จะว่าไปแล้วหากพวกเราลองนั่งนับลำดับของพระคณาจารย์ที่เรืองเวทย์ในเมืองไทย...คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า สองฝากฝั่งของลำน้ำแม่กลอง อุดมไปด้วยคณาจารย์มากมายหลายท่าน ซึ่งแต่ละองค์ต่างมีความสามารถและจุดเด่นให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนไทยที่นิยมในคติความเชื่อเรื่องเหล่านี้.. ก่อนยุค ๒๕๐๐ เช่นหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ หรือยุคหลัง ๒๕๐๐ เช่นหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ซึ่งปัจจุบันแต่ละท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ความอมตะทางด้านวิทยาคมและความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างไว้ ก็ยังคงเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน.... บันทึกน้อยของผมตอนนี้...เป็นเรื่องของพระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เจ้าอาวาสวัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งท่านเป็นผู้สืบสานตำนานอาคมสองลุ่มลำน้ำครับ .จะเป็นลุ่มลำน้ำไหนบ้าง..ผมจะพ่นให้ฟังครับ.... ถึงคลองอัมพวาที่ค้าขาย เห็นเรือรายเรือนเรียงเคียงขนาน มีศาลาท่าน้ำน่าสำราญ พวกชาวบ้านซื้อขายคอนท้ายเรือ วัดประดู่ เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีเรื่องราวที่เล่าขานกันเป็นตำนานโบราณหลายเรื่อง เช่นเรื่องลายแทงสมบัติ ฯลฯ แต่เรื่องเล่าขานที่เป็นความจริงก็คือวัดประดู่แห่งนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังวัดประดู่ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๗ และได้ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัดประดู่แห่งนี้... พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อหลวงปู่แจ้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ เป็นอย่างมากและได้ทรงถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆ เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ พระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสได้จัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากใครสนใจก็ขอเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ของทางวัดครับ... พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เป็นพระรูปร่างเล็กๆ ผิวขาว อัธยาศัยดีมากครับ สุภาพ อ่อนน้อม ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีเมตตาสูง ...ท่านเมตตาเล่าประวัติให้พวกเราฟังพอสังเขปว่า.. ในช่วงวัยเด็กท่านเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ คุณพ่อของท่านเอาตุ๊กตาเด็กที่ไว้ผมทรงโบราณ เช่น ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ฯลฯ ให้ท่านคลานไปเลือก ท่านเลือกเป็นผมปอยถึงสองครั้ง คุณพ่อของท่านจึงได้ให้ท่านไว้ผมปอยตั้งแต่นั้นมา... ซึ่งในเรื่องการเลือกไว้ทรงผมนี้ ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยในชนบท สมัยโบราณเรียกการกระทำแบบนี้ว่า เอาคุณพระเข้าช่วย... ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง..ที่ว่าไว้ผมเพื่อเป็นการแก้เคล็ด เนื่องจากเด็กมักเจ็บไข้ออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ หรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ผู้ใหญ่จึงให้เปลี่ยนมาเป็นไว้จุก ไว้แกละ ไว้ปอย หรือไว้เปีย ไปตามแต่จะเห็นสมควร บางทีพอเปลี่ยนทรงผมแล้ว กลายเป็นเด็กแข็งแรงเลี้ยงง่ายไปเลยก็มี
คงเป็นเรื่องของวาสนาที่มัน รีด ให้ฉันได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา(ยิ้ม) หลังจากที่จบชั้น ป.๗ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดประจันตาราม จ.สมุทรสงคราม ในช่วงที่เป็นสามเณรได้มีเหตุการณ์เฉียดตายกับท่านในเรื่องของอุบัติเหตุทางน้ำแต่ท่านสามารถรอดมาได้หลังจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้บรรพชาที่วัดประจันตารามและเข้าเรียนนักธรรมต่อจนจบเปรียญห้า.... เขาคงเอาเราไปไม่ได้ เพราะว่าต้องมาเป็นสมภารวัดประดู่ (หัวเราะ) ด้วยแนวความคิดที่ว่า พระพุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษา สมภารวัดคือผู้บูรณาการทุกสิ่งให้ดำเนินไปตามจุดมุ่งหมาย พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ศิลปกรรมต่างๆเช่นการทำหัวโขน การทำหุ่นปั้นจากดินสอพอง เพื่อให้นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ... ในวันที่พวกเราไปกราบนมัสการท่านพบว่ามีคณะครูจากนครปฐม เข้ามากราบขอพรจากท่านเนื่องจากต้องย้ายไปสอนที่โรงเรียนแห่งใหม่..ท่านได้บอกให้พวกเขาไปขอพรจาก หลวงพ่อใหญ่ พระประธานศักดิ์สิทธิ์ของวัดประดู่ และท่านได้ให้แนวคิดกับคณะครูเหล่านี้ได้น่าฟังครับ....
เมื่อจะเริ่มสอนขอให้เราน้อมนำเอาวิญญาณครูเข้ามาสู่จิตใจของเรา...เราจะได้สอนอะไรได้แตกฉาน... ทุกวันนี้คนเราขาดตรงนี้คิดว่าเป็นครูก็ขึ้นสอนเลย...ลืมเอาจิตวิญญาณของความเป็นครูเข้ามาด้วย บารมีของครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่ามีจริง..... ครับ..บารมีของครูบาอาจารย์..สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและมีจริง..ในโลกที่หมุนเร็วทุกวันนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นมากมายในสภาพสังคมปัจจุบัน เราจะเห็นได้จากข่าวสารที่มีเข้ามากระทบกับชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม... ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่างเพราะเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว คนเรานะครับการจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดีนอกจากจะเกิดขึ้นโดยประสบการณ์และความชำนาญแล้ว จิตวิญญาณ ยังมีความสำคัญ..ไม่อย่างนั้นเพลงพระคุณที่สาม คงจะไม่ยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ... และก็หลายครั้งนะครับที่ ความเจริญไม่ได้นำมาซึ่งผลดีต่อทุกอย่าง เพราะอย่างน้อยที่สุด...สิ่งที่ความเจริญนำมาสู่จิตใจของคนเราในปัจจุบันก็คือ ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว..
เห็นท่านพระมหาสุรศักดิ์ เป็นพระนักพัฒนาและทันสมัยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มาสนใจในคติความเชื่อเรื่องคาถาอาคม ซึ่งต่างเวอร์ชั่นกันอย่างมาก... เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ...ท่านได้เล่าให้พวกเราฟังค่อนข้างยาว ผมเลยขอสรุปเอาพอสังเขปครับ....เริ่มจากตอนที่ท่านเป็นเณรบวชอยู่กับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง เริ่มสนใจ ยันต์ตะกร้อ..แต่ก็ไม่ได้ศึกษาซักเท่าไหร่หลวงพ่อสุด ท่านก็มรณภาพเสียก่อน.. พอมาบวชเป็นพระได้พรรษาแรก ท่านได้พบกับ หลวงตามี พระลูกวัดประจันตาราม ซึ่งเป็นผู้ที่เขียนยันต์ให้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ขอเรียนการเขียนอักขระขอม..ในช่วงนั้นด้านหลังโบสถ์ของวัดประจันตาราม ก็มี พระอาจารย์รวม ซึ่งเป็นอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ ยันต์หมูทองแดง ... พระอาจารย์รวมเป็นพระที่มีอาคมขลังและหนังเหนียว มีฉายาในกลุ่มลูกศิษย์ว่า ตารวม หนังแห้ง ด้วยความเป็นพระที่มีกิริยานอบน้อม พระอาจารย์รวมจึงได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้จนหมดสิ้น...ภายหลังพระอาจารย์รวมได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่กับท่านที่วัดประดู่และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้.. ในช่วงนั้นท่านพระมหาสุรศักดิ์ได้พบกับ คุณโยมพ่อใหญ่ ยังมีสุข ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จึงได้เรียนวิชา การลงอุนาโลม และการถักเงื่อนจระเข้ขบฟัน...ถึงตรงนี้..ผมขออธิบายเพิ่มเติมตามที่ท่านมหาได้เล่าให้ฟัง การถักเงื่อนจระเข้ขบฟันคือการถักเชือกหุ้มตะกรุด นัยว่าเป็นเคล็ดเรื่องการปิดกั้นอาวุธไม่ให้แสดงฤทธิ์หรือทำร้ายเราได้ จะว่าไปแล้วคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์นี่สำคัญนะครับ นอกจากตัวคาถาที่แม่นยำแล้วยังต้องมีการฝึกจิตและต้องมีสมาธิที่ดี....ของถึงจะขลัง... สายชลแม่กลอง น้ำนองสองฟากล้นฝั่ง ประวัติศาสตร์บอกถึงจุดกำเนิด วัฒนธรรมบอกถึงเรื่องราวความเป็นมา...สายวิชาของการทำ ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ เริ่มจากหลวงปู่แจ้ง... อดีตเจ้าอาวาสของวัดประดู่แห่งนี้ ได้ถ่ายทอดวิชาการทำย้อนลำนำแม่กลองไปยังหลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้น.. ท่านพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ท่านก็ได้ไปขอศึกษาและนำมาถ่ายทอดต่อยัง หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ในช่วงดังกล่าวพระมหาสุรศักดิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เลขาของหลวงพ่อหยอด จึงได้ขอศึกษาและหลังจากหลวงพ่อหยอดท่านมรณภาพ...
พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้นำมาสร้างจนเผยแพร่ในปัจจุบัน.....จะว่าไปแล้วพระมหาสูรศักดิ์องค์นี้แหละครับที่สืบสายตำนานวิชาของลำน้ำแม่กลอง...อีกลำน้ำหนึ่งที่ผมจะขอกล่าวถึงพอสังเขปไว้ในบันทึกน้อยตอนนี้แต่รายละเอียดปลีกย่อยคงต้องขอค้างไว้ก่อน.(เรื่องมันยาว)..คือแม่น้ำนครชัยศรี..จังหวัดนครปฐม.. พูดถึงตรงนี้เข้าใจว่าเพื่อนๆ คงร้องอ๋อ...ครับ วิชาการทำเบี้ยแก้ จาก หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งหากมีเวลาว่างพวกเราจะเห็นภาพพระมหาสุรศักดิ์ท่านเข้าไปช่วยหลวงปู่เจือบรรจุปรอทและลงยันต์กำกับ...ในเรื่องการเข้าไปช่วยทำเบี้ยแก้นี้ พระมหาสุรศักดิ์บอกกับพวกเราว่าเป็นการ สนองคุณครูบาอาจารย์ ครับ... ตะกรุดแต่ละดอก ฉันก็ว่ามันเหมือนคนเรานั่นแหละ มันมีลักษณะ มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง... ต่อให้ทำและเขียนจากคนๆเดียวกันก็เถอะ... ฉันก็ว่ามันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนกัน คำพูดของพระมหาสุรศักดิ์ที่บอกกับพวกเราในระหว่างสนทนาครั้งนี้ เป็นการยืนยันคุณภาพของผู้ที่ทำได้ว่ามีความชำนาญและวิริยะขนาดไหน..ซึ่งในยุคสมัยใหม่ที่การผลิตตะกรุดของวัดบางแห่งมักจะนิยมสั่งทำจากโรงงาน นัยว่าเพื่อให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ การที่พระซักองค์จะมัวมานั่งเขียนตะกรุดโดยมือที่ละดอกถูกมองว่าเป็นเรื่องชักช้าและไร้สาระ...จะว่าไปแล้วในปัจจุบันจะหาวัดที่มีการสร้างตะกรุดที่เขียนขึ้นจากมือที่ละแผ่นและมานั่งม้วนถักเชือกที่ละดอกค่อนข้างหายาก และแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว..
เปรียบไปแล้ว..การเขียนตะกรุดด้วยมือแทนเครื่องจักร...ก็คงเหมือนกับ ดอกบัวสีแดง ดอกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลาง หมู่ดอกบัวสีขาว หลายๆดอก เป็นความจริงว่าดอกบัวสีแดงนี้มันอาจจะไม่เหมือนดอกบัวอื่นๆ..แต่อย่างน้อยมันก็น่าสนใจนะครับว่า....ทำไมดอกบัวสีนี้มันถึงโผล่ขึ้นมาได้... ไม่เชื่อเพื่อนๆ ลองแกะตะกรุดของวัดประดู่ออกมาดูซิครับ..จะเห็นว่าโลหะชนิดเดียวกัน อักขระเดียวกัน ม้วนได้ครบรอบเท่ากัน...แต่เชื่อผมเถอะว่ามันต้องมีแตกต่างกัน เช่น ความเรียบของชิ้นโลหะ หรือการลงรักที่หนาบาง ฯลฯ ลองสังเกตดูเถอะครับ แล้วจะรู้ว่าตะกรุดที่ผลิตจากมือ...หนึ่งร้อยดอก ก็มีหนึ่งร้อยแบบ.. อย่างนี้แหละครับที่เป็นเสน่ห์ชวนใฝ่หาของผู้ที่นิยมของขลังประเภทนี้....จริงๆแล้วพระมหาสุรศักดิ์ท่านได้สืบทอดวิชาการทำตะกรุดมาจากหลายคณาจารย์ เช่น ตะกรุด ตาลยอดด้วน ตะกรุดดาวล้อมเดือน ฯลฯ ในบันทึกน้อยของผมตอนนี้ขอเขียนถึงสายพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจวัดเสด็จ เพราะเห็นว่าขณะนี้มีประสบการณ์เกิดขึ้นกับลูกศิษย์หรือผู้ที่มีไว้ติดตัวอยู่เนืองๆ...เรามาฟังพระมหาสุรศักดิ์อธิบายพร้อมๆ กันครับ...
ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา...ดีทางระงับดับภัย โทษร้ายกลายเป็นดี เขียนลงแผ่นทองแดงขนาด ๗ นิ้ว พอกยาซึ่งประกอบไปด้วยใบไม้รู้นอน ๗ ชนิดคือ ใบมหาระงับ ใบผักกะเฉด ใบกระทืบยอด ใบสมิ ใบแคขาว ใบชุมเห็ด และหญ้าใต้ใบ...ถักเชือก..เสร็จแล้วก็ลงรักปิดทอง
ตะกรุดโภคทรัพย์ หรือตะกรุดคู่ชีวิต ดีทางคุ้มครองดวงชะตาและก่อให้เกิดมีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มพูน เขียนลงบนแผ่นทองแดงขนาด ๖ นิ้ว ถักเชือก พอกยาและปิดทองแบบเดียวกับมหาระงับ ถึงตรงนี้ผมขอคั่นรายการซักนิดเพื่อกล่าวถึงวิชาไหม ๕ สี ซึ่งเป็นวิชาที่หลวงพ่อหยอดนำมาสร้างแจกบุคคลทั่วไปและมีประสบการณ์ที่เล่าลือกันไม่หวาดไม่ไหว...ซึ่งพระมหาสุรศักดิ์กล่าวว่า ... วิชานี้เป็นของ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ โดยในยุคของหลวงปู่ใจจะสร้างจากไหมญี่ปุ่นจำนวน ๕ สี ได้ความหมายว่าเป็นศีลห้า...นำมาถักขวั้นกัน โดยใช้คาถาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆ์คุณ กำกับเวลาขวั้นไหม..วิชาไหม ๕ สีนี้เมื่อตกทอดมาสู่หลวงพ่อหยอด จึงได้เปลี่ยนมาใช้ไหมเทียม โดยโรงงานทำไหมเทียมซึ่งเป็นของลูกศิษย์ท่าน วันหนึ่ง หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้มีโอกาสพบกับ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม..เกิดชอบใจในวิชา การขอดเชือก จึงได้ขอความเมตตาเรียนจากหลวงพ่อแช่ม และหลวงพ่อหยอดก็ได้นำ ตัวขอด นี้มาไว้เป็นส่วนหนึ่งในส่วนของไหม ๕ สี....ในยุคสมัยของหลวงพ่อหยอดรูปร่างหน้าตาของไหม ๕ สีจึงเป็นแบบตามรูปที่ผมลงให้ดู ....และเป็น ปกาศิตจากหลวงพ่อหยอดว่า..
เมื่อใดที่เชือกขาด ให้เก็บตัวขอดนี้ไว้ เพราะนี่คือตะกรุดหนึ่งดอก
ใครที่ใช้ไหม ๕ สี นอกจากจะสวดระลึกถึงหลวงปู่ใจ หลวงพ่อหยอดแล้ว ให้ระลึกถึงหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมด้วย คราวนี้มาพูดถึงตะกรุดอีกประเภทหนึ่งซึ่งผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านกำลังสนใจอยู่..ครับ...ตะกรุดโลกธาตุ...ในเรื่องของวิชาการทำตะกรุดโลกธาตุ..มีเรื่องเล่าขานกันว่า..เป็นตะกรุดที่มีคุณวิเศษอเนกอนันต์ ในยามคับขันหรือจวนตัวให้กลืนเข้าไปในท้อง จะสามารถล่องหนหายตัวและป้องกันอันตรายได้ทุกประการ... เมื่อใครได้กลืนเข้าไปแล้วก่อนนอนให้ตั้งจิตอธิษฐาน ตื่นเช้ามาก็จะพบตะกรุดปรากฏอยู่ข้างตัว ตะกรุดโลกธาตุนี้จะไม่ออกทางทวารเบื้องต่ำอย่างเด็ดขาดและคาถาที่ลงในตะกรุดคือ อิจฉันโต จิตโต อิจฉันโต โลกธาตุมหิ อัตตะภาเวนัง นาทุยิ วาระวีสะติ สิทธังละอะ .... นอกจากคุณสมบัติที่ลึกล้ำแล้ว การจะลงตะกรุดก็ไม่แพ้กัน กล่าวคือผู้ที่จะเรียนวิชานี้ได้ต้องมีความสามารถนั่งสมาธิเพ่งไส้เทียนจนขาด..นัยว่าเพื่อเป็นการแสดงถึงสภาวะจิตที่เข้มแข็ง......
มีคำกล่าวว่า นิทานเป็นอาหารวิเศษสำหรับเด็ก..และเป็นขนมหวานของจิตใจ...ถึงเรื่องสรรพคุณของ ตะกรุดโลกธาตุ ที่หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ได้เล่ากับพวกเรา จะฟังดูแล้วเหมือนนิทาน เหมือนเรื่องโกหก..ผมเรียนถามท่านว่า แล้วหลวงพ่อสามารถนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไหมครับ
ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น... ในระหว่างวันฉันไม่มีโอกาสได้นั่งเขียนตะกรุด และมีเรื่องราวต่างๆ เข้ามาให้คิดตลอด โชคดีที่ตัวเรามีสติ... ดังนั้นเมื่อฉันเริ่มทำ ฉันจะโยนทุกอย่างทิ้งไปหมด บอกกับตัวเราเองว่า เรามีหน้าที่เขียนตะกรุด ทำออกไปให้กับกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาเรา... เพราะฉะนั้นเราจะขาดสติและสมาธิไม่ได้...ตราบใดที่เรายังคุมตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะสร้างอะไรให้เขาบูชาเลย บาปซะเปล่าๆ ผมรูดซิปที่เป้คู่ชีพ...ควานหาถุงพลาสติกที่ใส่ตะกรุดโลกธาตุ รู้สึกอุ่นใจ..ผมไม่ได้นำมาคืนท่านเพราะว่าท่านเพ่งไส้เทียนไม่ขาดหรอกนะครับ การที่ท่านบอกว่า ฉันยังทำไม่ได้แบบนั้น ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ทั้งหมด ไม่ต้องเพ่งขาดหรอกครับ เอาแค่ ท่านมหาสุรศักดิ์นั่งเขียน ร้อยไหม ถักตัวขอดได้พวกผมก็เชื่อแล้ว .. อีกอย่างการที่ท่านจะมานั่งบอกพวกผมว่าฉันนะนั่งเพ่งจนไส้เทียนขาดไปหลายเล่มแล้ว...เพื่อนๆ ฟังดูแล้วรู้สึกยังไงครับ...นี่คือการพูดอวดตัวเองหรือเปล่าขอโปรดพิจารณา....
ว่ากันว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกพิกลพิการใบนี้ ย่อมต้องมีสิ่งที่ดีเสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องทุกข์หรือเรื่องสุข ....ไม่มีใครที่อยากมีความทุกข์หรอกครับ.. และก็เป็นความจริงที่ทุกคนก็อยากมีความสุข ..การที่เรามีความสุขมากๆจะทำให้เราหลงลืม...แต่ความทุกข์จะทำให้เราต้องหันกลับมามองหาความจริงของชีวิตมากยิ่งขึ้น... เช่นเดียวกับในสมัยปัจจุบันนี้..พวกเรามักจะมองว่าผู้คนทั่วไปจะยึดติดกับคติความเชื่อในเรื่องคาถาอาคมหรือพิธีกรรมมากกว่าจะมองหาแก่นแท้ของศาสนา...ท่านพระมหาสุรศักดิ์ยิ้มน้อยๆและกล่าวถึงเรื่องนี้สั้นๆว่า...
เราอยู่ในสมัยที่คนต้องเป็นที่พึงของตัวเองมากขึ้น(ยิ้ม) จะว่าไปแล้วผมว่าเรื่องนี้น่าคิดนะครับ...เพราะปัจจุบันนี้จะสังเกตได้ว่าคนรุ่นใหม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเองว่า ตนชอบนั่งสมาธิ ชอบปฏิบัติธรรมซึ่งแต่เดิมแล้วน้อยมากที่คนเราจะออกมาพูดถึงเรื่องพวกนี้...การปฏิบัติธรรมในสมัยนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ปฏิบัติกันแบบเป็นครอส เป็นแบบโครงการ เรียกได้ว่าทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับของสังคม... ยาที่รักษาโรคหากใช้ถูกก็มีค่าอนันต์ หากใช้ผิดก็มีโทษมหันต์..เช่นเดียวกันหากเพื่อนๆ สังเกตดูจะพบว่า บทบาทของพระสงฆ์น้อยลง แต่ บทบาทของฆราวาสเพิ่มมากขึ้น การปฏิบัติธรรมโดยไม่มีพระสงฆ์คอยควบคุมดูแลก็มากขึ้นตามลำดับ..สาเหตุนี้มาจากอะไร..ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้... ดังนั้นการที่พระซักองค์จะก้าวเข้ามาโดยใช้ กุศโลบายทางด้านวัตถุมงคล หรือแนวความเชื่อในเรื่องขนบธรรมเนียมเก่าๆ เพื่อดึงคนเหล่านั้นให้หันกลับมาเข้าวัดตามแบบเดิม...จึงเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนหรือไม่ก็ต้องฝากเพื่อนๆ..ช่วยคิดละครับ... ในความเป็นจริงแล้ว..พระพุทธศาสนาของเราจะมีทั้งกลุ่มที่ไม่ยึดติดวัตถุมงคลและกลุ่มที่ยึดติดวัตถุมงคล... ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็ยังอยู่ภายใต้บทบัญญัติเดียวกันและเหมือนๆกัน..แต่ก็เป็น ความเหมือนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ.....กลุ่มหนึ่งเน้นในด้านจิตวิญญาณ อีกกลุ่มหนึ่งเน้นในเรื่องของพิธีกรรม... แต่บุคลิกที่แตกต่างของทั้งคู่ก็เป็น ผลดีต่อการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันไม่ใช่หรือครับ... ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า การอ่านเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนที่ดี....ผมว่าการดำเนินกิจกรรมในร่มเงาของพระพุทธศาสนาควบคู่ไปทั้งสองด้านของพระมหาสุรศักดิ์...จึงเป็นทั้งการอ่านและการเขียน..ที่ดีเยี่ยม...สวัสดีครับ ขอขอบพระคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ที่เอื้อเฟื้อภาพถ่ายสวยๆ เพื่อนต่อสำหรับคำแนะนำต่างๆ และจะขาดเสียมิได้คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอมา.. |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | ||
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 |