" ฟองฝัน "                                                                                                           สีน้ำโดย  [email protected]

ขอเล่าต่อเนื่องจากเอ็นทรี่ที่แล้ว

ซึ่งได้เขียนถึงสิ่งที่ได้จากการเขียนบล็อกในปีแรกถึงปีที่ 2

และพักการเขียนบล็อกในปีที่ 3

ครับ...การเขียนบล็อกได้อะไรมากกว่าที่คิด

สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดคือพัฒนาการเรื่องการเขียน การใช้ภาษา

ทำให้เป็นคนชอบค้นคว้า รักการอ่าน รักการบันทึก

รู้จักวิเคราะห์แยกแยะข่าวสารและสนใจติดตามความเป็นไปของบ้านเมือง

รวมถึงมีมุมมองใหม่ๆต่อเรื่องราวที่พบเห็นรอบตัว

และที่สำคัญที่สุดคือ ได้รู้จักสังคมใหม่ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและการแบ่งปัน

.

ปีที่ 4    กลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง

กลับมาเขียนอีกครั้งในปีที่ 4 พร้อมกับแนวทางของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น

การว่างเว้นจากการเขียนบล็อกเกือบหนึ่งปีเต็ม ทำให้มีเวลาทบทวน

และศึกษาวิธีการเขียนของเพื่อนๆในบ้านโอเคหลังนี้

ว่าบล็อกที่มีคุณภาพและได้รับความนิยมเขาทำกันยังไง

ออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าไม่ได้อวดตัวว่าเป็นผู้รู้

เพราะผมเองยังทำได้ไม่ถึงครึ่งในสิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้

เพียงแต่ต้องการถ่ายทอดประสบการณ์จากสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอด 4 ปีเต็ม

ของการเขียนบล็อก เพื่อบอกเล่าให้พี่ๆน้องๆที่กำลังจะเริ่มเขียน

และทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ซึ่งอาจจะไม่จริงทั้งหมด

แล้วการเขียนบล็อกที่ดีควรจะทำยังไง ว่ากันเป็นข้อๆ ตามนี้ครับ

1. ชื่อเรื่องโดนใจ    2. เนื้อในเข้มข้น

           3. บ่งบอกตัวตน    4. ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ

5. เล่าเรื่องมีลีลา    6. ภาษาน่าอ่าน

         7. แวะเวียนบล็อกเพื่อนบ้าน    8. อย่าเกียจคร้านเขียนความเห็น

         9. อัพบล็อกสม่ำเสมอ    10. อย่าเผลอลืมตอบเม้นต์

   11. มีภาพเพลงลูกเล่น    12. อย่าว่างเว้นกิจกรรม

.

 " สวัสดีฤดูฝน "                                                                    สีน้ำโดย  [email protected]

 1.   ชื่อเรื่องโดนใจ

แค่อ่านชื่อเรื่องก็อดใจไม่ไหว ต้องตามเข้าไปอ่าน

คือความสำเร็จขั้นแรกของนักเขียนบล็อก

เพราะทุกๆนาทีของแต่ละวัน เอ็นทรี่ใหม่ๆผุดขึ้นมายังกะดอกเห็ด

และไหลพรวดหายลับไปกับตาอย่างรวดเร็ว

การตั้งชื่อเรื่องจึงเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเตะตา โดนใจชวนอ่าน

แต่ต้องสอดคล้องกับเนื้อหาด้านในด้วยนะครับ

ไม่งั้นจะสร้างความผิดหวังให้คนอ่าน กลายเป็นเพียงเอ็นทรี่เรียกแขก

2.   เนื้อในเข้มข้น

บางคนเขียนเรื่องที่เป็นข่าวในกระแสนิยม

บางคนเขียนถ่ายทอดประสบการณ์ในสิ่งที่พบเห็น

บางคนเขียนเรื่องราวใกล้ตัวที่ตัวเองชื่นชอบ

หรือเรื่องอื่นๆ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน

แต่เนื้อหาที่ดีต้องมาพร้อมกับข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ มีสาระ

และสอดแทรกความคิดเห็นของตัวเองที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

มากกว่าการก็อปปี้ข้อมูลจากแหล่งอื่นมาวางไว้เฉยๆ

.

       " เขาพระวิหาร "                                                                                                           สีน้ำโดย  [email protected]

3.   บ่งบอกตัวตน

บล็อกคือพื้นที่สาธารณะที่เราอยากเขียนเรื่องอะไรก็ได้

แต่ก็ควรเลือกเขียนในสิ่งที่เราถนัดและมีความสุขเมื่อได้เขียน

มากกว่าจะเขียนเรื่อยเปื่อย เพียงเพื่อให้มียอดคนอ่านจำนวนมากๆ

ค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบสิ่งไหนและถนัดเรื่องใด

แล้วหาแนวทางที่จะถ่ายทอดออกมาในแบบฉบับของตัวเอง

ถึงวันนั้นเราจะมีความสุขและสนุกกับการเขียนบล็อก

4.   ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ

การหมั่นฝึกฝนตนเองเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ ไม่เว้นแม้แต่การเขียนบล็อก

ในโลกออนไลน์มีบล็อกเกอร์หลายคนที่เขียนได้น่าอ่าน มีสาระ น่าติดตาม

ลองศึกษาถึงเทคนิคและวิธีการเขียนของเขา

แล้วลองมาปรับใช้กับวิธีเขียนของเรา

อ่านมากๆ เขียนบ่อยๆ ค่อยๆสะสมจนเชี่ยวชาญไปเองครับ

.

            " สวนยางยามเช้า "                                                                                                      สีน้ำโดย  [email protected]

5.   เล่าเรื่องมีลีลา

การเขียนบล็อกก็เหมือนกำลังเขียนเล่าเรื่องสั้นๆเรื่องหนึ่ง

ขึ้นอยู่กับเรา ว่าต้องการสื่อสารให้คนอ่านรู้สึกร่วมกับเรายังไง

ลีลาการใช้ภาษาเป็นสีสันเฉพาะตัวของแต่ละคน

ที่ต้องผ่านการฝึกฝนลองผิดลองถูก

จนกว่าจะค้นพบลีลาการเล่าเรื่องที่เป็นของตัวเอง

6.   ภาษาน่าอ่าน

เชื่อว่าหลายๆคนคงคิดเหมือนกันกับผม

การอ่านและการเขียนบล็อกเป็นส่วนหนึ่งของการพักผ่อน

เหมือนการอ่านหนังสือ ดูละคร ฟังเพลง คุยกับเพื่อน อะไรทำนองนี้

เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครอยากอ่านอะไรที่เป็นทางการมากเกินไป

ภาษาที่ใช้ในการเขียนบล็อกควรเป็นภาษาจากความรู้สึกของตัวเอง

อ่านง่าย อ่านสนุก ประมาณว่าเรากำลังเล่าเรื่องให้เพื่อนๆฟัง

และสำหรับคนที่เขียนบล็อกเพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงความรู้

ก็ต้องใช้ภาษาที่ถูกต้องและน่าอ่านเช่นกัน

.

            " สะพานมอญ สังขละบุรี "                                                                                     สีน้ำโดย  [email protected]

7.   แวะเวียนบล็อกเพื่อนบ้าน

เมื่อเราลงมืออัพบล็อก สิ่งเดียวที่ทำให้เรานั่งอมยิ้มคนเดียวได้ทั้งวัน

คือการที่มีคนจำนวนมากแวะเวียนมาอ่าน และฝากถ้อยคำคอมเม้นต์ไว้

ครับ บล็อกเกอร์คนอื่นๆก็คงเป็นไม่ต่างจากเราหรอก

อยากให้คนมาอ่านมากๆ มาเม้นต์ทักทายกัน

ดังนั้นจึงควรหาเวลาไปอ่านบล็อกของเพื่อนบ้านบ้าง

อย่างน้อยก็ได้อ่านเพื่อพัฒนาบล็อกของเรา

และกระชับความเป็นเพื่อนให้แน่นแฟ้นขึ้น

.

8.   อย่าเกียจคร้านเขียนความเห็น

สิ่งที่เหมือนกันข้อหนึ่งของเพื่อนบล็อกเกอร์ทั้งหลาย

นั้นก็คือความเป็นคนมี จิตอาสา ครับ

การเขียนบล็อกไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดๆ

นอกจากกำไรจากความสุขใจ ที่ได้ถ่ายทอดในสิ่งที่รัก

ฉะนั้นการกดโหวตหรือเขียนคอมเม้นต์หลังเอ็นทรี่ที่เราชอบ

จึงเป็นเหมือนรางวัลเล็กๆแทนกำลังใจมอบให้เพื่อน

เพื่อเติมพลังสำหรับการเขียนในเอ็นทรี่ต่อๆไปให้เราได้อ่าน

สังเกตง่ายๆครับ เอ็นทรี่ไหนที่มีคนอ่าน คนโหวต คนเม้นต์มากๆ

เอ็นทรี่ต่อไปมักจะเขียนดีขึ้น และอัพตามมาติดๆ 555

.

 .

9.   อัพบล็อกสม่ำเสมอ

โห...ข้อนี้ยากมากสำหรับหลายๆคนรวมถึงผมด้วย

เพราะเวลาว่างของแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน

ถ้ามีเวลาไม่มากแต่ต้องให้เลือกระหว่าง

การนั่งเขียนบล็อก กับการเอาเวลาไปทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

ผมว่าเหตุผลหลังย่อมมาก่อนเสมอ  555

แต่ถ้ารักที่จะเป็นบล็อกเกอร์ที่ดี ก็ต้องหาเวลาอัพบล็อกสม่ำเสมอครับ

เพราะในโลกของความจริงคงไม่มีใครจำบล็อกเกอร์

ที่อัพเรื่องหนึ่งเรื่องแล้วหายไปสองสามเดือนหรอกครับ

.

                                                                          10. อย่าเผลอลืมตอบเม้นต์

คอมเมนต์ต่างๆที่อยู่หลังเอ็นทรีของเรา ส่วนหนึ่งมาจากเพื่อนๆที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน

กับอีกส่วนหนึ่งคือคนที่ชื่นชอบและอยากแสดงความเห็นในสิ่งที่เราเขียน

ถือเป็นเรื่องน่าภูมิใจนะเนี่ยะ ที่เขาอุตส่าห์สละเวลามาเม้นต์  5555

ฉะนั้นอย่าปล่อยให้เขาต้องอ้างว้าง สื่อสารอยู่ฝ่ายเดียว

ควรตอบคอมเมนต์ทุกเม้นต์แม้ว่าเขาจะกลับมาอ่านหรือไม่ก็ตาม

ผมว่าการโพสต์เรื่องทิ้งไว้โดยไม่สนใจคอมเมนต์ใดๆ

ไม่ต่างอะไรกับการทิ้งใบปลิวที่ป้ายรถเมล์  แล้วเดินหายไป

.

                                           " ดอกไม้ของกำลังใจ "                           สีน้ำโดย  [email protected]

                                                                           11. มีภาพเพลงลูกเล่น

ถึงแม้เนื้อหาในเรื่องจะดีเพียงใด

แต่ถ้าหน้าบล็อกมีแต่ตัวหนังสือเต็มพรืด ก็ดูขาดเสน่ห์ไปนิด

เราควรมีภาพสวยๆที่เกี่ยวกับเรื่อง มาสลับระหว่างเนื้อหา

ให้คนอ่านได้เว้นจังหวะพักสายตา และเพิ่มอรรถรสในการอ่าน

เพราะบางครั้งภาพหนึ่งภาพ สามารถอธิบายได้เป็นพันถ้อยคำ

ยิ่งได้เพลงเพราะๆ เปิดคลอเบาๆก็ยิ่งได้รสชาติมากขึ้น

แต่ต้องระวังในการเลือกเพลงสักนิด เพราะบางเพลงนอกจากไม่เข้ากับเรื่องแล้ว

ยังทำลายสมาธิในการอ่านบล็อกอีกต่างหาก

แล้วก็อย่าลืมให้เครดิตเจ้าของภาพและเพลงที่เอามาใช้ด้วยนะครับ

ส่วนลูกเล่นการแต่งหน้าตาในหน้าบล็อกก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน

ขอเพียงอย่าเยอะจนดูเหมือนโรงลิเก

.

12. อย่าว่างเว้นกิจกรรม

อิอิ...กิจกรรมที่ว่านี้คือการรวมกลุ่มของชาวโอเคนะครับ

ไม่เกี่ยวกับกิจกรรมอย่างอื่น 555

สังคมโอเคเนชั่น เป็นสังคมที่รวบรวมเหล่าบล็อกเกอร์

ที่มากด้วยอายุ เอ้ย..มากด้วยประสบการณ์ในเรื่องต่างๆกัน

และมักรวมตัวกันทำกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ

การได้ร่วมกลุ่มทำกิจกรรม ก็เท่ากับได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์

กับเหล่าเหล่าบล็อกเกอร์ระดับเซียนทั้งหลาย

จึงไม่ควรพลาดโอกาสดีๆเหล่านี้

เช่นในเวลาใกล้ๆนี้ ก็จะมีกิจกรรมชวนล่องใต้ไปกับทริป

ชิมเมือง...ตรัง ฟังคลื่น...กระบี่

(สงสัยทริปนี้ น่าจะใกล้เต็มแล้วละครับ ต้องรอดูทริปต่อไป)

งานนี้ที่กระบี่มีพี่บ่าวกำหนันเป็นหัวเรือใหญ่ร่วมกับผม ครูตุ๊ก

และบล็อกเกอร์ท้องถิ่นคนอื่นๆ ในฐานะเจ้าบ้าน

พร้อมต้อนรับอยู่ที่กระบี่แล้วครับ

.

.

เขียนมาตั้งยาว คงต้องแค่นี้ก่อนละครับ

ทั้งหมดคือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเขียนบล็อกตลอด 4 ปีเต็ม

แม้ตัวผมเองจะยังทำได้ไม่ถึงครึ่งของที่เขียนไว้ แต่ก็จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

และแอบหวังเล็กๆว่าคงพอเป็นประโยชน์กับท่านทีคิดจะเริ่มเขียนได้บ้าง

แล้วคุณละครับ แต่ละหัวข้อ อ่านแล้วคิดว่าทำได้แล้วกี่ข้อ

ลองเล่าให้ฟังบ้างนะครับ....

.

           " อ่าวไผ่ปล้อง กระบี่ "                                                                                                   สีน้ำโดย  [email protected]

                                                     ตามอ่านเรื่องย้อนหลัง เขียนบล็อก 4 ปีแล้วได้อะไร (1)

                                           http://www.oknation.net/blog/smile-andaman/2013/07/09/entry-1

ขอขอบคุณกราฟฟิกจากทริปล่องใต้ของชาวโอเคเนชั่น ที่ยืมมาใช้โดยที่ยังไม่บอกกล่าว

ขอขอบคุณเพลงประกอบจาก youtube