บ้านสามผาน เชื่อว่าชื่อนี้อาจจะมีเพื่อนๆ หลายท่านยังไม่เคยได้ยิน ผมเองตอนได้ยินครั้งแรกยังนั่งนึกอยู่ตั้งนานว่าบ้านสามผานแห่งนี้อยู่ที่ไหนกันหนอ แต่ถ้าเอาชื่อนี้ไปถามกับนักปฏิบัติธรรมมืออาชีพแล้วละก็ เป็นได้ความครับว่า บ้านสามผานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และบริเวณพื้นที่อาณาเขตของบ้านสามผานก็มีภูเขาเล็กๆ ชื่อว่า เขาน้อย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) หนึ่งในวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ได้สืบทอดวิถีชีวิตและวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)ในอดีตเป็นเพียงที่พักสงฆ์ มูลเหตุเกิดจากในสมัยที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินธุดงค์ผ่านมาทางนี้และเห็นว่าที่ดินบนเขานอกจากจะเป็นที่รกร้างไม่มีใครเป็นเจ้าของแล้วยังเหมาะสมสำหรับเป็นที่ปฏิบัติธรรม ท่านจึงมีดำริและกำหนดให้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ครับ นอกจากนี้วัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน) ยังถูกบันทึกชื่อไว้ในความทรงจำของพุทธศาสนิกชนหลายต่อหลายคน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์องค์สำคัญหลายองค์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร จังหวัดสกลนคร หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ วัดดอนธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ฯลฯ เคยเดินธุดงค์เข้ามากางกลดปฏิบัติธรรมและพยากรณ์ไว้ว่าสถานที่แห่งนี้จะกลายมาเป็นวัดในอนาคต เช่น หลวงปู่ผั้น อาจาโร ที่กล่าวว่า เขาน้อย น้อยแต่ชื่อ ในภาคตะวันออกนี้ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่
สำหรับผมและเพื่อนในกลุ่มต่างมีความคิดตรงกันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องไปกราบนมัสการ พระครูสันติวีรญาณ (หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) อริยสงฆ์แห่งวัดพิชัยพัฒนาราม (เขาน้อยสามผาน)แห่งนี้ให้ได้ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ วันหนึ่งระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งคุยกันอยู่ เพื่อนรุ่นน้องได้เล่าว่าเพื่อนของเขาได้พาไปกราบหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ที่วัดพิชัยพัฒนาราม ในวันนั้นก่อนกราบนมัสการลากลับ หลวงปู่ได้เมตตามอบพระหินหยกแก่เขาหนึ่งองค์ พระหินหยกเป็นพระเครื่ององค์เล็กๆ ที่หลวงปู่สั่งให้แกะจากหินในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยก่อนมอบให้ท่านได้กำชับและต้องรับสัจจะกับท่านว่า หนึ่งต้องนำพระหินหยกติดตัวตลอดเวลา สองคือต้องยึดถือพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นที่สุดของชีวิต หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เขาได้นำพระหินหยกองค์นั้นเก็บรักษาไว้อย่างดีบนหิ้งพระ โดยที่ไม่ได้นำมาติดตัวตามที่ได้ลั่นสัจจะวาจาไว้กับหลวงปู่ กาลเวลาที่เดินทางไปพร้อมกับการติดขัดของธุรกิจ ทำให้เขาต้องกลับมานั่งทบทวนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะเศรษฐกิจก็ไม่ได้ตกต่ำ เงินทองที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าแต่พอเอื้อมมือไปคว้าก็ไม่ได้สักที ตัวเขาเองได้พยายามแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งแบบบนดินและใต้ดินก็ยังไม่เป็นผล จนมาหวนระลึกชาติได้ว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยได้รับพระและสัญญาไว้กลับหลวงปู่ ชะรอยหรือเงื่อนไขข้อนี้จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุปสรรค เขาจึงได้จุดธูปของขมาและนำพระหินหยกองค์นั้นมาติดตัวไว้ตลอดเวลา เขาเล่าว่าหลังจากนั้นเรื่องที่เคยมีปัญหาก็หมดไป เรื่องที่ว่ายุ่งยากก็เริ่มคลี่คลายลงจนจบ เรื่องนี้ถูกนำไปกราบเรียนต่อหลวงปู่ที่ชั้นล่างของกุฏิท่าน ณ วัดพิชัยพัฒนาราม เมื่อหลวงปู่ท่านได้รับฟังจนจบ ท่านหัวเราะเบาๆ และบอกกับเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ว่า ไม่เป็นอะไร แต่ต่อไปอย่าผิดสัญญาอีก สำหรับบรรดาสาธุชนท่านอื่นและปุถุชนอย่างพวกเรา ท่านบอกว่าเรื่องของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ต้องยกให้เป็นกรณีตัวอย่างเรื่องแรกของการผิดคำพูดกับพระ
อดีตผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เริ่มต้นกันใหม่ที่ปัจจุบันให้ถูกต้องและสมบูรณ์ อนาคตคือวันข้างหน้า ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก ก่อนนมัสการลากลับ ท่านได้เมตตาแจกพระหินหยกแก่พวกเราคนละหนึ่งองค์ และให้พวกเรากล่าวคำอาราธนาพระหินหยก คือบทสวดไตรสรณ์คม ครับ ถ้าต้นถูก ปลายมันก็จะถูก..
หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม ท่านเป็นลูกหลานเมืองพลอยชาวจันทบุรีโดยกำเนิดครับ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๔๗๘ โยมบิดามารดาของท่านชื่อ คุณพ่อสังข์-คุณแม่เจน นามสกุล พูลกสิ เล่ากันว่าในสมัยเด็กๆ ด้วยความที่ท่านอ้วนขาวเหมือนลูกฟัก ท่านเลยถูกเรียกว่า ฟัก แต่พ่อแม่จะเรียนท่านว่า หนู ในวัยเยาว์เด็กชายฟักได้ชื่อว่าเป็นเด็กเรียบร้อย มีความฉลาดและความจำเป็นเลิศ ด้วยเหตุนี้ผลการเรียนของเด็กชายฟักจึงเป็นการสอบได้ที่หนึ่งมาตลอด โดยเฉพาะกับความสามารถในวิชาคณิตศาสตร์ที่ค่อนข้างสูง ทำให้เด็กชายฟักต้องรับบทบาทคำนวณราคาและคำนวณพื้นที่เสมอๆ เวลาที่มีการซื้อขายที่ดินครับ มีเรื่องเล่าถึงความมีปัญญาของเด็กชายฟักโดยกำนันเวกซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องว่า เด็กชายฟักชอบชวนเด็กชายเวกไปเก็บผลไม้บนเขาน้อย ซึ่งในขณะนั้นเขาน้อยยังเป็นที่รกร้างและมีผลไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมากมายหลายชนิด ครั้งหนึ่งเด็กชายฟักได้ชวนเด็กชายเวกไปเก็บ ลูกคุย ซึ่งเป็นผลไม้ลูกกลมๆ โตๆ ขนาดผลหมาก ด้วยความที่เด็กชายเวกมีอายุที่อ่อนกว่าทำให้ต้องยอมและรับฟังเด็กชายฟักทุกเรื่อง ก่อนขึ้น ต้นคุย ทั้งสองคนได้มีการตกลงว่า ผลลูกคุยที่เป็นช่อๆ เป็นของเด็กชายเวก ส่วนผลลูกคุยที่ร่วงๆ เป็นของเด็กชายฟัก กำนันเวกเล่าว่าตอนนั้นฟังแล้วดูเหมือนออกแนวพี่ใหญ่เสียสละให้น้องเล็ก แต่พอขึ้นไปเก็บจนเสร็จและนำมาแบ่งกัน พี่ฟักกลับเป็นผู้ที่ได้ผลลูกคุยเยอะมาก ส่วนน้องเวกได้ผลลูกคุยติดมือกลับบ้านไปเพียงไม่กี่ช่อ ต่อมากำนันเวกได้พิจารณาย้อนหลังจึงเป็นอันได้ความว่า ต้นคุยต้นนี้เป็นต้นที่สูงใหญ่มากเมื่อขึ้นไปเด็ดจะต้องโยนผลกลับลงมา พวกช่อที่ถูกเด็ดออกมาจะต้องระกิ่งไม้ลงมาเรื่อยๆ และกว่าช่อที่ถูกเด็ดจะถึงพื้นดินผลลูกคุยก็ร่วงจากช่อจนเกือบหมดแล้ว ว่ากันว่าหากพูดเรื่องนี้ให้หลวงปู่ฟังเมื่อไร ท่านจะหัวเราะจนหน้าแดงเสมอๆ พร้อมกับบอกว่า จำได้ๆ (ท่านพ่อลี ธัมมธโร ในงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ) หลวงปู่ฟัก อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๐๐ ณ วัดอโศการาม ในงานวันฉลองกึ่งพุทธกาล ความตั้งใจของท่านในครั้งแรกคือต้องการบวชแค่ ๗ วัน ท่านเล่าว่าแค่บวชวัดแรกก็คิดอยากจะสึกเสียแล้ว เนื่องจากในวันดังกล่าวมีคนเข้ามาบวชจำนวนมากหลายร้อยคนทำให้เกิดความสับสนและบาตรของท่านที่ได้รับจากพระอุปัชฌาย์ได้อันตรธานสูญหายไป เรื่องสะเทือนใจดังกล่าวทำให้ท่านคิดมากจนเกิดเป็นความทุกข์ ท่านว่าถ้าจะดวงไม่ดีเพราะแค่วันแรกที่บวชก็ต้องใช้กะละมังเป็นภาชนะรับอาหารแทนบาตรเสียแล้ว ถ้าท่านหนูสึก ผมเสียใจ คำตัดพ้อของโยมพ่อทำให้พระใหม่ที่คิดจะสึก ต้องกลับมาคิดใหม่อีกครั้ง ท่านว่าหลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงของโยมพ่อที่พูดออกมา ทำให้ท่านหวนคิดถึงพระคุณและความปรารถนาดีของผู้ที่เป็นพ่อแม่ที่มีต่อบุตร ท่านจึงได้เลิกความคิดที่จะสึกและเพื่อเป็นการขจัดเงาดำ ความวิตกต่างๆ ที่ยังคงเคลือบจิตใจ โยมพ่อของท่านจึงได้พาท่านไปกราบหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แค่บาตรบริขารหาย สามารถซื้อหาใหม่ได้ แต่การที่พระจะสึก อะไรสำคัญกว่ากัน บาตรหายก็ให้คิดเสียว่าทำทานบารมีเพิ่ม คำเทศนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในวันที่พระภิกษุฟักไปกราบขอเป็นศิษย์ อุปมาดั่งเครื่องเจียระไนชั้นดีที่ขัดเกลาพลอยเนื้อดีแห่งเมืองจันทบุรีเม็ดนี้ให้สุกสกาว ท่านว่าหลังจากฟังคำเทศนาของหลวงตาในวันนั้นแล้ว ท่านก็ไม่มีความคิดที่จะสึกอีกเลย.. ต่อมาเมื่อสิ้นบุญท่านพ่อลี ธัมมธโร หลวงปู่ฟักท่านจึงได้ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงตามหาบัว ณ วัดป่าบ้านตาด ก่อนที่ท่านจะเดินทางมาถึงวัดป่าบ้านตาดไม่กี่วัน หลวงตามหาบัวได้สอบถามคุณแม่ชีน้อมว่า เมื่อคืนฝันอะไร ฝันว่าได้ครกตำบักหุ่งจากจันทบุรี ผิวนอกขรุขระแต่ผิวในเนียนเรียบ คุณแม่ชีน้อมกราบเรียน เลี้ยงพระได้ทั้งวัดบ่ เลี้ยงได้ทั่วอยู่ ได้เบิ่งข้างในไหม จิตเพิ่นผ่องใสดี ความผ่องใสของจิตที่เปล่งประกายออกมาให้เห็นทางอุปนิสัยที่อ่อนน้อมถ่อมตน ใช้ชีวิตเรียบง่าย กตัญญูและมีน้ำใจต่อหมู่คณะ ทำให้ท่านได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากหลวงตามหาบัวให้เป็นพระอุปฐากคอยดูแล รวมไปถึงการได้รับมอบหมายภาระหลายอย่างให้ปฏิบัติแทนท่าน
หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่าบ้านนาคูณ จังหวัดอุดรธานี ศิษย์อาวุโสองค์หนึ่งของหลวงตามหาบัวซึ่งเคยร่วมจำพรรษากับหลวงปู่ฟัก ได้เล่าไว้ว่า ท่านอาจารย์ฟักเข้ามาที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ พร้อมกับท่านอาจารย์เจี๊ยะ จุนโท แต่ท่านอาจารย์ฟักสนิทกับท่านอาจารย์แสวงมากที่สุด ระหว่างที่อยู่บ้านตาด ท่านเป็นคนมีฝีมือทางช่างมาก ฝีมือแนบเนียน จึงได้รับผิดชอบงานสร้างกุฏิ โรงครัวและรั้ววัด ท่านเป็นผู้ที่มีนิสัยเรียบร้อย รักและเทิดทูนพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัวเป็นที่สุด ท่านไม่เคยโดนดุ คงเคยสร้างบารมีมาด้วยกัน อาจจะเป็นลูกท่านมาก่อน ว่ากันว่าการเดินทางของความจริงใจที่ผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน ย่อมมีคุณค่ามากกว่าคำพูดหรือการกระทำอันใด อย่างเช่นกรณีของหลวงปู่ฟักที่มีต่อพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ในบันทึกประวัติของหลวงปู่ฟักได้บอกเล่าเหตุการณ์หลายอย่างที่เกี่ยวกับความเข้าใจกัน การอยู่ร่วมกัน การเสียสละและการให้อภัยของอาจารย์และลูกศิษย์ครับ ครั้งหนึ่งมีการซ่อมศาลาโรงฉันของแม่ขาวที่วัดป่าบ้านตาด หลวงตามหาบัวท่านสั่งให้ตอกตะปูได้เลยและได้มีการตอกตะปูลงไปบางส่วนแล้ว พอดีจังหวะที่หลวงปู่ฟักท่านเห็นว่ายังไม่ได้ฉาก ด้วยความที่เห็นแก่งานเป็นใหญ่ ต้องการให้งานนั้นออกมาดีและสวยงามที่สุด ท่านเลยห้ามไม่ให้ตอก ซึ่งการห้ามดังกล่าวถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของพ่อแม่ครูอาจารย์ ภายหลังเมื่อหลวงปู่ฟักท่านได้กลับมาพิจารณาอีกครั้ง ท่านก็รู้สึกเสียใจที่ทำเช่นนั้น ตกกลางคืนท่านจึงได้เข้าไปขอขมาหลวงตา ด้วยว่าท่านขาดความเคารพ ต่อมาในวันประชุมสงฆ์หลวงปู่ฟักท่านคิดว่าหลวงตามหาบัวท่านคงจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในเชิงตำหนิอย่างแน่นอน แต่กลับปรากฏว่าท่านมิได้ถูกตำหนิเพราะหลวงตาได้พูดขึ้นว่า
ท่านฟักนี่เราก็เห็นใจ ทำอะไรก็ไม่ให้ผิดแม้สักเซ็นต์เดียว ให้พึงรักษาปฏิปทานี้ไว้ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นท่านชมนักคนแบบนี้ จะว่าไปแล้วคำพูดของหลวงตามหาบัวเป็นเหมือนการสะท้อนให้เราเห็นถึงคุณสมบัติของความเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่ดีออกไปให้เกิดประโยชน์แก่ผู้คน เพราะการถ่ายทอดความรู้สึกอย่างจริงใจด้วยความรัก ความเมตตา เพียงเพื่อหวังให้ผู้ที่ได้รับพ้นจากความทุกข์และเกิดความสงบขึ้นในจิตใจ คือจาคะอันยิ่งใหญ่ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ หลังจากที่หลวงปู่ฟักใช้ชีวิตการเป็นพระในวัดป่าบ้านตาดมานานหลายปี ท่านก็มีเหตุต้องอำลาจากวัดป่าบ้านตาดกลับมายังบ้านเกิดของท่านคือจันทบุรี เพื่อคอยอยู่ดูแลโยมพ่อโยมแม่ของท่านที่อายุมากและมีสุขภาพไม่แข็งแรง
ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว แต่ทางจันทบุรียังไม่มีใคร ให้กลับมาพัฒนา ซึ่งหากเรานับนิ้วจำนวนปีที่หลวงปู่ฟักได้ใช้ชีวิตอยู่ในวัดป่าบ้านตาดบวกเข้ากับความอาลัยของพระสงฆ์ในวัดป่าบ้านตาดทุกองค์ที่มีให้ท่าน คงจะบอกได้ว่าการออกจากวัดป่าบ้านตาดครั้งนี้ ย่อมนำมาซึ่งความเศร้าและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง หากแต่อีกนัยหนึ่งนั้นก็เป็นการย้ำเตือนถึงสัจธรรมความจริงที่ว่าไม่มีอะไรที่จีรังนอกจากความดีของคนต่างหากที่เป็นนิรันดร์ครับ ท่านเล่าว่าในช่วงแรกที่กลับมาอยู่สำนักสงฆ์เขาน้อยสามผาน สิ่งที่มีมากที่สุดคือความอัตคัตขัดสน เพราะคนที่มาทำบุญก็มีแต่เฉพาะญาติพี่น้องเท่านั้น กุฏิสงฆ์เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ หลังคามุงจาก พื้นกุฏิเป็นไม้ฝาโลงที่เขาทิ้งไว้ในป่าช้า ตอนนั้นลำบากมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยหลับตาแล้วภาวนาพุทโธอย่างเดียวไปเรื่อยๆ ในที่สุดอะไรๆ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าความลำบากจะถาโถมเข้ามาอย่างมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ความเป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมสะกดคำว่าแพ้ต่อความทุกข์ยากรวมไปถึงการไม่ยอมละทิ้งในเรื่องของการปฏิบัติภาวนาอันเป็นหัวใจของพระกรรมฐาน ทำให้ในที่สุดท่านก็สามารถปลูกต้นศรัทธาให้เจริญงอกงามลงในหัวใจของชาวบ้านได้สำเร็จ สำนักสงฆ์เขาน้อยสามผานได้รับการยกฐานะเป็น วัดพิชัยพัฒนาราม ในปี ๒๕๒๐ ตรงตามที่ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม เคยพยากรณ์ไว้เมื่อปี ๒๔๙๙ ว่า
