูงสุด ก็ต้องมีชั้นที่ต่ำกว่า เขาเรียกพวกนี้ว่า Untermensch หรือพวกต่ำต้อย โดยคนพวกนี้ก็ได้แก่ชาวยิว ชาวสลาฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเชค โปแลนด์ และรัสเซีย

ฮิตเลอร์มองว่าสหภาพโซเวียตเป็นดงของพวกสลาฟ Untermensch ที่ถูกปกครองโดยพวกบอลเชวิค ( คอมมิวนิสต์ ) ที่เป็นยิว เขาเชื่อว่าพวกยิวเป็นคนที่ก่อการปฏิวัติในรัสเซีย เขาเชื่อว่าโชคชะตาของเยอรมนีอยู่ที่ทางตะวันออก และการปิดฉากการมีอำนาจของยิวในรัสเซียได้ ก็เท่ากับปิดฉากประเทศรัสเซีย

เขาเชื่อว่าสงครามกับพวกสลาฟ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าชนะ เยอรมนีจะได้ครองโลกเป็นการถาวร

ฮิตเลอร์บอกว่า ก็ในเมื่ออารยันเป็นคนในระดับสุดยอด ก็ย่อมมีสิทธิที่จะได้ครอบครองที่ดิน และทรัพยากรมากกว่าคนอื่น ๆ เพื่อการขยายเผ่าพันธุ์ในอนาคต และเขาก็มองเรื่องอนาคตของชาวอารยัน ว่าอยู่ทางตะวันออก พร้อมกับชี้เฉพาะเจาะจงไปเลยว่าคือรัสเซีย
ดังนั้น คนที่อยู่ที่นี่แต่เดิม ก็จะต้องถอยไป ถูกกำจัด หรือไม่ก็เอาไปเป็นทาส

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชะตากรรมของชาวรัสเซีย และชาวสลาฟ ก็จึงไม่น่าจะแตกต่างไปจากชาวยิว นั่นก็คือการถูกฆ่าทิ้ง เนรเทศ และการนำมาเป็นทาส

และในเมื่อ สหภาพโซเวียต เป็นดงของทั้งคนยิวและรัสเซีย ก็ไม่แปลกอะไรที่พวกเขาจะโดนนาซีเยอรมนีเล่นงานหนักในช่วงสงคราม

“ ลุงโจ “ โจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียตช่วงนั้น ก็อ่านหนังสือ Mein Kampf ด้วยเหมือนกัน แต่ด้วยความไม่พร้อมรับมือกับฮิตเลอร์ และไม่มีทางเลือกอื่น ก็เลยหันไปจับมือญาติดีกับฮิตเลอร์เสียเลบยให้รู้แล้วรู้รอด โดยหวังว่าจะช่วยชะลอแผนการบุกโซเวียตของฮิตเลอร์ออกไประยะหนึ่ง เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวให้พร้อม แต่ปรากฏว่าไม่ทัน 

โปรตติดตามตอนต่อไป