ทั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มสามเณร ทำให้ทราบว่าส่วนใหญ่ขอเงินบิดามารดาและพยายามเดินสายรับนิมนต์ให้มากขึ้นเพื่อรวบรวมเงินไปฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งในแต่ละครั้งจะใช้เงินประมาณ 2,000-5,000 บาท และการฉีดโบท็อกซ์ไม่เพียงแต่จะเป็นที่นิยมในบรรดาพระสงฆ์-สามเณรเท่านั้น แม้แต่พระ ผู้ใหญ่ระดับเจ้าอาวาสบางรายในจังหวัดเชียงใหม่ยังเคยใช้บริการ

นอกจากนี้ พระสงฆ์-สามเณรกลุ่มนี้ยังฮิตสวมใส่จีวรสีเหลืองอมชมพู โดยรัดผ้ารัดอกให้ เข้ารูปและดึงขึ้นมาเหนืออก พร้อมทั้งดึงผ้าอังสะให้รัดแน่น จนดูคล้ายชุดกิโมโน ส่วนย่ามประจำกายจะเลือกสีอมชมพู และตัดสายสะพายให้สั้นลงส่วนใหญ่มองว่าสวยงามคล้ายสะพายกระเป๋ายี่ห้อหลุยส์วิคตอง

นายวัลลภ นามวงศ์พรหม อดีตเจ้าหน้าที่สังฆการ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าว ความจริงแล้วไม่ผิดวินัยสงฆ์ แต่เมื่อ มีพฤติกรรมที่โลกติเตียน หรือ “โลกะวัชชะ” ผู้ที่พบเห็น สามารถแจ้งไปยังพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งตามขั้นตอนจะมีการว่ากล่าวตักเตือน หรือให้สึกออกจากสมณเพศ

นายจำลอง กิติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ประสานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ให้ขอความร่วมมือไปยังคลินิกเพื่องดให้บริการกับพระสงฆ์-สามเณร

         ได้อ่านข่าวแล้วก็ได้แต่นั่งคิดอยู่ในใจว่าสังคมสมัยนี้นั้นมันเป็นอย่างไร ชายอยากเป็นหญิง หญิงอยากเป็นชาย นี่ก็ไม่วาย ภิกษุ ทั้งหลายอยากที่จะสวยจะงามตามโลกที่เปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าโลกนี่จะเปลี่ยนไปเช่นไร ความศรัทธาในพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้าที่เราเคารพก็จะยังสืบต่อไป เพื่อขัดเกลาจิตใจมนุษย์ตลอดกาล

ขอบคุณข่าวคราวดีๆ จาก

                  http://www.posttoday.com/