Turkey (19) .. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอเรเม่ (Goreme)

ในช่วงราวศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล .. คัปปาโดเจีย ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรโรมัน ผู้คนแถบนี้จึงล้วนเคารพบูชาในเทพเจ้าของกรีกและโรมัน

กระทั่งประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล” ได้เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในแถบนี้ แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้นจะปฏิเสธ และได้ไล่กำจัดทำลายล้างผู้ที่นับถือคริสต์

... จนต้องหลบซ่อนการรังควานของพวกโรมันด้วยการเจาะถ้ำขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์โถงห้อง เกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา ที่สำคัญคือ พวกเขาได้ขุดเจาะบริเวณ “เกอเรเม่” ทำเป็นโบสถ์ถ้ำขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

ครั้นพอถึงคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 เมื่อโรมันยอมรับในศาสนาคริสต์ ทำให้โบสถ์ถ้ำต่างๆ ในเกอเรเม่ได้รับการปรับแต่ง

โบสถ์หลายแห่งมีการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นรูปนักบุญและเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาคริสต์เพิ่มเตม โดยเฉพาะช่วงกลางยุคไบแชนไทน์ในศตวรรษที่ 9-10 ที่ถือเป็นยุคทองของศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเจีย

.. เนื่องจากบ้านเมืองสงบร่มเย็น โบสถ์ถ้ำจำนวนมากได้รับการบูรณะตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอย่างสวยงามในรูปแบบศิลปะไบแชนไทน์เป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัว

แต่ต่อมาอาณาจักรไบแชนไทน์ถูกพวกเติร์กยึดครอง แล้วสถาปนาอาณาจักรออตโตมันขึ้น ดินแดนอนาโตเลียเปลี่ยนผู้ปกครองและพลเมืองอีกครั้งเป็นชาวเติร์กที่นับถือศาสนาอิสลามทำให้โบสถ์ ถ้ำ (คริสต์) แห่งคัปปาโดเจียหมดความสำคัญลงทันที

หลังการสถาปนาสาธารรัฐตุรกี ในปี ค.ศ. 1923 ชุมชนคริสต์ในคัปปาโดเจียและที่อื่นๆ ในประเทศต้องอพยพนอกจากจากจะถูกทิ้งร้างแล้วยังถูกทำลายไปบางส่วน เพราะขัดต่อหลักความเชื่อในศาสนาอิสลามที่ห้ามมีรูปเคารพ

ปี ค.ศ. 1924 มีการร่างสนธิสัญญาโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาเพื่อประกาศอิสรภาพของตุรกี ชาวกรีกได้อพยพออกจากบริเวณนี้ และชาวตุรกีบอลข่านย้ายเข้ามาอยู่แทน

ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกีในปี ค.ศ. 1985

เมือง Goreme ..มีลักษณะคล้ายกับภูเขาดอกเห็ด แต่แท่งหินของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นรูปทรงพีรามิด ฐานกว้าง ยอดเพรียว และภายในมีการเจาะเป็นโพรงไว้นับไม่ถ้วน

ใครบางคนเล่าว่า ... ที่นี่ คือนครศักดิ์สิทธิ์ในยุตแรกๆของผู้นับถือศาสนาคริสต์ เคยเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเกิดจากความคิดของของผู้คนที่เลื่อมใสที่ต้องการเผยแพร่ศาสนา

เราเข้ามาชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Goreme Open Air Museum .. ซึ่งมีลักษณะเป็นนครโบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก

โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ โบสถ์คริสต์ในภูเขาและถ้ำ กำแพงถ้ำ ที่เป็นโบสถ์มรูปเขียนเรื่องราวของพระเยซูและเรื่องราวของคัมภีร์พระคริสต์ คริสต์ศาสนิกชนจากปาเลสไตน์สร้างโบสถ์นี้ไว้ในราวศตวรรษที่ 8-9

สำหรับโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่นั้น ว่ากันว่ามีถึง 365 หลังด้วยกัน (สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) ...

แต่ว่าปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งก็มีโบสถ์ที่โดดเด่นชวนชมหลายแห่ง

โบสถ์มังกร .. มีภาพม้า 2 ตัวสู้กับมังกร โบสถ์คาริกลิ ที่เป็นภาพเขียนสีเกี่ยวกับประวัติพระเยซู

ระหว่างการเดินทางจากโบสถ์แห่งหนึ่ง ไปยังอีกแห่งหนึ่ง .. มีทิวทัศน์สวยๆแปลกตาให้ชม และเก็บภาพอีกมากมาย

โบสถ์แอปเปิ้ล (Apple Church) ... ภายในมีภาพวาดบนฝาผนัง เล่าเรื่องชีวิตของพระเยซู และพระแม่มารี ใช้เทคนิคการวาด 2 แบบ คือ การที้ศิลปินวาดภาพลงบนผนังหิน และอีกแบบคือ การนำดินเหนียวมาเคลือบผนัง ก่อนจะวาดภาพทับลงไป เมื่อดินเหนียวแห้งจะกลืนกับสีของผนังแห่งนั้น

.. เมื่อเดินเข้าไปด้านใน จะพบเพดานโดมอยู่ 2 โดม โดมแรกเป็นภาพวาดชายคนหนึ่ง ที่มีไม้กางเขนอยู่ด้านหลังศีรษะ ทำให้รู้ได้ว่า เป็นภาพของพระเยซู 

ส่วนอีกหนึ่งโดม เป็นภาพวาดของเทวดา หรือวงกลม ซึ่งสวันนิษฐานว่าเป็นผลแอปเปิ้ล .. โบสถ์นี้จึงถูกตั้งชื่อตามภาพวาด

ส่วนโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด เด่นที่สุด และสวยที่สุดก็เห็นจะเป็น“โบสถ์หัวเข็มขัด” (Buckle Church : ในศตวรรษที่ 10 )

ภาพภายในยังสมบูรณ์และดูงดงามไปด้วยเรื่องราวในศาสนาคริสต์

ทั้งภาพพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน ภาพเดอะลาสท์ซัปเปอร์ และภาพอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก

เมื่อเดินมาทางด้านหลัง .. น่าสนใจที่เห็นว่า มีบริการอูฐ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจที่จะไปชมภูมิประเทศที่สวยงามแปลกตาที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ

ภายในบริเวณใกล้ๆ ยังมีโบสถ์เล็กๆอีกหลายแห่ง มีร้านกาแฟเก๋ๆอยู่ในถ้ำเล็กๆ ..

รวมถึงยังมีสถานที่รอให้ค้นหาอีกมากมาย หากมีเวลามาเดินเที่ยวนะคะ