สถานที่ตรงนี้ต่อไปจะกลายเป็นวัดและจะมีการสร้างพระเจดีย์ขึ้นด้วย ไม่เพียงแต่พัฒนาวัดให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสมเท่านั้น ในทางโลกหลวงปู่ยังสนใจในเรื่องของการพัฒนาคน พัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนถึงเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ เช่น การสร้างโรงพยาบาลสองพี่น้อง บริจาคเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ที่ขาดแคลน ตลอดจนร่วมน้อมถวายเงินและทองคำในโครงการผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน นอกจากนี้ท่านยังได้พิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วพบว่า ความทุกข์เกิดจากความไม่รู้จักพอ ความไม่รู้จักพอเป็นบ่อเกิดของการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ท่านว่ามนุษย์รุกรานธรรมชาติด้วยสารเคมี ธรรมชาติจึงลงโทษมนุษย์ด้วยการให้ที่พักพิงแก่เชื้อโรคร้าย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ตกลงใจว่า ท่านจะสงเคราะห์โลกด้วยการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่คนทั่วไปและเป็นตัวแทนคืนความเป็นธรรมให้แก่ธรรมชาติ
พวกเราไม่เคารพไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ เป็นการไม่รักตัวเองที่ชอบด้วยธรรม แต่เป็นการรักในกิเลสตัณหาโลภะอย่างไม่มีขอบเขต จึงทำลายตนเองและส่วนรวมอย่างสิ้นเชิง คนเราต้องทำมาหากินโดยไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ชาวไร่ชาวนาใช้ยาฆ่าแมลงก็ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์กี่มากน้อยที่ต้องตายตกตามไป สัตว์ก็รักชีวิตมีชีวิตเหมือนเรา ภพชาตินี้เราเป็นมนุษย์ก็จริง แต่ถ้าทำไม่ดี ภพชาติหน้าอาจจะตกต่ำลงไปกว่านี้ก็ได้ ถ้าเราทำดี อย่างต่ำก็น่าจะเกิดเป็นมนุษย์ แต่ถ้าเราไปทำร้ายคนอื่น อนาคตเราอาจจะถูกเขาทำร้ายตอบก็ได้ ทุกอย่างมีสิทธิ์เป็นไปได้ ถ้าจะถามผมว่าหลวงปู่ท่านสงเคราะห์โลกด้วยการเป่ารักษาคนตั้งแต่เมื่อไรหรือท่านรนณรงค์ให้เลิกใช้ยาฆ่าแมลงตั้งแต่ตอนไหน ผมคงตอบไม่ได้ เพราะเมื่อแรกที่ได้มากราบหลวงปู่ผมก็เห็นท่านเป่ารักษาแบบนี้มาตลอด ประมาณว่าในบางวันต้องว่ากันถึงดึกดื่นเลยก็มี อีกประการหนึ่งแนวทางการรักษาและการรนณรงค์ของพระผู้อยู่บนเขาก็ให้มีความแตกต่างจากการรักษาของแพทย์และการรนณรงค์ของนักวิชาการที่อยู่ในเมืองอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านได้สงเคราะห์ด้วยการใช้ธรรมโอสถและน้ำมนต์ ท่านว่าหลวงปู่ผั้น ท่านพ่อลี ใครคิดอะไรท่านรู้หมด เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูด นี่คือความมหัศจรรย์ เพราะฉะนั้นทำไม พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ในน้ำมนต์มันจะไม่ขลัง ซึ่งเรื่องนี้ก็จริงอย่างที่ท่านว่า เพราะน้ำมนต์ของท่านช่วยรักษาคนมาตั้งมากมาย ฉีดใส่หนอน หนอนก็หนี อาจเป็นเพราะหนอนย้ำเกรงพระไตรสรณคมก็ได้ คนป่วยให้ใช้น้ำมนต์กินเป็นยา ส่วนชาวไร่ชาวนาให้ใช้น้ำมนต์แทนการใช้ปุ๋ย (ปุ๋ยเคมี) หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่า การนั่งสมาธิภาวนาสามารถรักษาโรคได้ ส่วนเรื่องที่คนโจษขานกันมากว่าท่านเป็นพระที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ความจริงคือไม่ใช่ ท่านว่าความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ตัวของเราเอง เมื่อเรามีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่าน เราก็จะปฏิบัติตามที่ท่านสอน ท่านบอกให้เรารักษาศีล เราก็รักษาศีลตามที่ท่านบอก ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์จึงเกิดขึ้นจากผลที่เราปฏิบัตินั่นเอง
คุณไชยยงค์ เพื่อนรุ่นพี่ของผม เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาโรคจากหลวงปู่ ความเจ็บไข้ของเขาเป็นผลดีสำหรับผมตรงที่ทำให้ผมมีโอกาสได้กราบนมัสการหลวงปู่บ่อยครั้ง การหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ของเขาก็ต้องถือเป็นประสบการณ์เชิงประจักษ์แบบสุดๆ สำหรับผมอีกเช่นกัน เรื่องมีอยู่ว่า คุณไชยยงค์เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับสระว่ายน้ำในเขตเมืองพัทยา แกป่วยด้วยโรค(ประหลาด) คือยามอาการกำเริบ แกจะแน่นหน้าอก หายใจติดขัด ลำตัวเกร็ง ปวดไปทั้งตัว อาหารหรือยาเมื่อตกถึงท้องก็จะมีอาการปวดและอาเจียนออกมา ระยะหลังๆ อาการหนักเข้าขนาดน้ำยังกินไม่ได้ ต้องใช้วิธีการให้อาหารและยาทางเส้นเลือด ชีวิตของแกในช่วงนี้ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในเมืองพัทยาและในกรุงเทพฯ มานานเกือบปี ในที่สุดแกถึงกับต้องมาบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา เพื่อเป็นการแก้เคล็ดและแก้ไขกรรมตามคำแนะนำของหมอดู สำหรับอาการสุดท้ายตามคำวินิจฉัยของแพทย์มาถึงมือหมอเดาอย่างผมคือ อวัยวะภายในพวก ตับ ไต หัวใจ เริ่มประท้วงจะไม่ทำงาน ด้วยสภาพของเครื่องในที่รวนสุดขีด แพทย์ประจำที่ทำการรักษาจึงตัดสินใจอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาวัดบ้านเกิด พร้อมกับให้คำแนะนำที่มีประโยชน์สำหรับคุณตู๋ผู้เป็นภรรยา คือ ให้ทำใจ พระไชยยงค์ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่ โดยหลวงปู่ได้รักษาในแบบองค์รวมตามกรรมวิธีของท่านคือ เป่าไล่ตามจุด ฉันน้ำมนต์(ที่ไม่ต้องผสมน้ำอื่น) แทนน้ำ พยายามรักษาศีลให้สมบูรณ์ที่สุด สวดมนต์และนั่งสมาธิภาวนา หลังเสร็จสิ้นการรักษาจากหลวงปู่ในวันนั้น เมื่อพระไชยยงค์ได้กลับมายังวัดที่ตนเองพำนัก ท่านได้ตัดสินใจยึดเกาะฟางเส้นสุดท้าย คือปฏิเสธการใช้ยาแผนปัจจุบันและพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสั่งสอนของหลวงปู่อย่างเคร่งครัด
ครบกำหนดหนึ่งเดือน พระไชยยงค์ได้ไปพบแพทย์ประจำตามนัด ความอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นทันที เมื่อผลการตรวจออกมาว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและปกติดีทุกอย่าง ซึ่งแพทย์ท่านนั้นก็ยังออกอาการ มึนงงกับผลการตรวจ จะว่าวินิจฉัยผิดมันก็ไม่ใช่เพราะรายงานผลในสมุดตรวจก็ตรงและเหมือนกันทุกหมอและทุกโรงพยาบาลที่เคยรักษามา สรุปคือต้องให้พระไชยยงค์กลับวัดและงดจ่ายยาเพราะไม่รู้จะรักษาอะไร ด้วยความมั่นใจในผลการตรวจว่าต้องผิดพลาดแน่นอน คุณตู๋(ภรรยา) จึงได้พาพระไชยยงค์ไปตรวจเช็คร่างกายตามโรงพยาบาลชั้นนำอีกถึงสิบแห่ง แต่ผลการตรวจก็ยังออกมาตรงกันว่า ไม่เป็นอะไร ความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับพระไชยยงค์ ทำให้พระไชยยงค์และครอบครัวหมั่นเข้าไปกราบและทำบุญกับหลวงปู่อย่างต่อเนื่องจวบจนพระไชยยงค์ลาสิกขาบทจากพระมาเป็นฆราวาส ความเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไกลวัดต้องถูกลบทิ้งด้วยความเมตตาของหลวงปู่ฟัก ถึงทุกวันนี้หลวงปู่ฟักท่านจะละสังขารไปเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๓ แล้วก็ตาม เขาและครอบครัวยังคงทำบุญและสวดมนต์ตามที่หลวงปู่สอนไว้ทุกประการ
ของจริงและแน่จริงต้องแบบนี้ เป่าครั้งเดียว คุณไชยยงค์บอกกับผม แกบอกว่าชีวิตแกเหมือนเกิดใหม่ด้วยบารมีของหลวงปู่ฟัก ในวันงานประชุมเพลิงศพพระครูสันติวีรญาณ (หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม) เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ด้วยความสำนึกในบุญคุณที่หลวงปู่มีให้ คุณไชยยงค์พร้อมครอบครัวได้มาร่วมในงานดังกล่าว ในขณะที่เปลวไฟลุกท่วมร่างองค์ท่าน เศษเถ้าจีวรของท่านชิ้นน้อยๆ ได้ลอยมาตกบนท่อนแขนของคุณตู๋ เหตุการณ์ดังกล่าวได้เพิ่มความศรัทธาให้กับคุณไชยยงค์และครอบครัวมากเท่าทวีคูณ เพราะก่อนที่เศษเถ้าจีวรจะตกลงบนแขน คุณไชยยงค์บอกกับคุณตู๋ว่า "หลวงปู่ท่านจากเราไปแล้ว" เรื่องเศษเถ้าจีวรนี้ คุณตู๋เล่าให้ผมฟังทางโทรศัพท์ ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ของจริงและแน่จริงต้องแบบนี้ ผมไม่ได้ตอบแกหรอกครับ เพียงแต่คิดในใจขณะที่มือกำพระหินหยกไว้แน่น...สวัสดีครับ
ขอขอบพระคุณเอกสารอ้างอิง หนังสือคำกลอนประวัติวัดพิชัยพัฒนาราม(เขาน้อยสามผาน)และพระอาจารย์ฟัก สันติธัมโม / หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม สันติธัมโมจารึกนาม โดย คุณภัทระ คำพิทักษ์ ภาพถ่ายจากเวปไซด์ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทยและคุณเด็กลึกลับ เพื่อนต่อกับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | เมษายน 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |