ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ควรแก่การศึกษา ทั้งธรรมชาติภายนอก และธรรมชาติภายในตัวเอง สมดุลของธรรมชาติทั้งภายนอกและภายในเป็นสิ่งที่เรียกคืนได้ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้และชัดเจน... ใครบางคนบอกผมว่า ถึงเราจะอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์เดียวกัน แต่ให้เชื่อมั่นเถอะว่าการมองเห็นของเราจะไม่เหมือนกัน บางคนก็บอกว่าดวงอาทิตย์มีขึ้น มีตก เป็นเรื่องของธรรมชาติ อีกคนบอกว่าการขึ้นและตกนั้นไม่ได้ซ้ำรอยเดิมทุกวัน แต่สำหรับพ่อท่านแห่งชุมชนบ้านยางแดงวัย ๘๓ ปี ท่านเคยเทียบเคียงเรื่องนี้อย่างคมคายว่า “การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ เป็นเรื่องของวัฏจักรชีวิตที่ต้องหมุนเวียน มีเกิด มีดับ ดังนั้นเมื่อเราพบพานเรื่องราวดีๆ หรือเหตุการณ์ร้ายๆ หากเรามองอย่างเข้าใจและไม่ประมาท มีเครื่องมือคือสติและปัญญาคอยรับการเปลี่ยนแปลง เราก็สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสงบและสันติสุข” ตอนเด็กๆ พวกเราชอบอ่านหนังสือพระเครื่อง เมื่อโตพอที่จะออกไปเที่ยวนอกบ้านด้วยตนเอง ถึงเราจะไปเที่ยวเล่นแบบคนทั่วไป แต่ในทันทีที่ต้องเลือก พวกเรามักจะเลือกโดยสารรถประจำทางไปตามวัดต่างๆ ที่เคยอ่านเจอในหนังสือ หนึ่งคือเพื่อกราบพระ สองคือเพื่ออุดหนุนวัตถุมงคลตามอัตภาพที่มีติดตัวกันอย่างอัตคัด มาวันนี้ครับ พวกเราเดินทางย้อนรอยเกล็ดประวัติศาสตร์ที่แสนอัศจรรย์ของดินแดนสองพันปี ที่ชื่อ “ลังกาสุกะ” ว่ากันว่าเพราะการรวมเป็นหนึ่งท่ามกลางความหลากหลายที่ไม่แตกแยกนี้เอง ที่ทำให้ดินทุกเม็ด หินทุกก้อน ต่างมีประวัติและเรื่องราวเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยซึ่งเป็นชาติที่นับถือพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน โดยมีวัดเป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ ตลอดจนเป็นที่ร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ดังนั้นวัดจึงเป็นสัญลักษณ์ของความสงบร่มเย็น โดยส่วนมากแล้วหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านต่างก็มีวัดประจำหมู่บ้านเป็นของตนเอง โดยชาวบ้านทุกคนถือว่าวัดเป็นศูนย์กลางและเป็นสมบัติร่วมกันของคนทั้งหมู่บ้านที่ต้องช่วยกันดูแลรักษาครับ ที่นี่ “วัดนิคมสถิตย์ (วัดยางแดง)” ที่ตั้ง “เมืองงามสามวัฒนธรรม” นามว่า “ปัตตานี” ครับ พ่อท่านจวน อภิวฑฒโน หรือสมณศักดิ์ที่บ่งบอกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้ประพฤติดี ประพฤติชอบ คือ”พระครูสถิตนิคมธรรม” เจ้าอาวาสวัดนิคมสถิตย์ (วัดยางแดง-ชื่อเดิม) ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ ถือเป็นพระเกจิอาจารย์อีกองค์หนึ่งที่มีความผูกพันกับ “หลวงพ่อทวด วัดช้างให้” ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับเส้นทางชีวิตในสมณเพศของพ่อท่านจวนคือ การเป็นหนึ่งในพระที่ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนาเมื่อครั้งที่ “พระครูวิสัยโสภณ” (ท่านอาจารย์ทิม ธมมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ สร้างหลวงพ่อทวดขึ้นในปี ๒๔๙๙ ความผูกพันของพ่อท่านจวน ในฐานะพระลูกศิษย์กับพระอาจารย์ใหญ่ คือท่านอาจารย์ทิม ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปธรรมชัดเจนในการปลุกเสก “พระยายเขียด” เมื่อปี ๒๕๐๙ เชื่อถือกันว่าหากต้องการวัตถุมงคลที่มีเนื้อหาสาระเฉกเช่นเดียวกับพระหลวงพ่อทวด โดยท่านอาจารย์ทิมได้ปลุกเสกให้ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งละก็ พระยายเขียด ปี ๒๕๐๙ นี่แหละครับพกพาติดตัวได้แบบมั่นใจ ในฐานะที่ท่านเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์ที่มีส่วนร่วมในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ของท่านอาจารย์ทิม กอปรกับความรอบรู้ในคาถาอาคมโบราณที่เป็นจิตวิญญาณ เป็นภูมิปัญญาของบรรพชนมานานนับร้อยปีอย่างชนิดทะลุปรุโปร่ง การที่พวกเราได้มีโอกาสเข้านมัสการกราบไหว้ท่าน ณ วัดยางแดง จึงถือเป็นโอกาสที่ไม่อาจหาได้ง่ายๆ นัก โดยเฉพาะในสภาพของความไม่สงบที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ก่อนการเดินทางลงภาคใต้ครั้งนี้ พวกเราทำการบ้านอย่างหนัก โชคดีที่ได้คุณเพชร เข้ามาร่วมขบวนการในฐานะแกนนำ เขาได้เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพ่อท่านจวน ให้พวกเราได้ฟังพอสังเขปว่า พ่อท่านจวน มีนามเดิมว่า “จวน” นามสกุล “มุสิกวรรณ์” เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๕ มกราคม ๒๔๗๒ โยมพ่อชื่อ “นายนุ่ม” โยมแม่ชื่อ “นางจันทร์” ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพทำนา ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ วัดยางแดง วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๔๙๒ โดยมี พระอธิการเซี่ยง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการทิม วัดช้างให้ เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระสมุห์สถิต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จำพรรษา ณ วัดนิคมสถิตย์(ยางแดง) ด้วยความสนใจในไสยศาสตร์เป็นทุนเดิม ท่านจึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ “ท่านอาจารย์ทิม ธมมธโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้ และ“พ่อท่านเกื้อ” (ศิษย์พ่อท่านพัฒน์ นารโท วัดพัฒนาราม จังหวัดสุราษฏร์ธานี) พระเกจิอาจารย์อาวุโสของวัดยางแดง พร้อมกับศึกษาตำรับตำราโบราณที่ตกทอดกันมาของอดีตเจ้าอาวาสวัดยางแดงจนแตกฉาน พ่อท่านจวน เป็นพระเกจิอาจารย์ประเภท “คมในฝัก” ท่านไม่เคยโอ้อวดความสามารถของตัวเอง ถึงแม้ว่าท่านเองก็มีดีที่จะอวด ท่านดำเนินวิถีชีวิตเยี่ยงพระสงฆ์ธรรมดาๆ รูปหนึ่ง ภายใต้การปฏิบัติที่เคร่งครัด ทำให้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของคนในท้องถิ่น ท่านเปรียบเสมือนดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเอง แสงของท่านได้เปล่งออกมาให้ผู้คนได้เห็นในช่วงที่มีเหตุเภทภัยร่วมไปถึงอันตรายที่มาเยี่ยมถึงวัด ท่านได้นำทรายบริเวณกลางลานวัดยางแดงขึ้นมาเสก ก่อนที่จะนำไปโปรยหว่านรอบๆ อาณาเขตของวัด ทรายเสกของท่านได้สำแดงฤทธิ์ โดยการ “กำบังตา” จากผู้ก่อความไม่สงบที่เร้นความมืดเข้ามาเดินเวียนไปวนมารอบๆ วัดทั้งคืนแต่ไม่สามารถพบทางเข้าวัด จวบจนดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงแห่งอรุณรุ่ง ทหารที่มาตั้งฐานปฏิบัติการบริเวณด้านหน้าวัดยางแดง เห็นกิริยาที่ส่อเค้าของความผิดปกติ จึงได้ควบคุมตัวและตรวจค้น เมื่อพบว่าคนร้ายรายนี้พกทั้งแผนผังของวัดและอุปกรณ์เตรียมวางเพลิง จึงได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการต่อไป จะว่าไปแล้วในอดีต เมืองไทยของเรามีพระและฆราวาสที่เก่งๆ หลายท่านครับ เอาแค่เฉพาะเรื่องของความ สามารถ ประเภทเสกใบมะขามเป็นตัวต่อ ตัวแตน เสกหุ่นพยนต์เฝ้าวัด เฝ้าบ้าน เสกหัวปลีเป็นกระต่ายน้อยให้คนคอยไล่จับ ฯลฯ ก็มีเยอะแยะมากมายดังที่ปรากฏเป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน คำถามมีอยู่ว่า...ในทุกวันนี้ยังมีพระหรือฆราวาสที่มีความสามารถในด้านนี้หลงเหลืออยู่บ้างไหม ? คำตอบนี้ค่อนข้างยากครับ แต่ผมมีความเชื่อลึกๆ ว่ายังมีอยู่ อย่างน้อยก็พ่อท่านจวนนี่แหละครับ ถึงท่านจะไม่ได้รูดใบมะขามเป็นตัวต่อ ตัวแตน แต่ทุกเม็ดทรายที่ท่านเสกก็ทำให้ผมถึงสัจธรรมในข้อที่ว่า บางทีจินตนาการ ความเชื่อและความจริง ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ต่างกันเลย บ้านยางแดง ตำบลนาประดู่ บรรยากาศยามนี้อาจจะดูเงียบสงบ มีเรื่องราวอดีตของท้องถิ่นบันทึกไว้ว่า บ้านยางแดงเป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีชาวไทยมุสลิมมากกว่าชาวไทยพุทธ จริงอยู่ถึงความเชื่อ,ความศรัทธา,อุดมการณ์และศาสนา จะแตกต่างกัน แต่เพราะภายใต้ ”พระบรมโพธิสมภาร” จึงทำให้ชาวไทยทั้งสองศาสนาอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขมานานหลายร้อยปี จนเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗ ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในเขตพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ การคุมคามที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ได้ลามเข้าไปถึงวัด ถึงโรงเรียน เล่นเอาพระสงฆ์องค์เจ้า ครูบาอาจารย์ ต้องเดือดร้อนกันทั่วหน้า แน่นอนครับว่าทุกเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ถึงพวกเราจะเห็นภาพการดำเนินชีวิตของชาวบ้านที่ไม่ถามก็ไม่ทราบถึงความผิดปกติ แต่โปรดเชื่อเถอะว่ามันเป็นความปกติที่ซ้อนเร้น เพราะผมถามชาวบ้านหลายคนแล้วได้ความตรงกันว่า ทุกวันนี้ทุกคนต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัวตลอดเวลา อย่างไรก็ตามในฐานะพระสงฆ์ผู้นำจิตวิญญาณของชุมชน ทำให้พ่อท่านจวนต้องดำรงอยู่เป็น “ขวัญ” ของคนในพื้นที่ ถึงแม้ท่านจะต้องต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหานานัปการที่ดูเหมือนจะเดินเรียงหน้าเข้ามาหาท่านในทุกวันนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ท่านต้องมีความกังวลหรือดำรงอยู่ด้วยความทุกข์เลยครับ ท่านมักถูกตั้งคำถามและต้องตอบในประเด็นนี้อยู่บ่อยๆ “เราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ก็ต้องช่วยๆ กันไป เพราะถ้าไม่ช่วยก็เท่ากับละเลยเพิกเฉย มันจะทำลายความศรัทธา ความไว้วางใจต่อกันได้” พ่อท่านจวนอาจจะไม่ใช่พระประเภทยิ้มง่ายในยามปกติ แต่อุปนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน อดทน ใจสู้และมีทัศนคติเชิงบวกเสมอ ทำให้ยามใดที่พวกเราเห็นท่านยิ้ม ความอบอุ่นและความเยือกเย็นที่ผสมกันอยู่บนใบหน้า ช่วยให้เราสัมผัสได้ถึงความเมตตาที่ท่านมีให้กับทุกคนที่เข้าไปนมัสการกราบไหว้ เอาเป็นว่าในเบื้องต้นหากอยากจะคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือแม้แต่การดำเนินชีวิตท่ามกลางความหวาดระแวง พ่อท่านจวนองค์นี้แหละครับ เหมาะสมที่จะเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะในแต่ละวัน จะมีกลุ่มคนนอกพื้นที่และในพื้นที่แวะเวียนเข้ามากราบนมัสการท่านเสมอๆ บ้างก็มาเพราะความทุกข์ บ้างก็มาเพราะความขลัง ซึ่งท่านเองก็พร้อมที่จะคุย พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นเกิดความสบายใจ อย่างวันนี้ที่พวกเรามา พ่อท่านจวนกำลังรับแขกกลุ่มเล็กๆ อยู่ที่บริเวณหน้ากุฏิ ท่านยิ้มเมื่อหันมาเห็นและพยักหน้าบอกเป็นนัยว่าให้พวกเราเข้าไปนั่งคอยในกุฏิ พวกเราก็ไม่กล้าขัดใจครับ เลยพากันขนของที่นำมาถวายขึ้นไปตั้งกองรอท่านอยู่ในกุฏิ ภายในกุฏิถูกแบ่งกั้นออกเป็นสัดส่วน ช่วงที่ท่านใช้นั่งรับแขกถูกยกเป็นพื้นสูงครึ่ง ที่โต๊ะหมู่มีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหน้าฐานพระมีตัวหนังสือเขียนไว้สองแถว แถวแรกคือ “พระยายเขียด” ถัดลงมาคือ “วัดนิคมสถิตย์(ยางแดง)” ว่ากันว่าใครก็ตามที่มาวัดยางแดง สิ่งเบื้องต้นเลยคือทุกคนจะต้องทำความรู้จักกับ “พระพุทธรูปพระยายเขียด”เพราะพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระคู่บารมีและเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ หลายคนกลับมาวัดแห่งนี้อีกครั้งก็เพราะพระพุทธรูปยายเขียด สำหรับที่มาที่ไปของพระพุทธรูปพระยายเขียดนั้น มีทั้งตำนานประวัติและตำนานเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งในส่วนประวัตินั้นพวกเราท่องมาล่วงหน้าจนขึ้นใจแล้วครับ เรื่องมีอยู่ว่า ยายเขียดเป็นชาวบ้านท่าเรือ โคกโพธิ์ วัดหนึ่งแกได้ออกจากบ้านเพื่อไปหาปลา เครื่องมือที่แกใช้หาปลาเรียกว่า “ชะนี” (ชะนีเป็นเครื่องมือหาปลาชนิดหนึ่ง ทำจากไม้ไผ่สาน ลักษณะคล้ายบุ้งกี๋ ด้านบนจะสานแบบห่างๆ ด้านล่างจะสานแบบถี่ๆ วิธีใช้คือเอาชะนางไปวางหรือไปช้อนปลาในแม่น้ำ ลำคลอง ฯลฯ) เรื่องนี้จบลงตรงที่ว่าในวันนั้นทั้งวัดยายเขียดจับปลาไม่ได้สักตัว แต่กับใช้ชะนีช้อนได้พระพุทธรูปองค์เล็กขึ้นมาได้หนึ่งองค์ ยายเขียดจึงได้นำพระพุทธรูปองค์นั้นมอบให้กับพระภิกษุองค์หนึ่งที่จำพรรษาอยู่ที่วัดท่าเรือ ต่อมาพระภิกษุองค์นั้นได้ย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดอื่นพร้อมกับไปนำพระพุทธรูปที่ยายเขียดถวายให้ติดตัวไปด้วย จนในที่สุดท่านได้เดินทางมาถึงบ้านยางแดง ท่านได้สร้างที่พักชั่วคราวเพื่อใช้เป็นสถานที่แปรรูปไม้เพื่อนำมาใช้สร้างกุฏิ จนเมื่อมีชาวบ้านเข้ามาจับจองพื้นที่สำหรับสร้างบ้านเรือน โรงไม้แปรรูปได้กลายมาเป็นที่พักสงฆ์ และพัฒนาขึ้นเป็นสำนักสงฆ์และเป็นวัดยางแดง ในปี ๒๔๑๙ การเปลี่ยนสถานะดังกล่าวส่งผลให้พระพุทธรูปพระยายเขียดตกเป็นสมบัติของวัดยางแดงทันทีและเมื่อทางการได้แบ่งเขตการปกครองวัดยางแดงจึงได้รับการเปลี่ยนชื่อมาเป็น “วัดนิคมสถิตย์” นับเวลาจากการพบพระพุทธรูปพระยายเขียดจนถึงวันนี้ก็เกินกว่า ๑๕๐ ปีแล้วครับ สำหรับตำนานอภินิหารของ “พระพุทธรูปพระยายเขียด” นั้นต้องบอกว่ามีมากมายเล่าขานกันไม่หวาดไม่ไหว อย่างที่ปรากฏตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ เช่น ชาวบ้านถูกคนร้ายยิงปืนใส่ ๓ นัด กระสุนทะลุหมวกกันน็อคถูกบริเวณศรีษะ หลังและแขนซ้าย แต่ไม่เข้าเป็นเพียงรอยช้ำ หรือ กรณีเกิดเหตุระเบิดโดยชาวบ้านที่มีพระยายเขียดติดตัวยืนห่างจากจุดระเบิดเพียง ๕ เมตร เสื้อผ้าขาดวิ่นแต่ไม่ได้รับอันตราย ส่วนบุคคลอื่นที่อยู่ในรัศมีได้รับบาดเจ็บ ๓ เสียชีวิต ๑ จริงอยู่เรื่องอภินิหารเหล่านี้ฟังดูแล้วค่อนข้างตื่นตาสำหรับพวกเรา แต่ถ้าเป็นในพื้นที่แล้วค่อนข้างธรรมดาครับ เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปพระยายเขียดนั้นมีมากกว่าที่พวกเราคิดครับ อย่างเช่นเรื่องของการบนบานศาลกล่าวหรือการกล่าวคำสาบาน “สมัยก่อนบ้านเมืองยังไม่เจริญ เวลามีเรื่องหรือมีปัญหาต่างๆ เช่น ขโมยของ ผัวเมียทะเลาะ ฯลฯ ชาวบ้านก็จะพากันมาสาบานกันต่อหน้าพระยายเขียด” พ่อท่านจวนได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในสมัยก่อนให้พวกเราฟังด้วยสำเนียงสุ้มเสียงที่บ่งบอกว่าเป็นผู้มีอารมณ์เย็น ก่อนจะเน้นย้ำว่า “หลายรายแล้วที่เสียชีวิตเพราะผิดคำสาบาน” เห็นพ่อท่านขมังเวทย์อย่างนี้ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์อย่างนั้น แต่เมื่อท่านฟังเรื่องราวอภินิหารที่พวกเราขุดขึ้นมาเล่า ท่านกลับนิ่งเงียบ มีบางครั้งท่านก็จะหันไปมองยังโต๊ะหมู่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ก่อนพูดกับพวกเราว่า “คุณพระรัตนตรัย บารมีของพระยายเขียดมาช่วยไว้” ได้ยินแล้วต้องอมยิ้มกับการเสี่ยงระเบิดลงใต้ครับ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ คำพูดของท่านแสดงให้เห็นว่า ท่านไม่เคยหลงว่าการที่คนรอดตาย ไม่ได้เป็นเพราะตัวของท่านเลย หากแต่เป็นเพราะบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้อัญเชิญมาสถิตย์ในวัตถุมงคลต่างหาก ผมถามทัศนคติกับการดำเนินชีวิตท่ามกลางความหวาดระแวง “ชีวิตไม่มีอะไรหรอก การทำงานคือชีวิต ชีวิตคือการทำงาน การทำงานคือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมคือการทำงาน ชีวิตคือการมาคนเดียวแล้วก็ไปคนเดียว กลัวอะไรกับความตาย อยู่ก็ต้องอยู่ให้มีประโยชน์ ทำก็ให้ทำเพื่อผู้อื่น นั่นแหละคือการดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าของชีวิต” ครับ การทำความรู้จัก การทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเรื่องของชีวิต วัฒนธรรม วิถีแห่งผู้คน จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยหากเราไม่ออกไปพบปะกับผู้อื่น “วัดยางแดง-พระพุทธรูปพระยายเขียด-พ่อท่านจวน” ทั้งหมดนี้ทำให้ความหมายในการเดินทางของพวกเราครั้งนี้เพิ่มพูนมากขึ้น รักจะเดินทางบนถนนเส้นนี้อยากถึงใจต้องไปให้ถึงที่ครับ ถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มีประโยชน์ต่อสังคมและคนหมู่มาก ก็ต้องมุมานะทำต่อไป ปรับปรุงแก้ไขได้แต่อย่าล้มเลิก เพราะที่สุดแล้วจะต้องมีคนเห็นความตั้งใจดีและตั้งใจจริงของเราแน่นอน สมดุลของธรรมชาติทั้งภายนอกและภายในเป็นสิ่งที่เรียกคืนได้ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้และชัดเจน “อยู่ก็ต้องอยู่ให้มีประโยชน์ ทำก็ให้ทำเพื่อผู้อื่น นั่นแหละคือการดำรงอยู่อย่างมีคุณค่าของชีวิต” สวัสดีครับ ขอขอบคุณ คุณเพชร สำหรับข้อมูลและภาพถ่าย คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย กับภาพถ่ายเช่นกัน เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำ คุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี กับกำลังใจที่มีให้เสมอครับ
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | พฤษภาคม 2013 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |