มาอีกแล้วค่ะ มาชวนชิมอาหารที่อร้อย อร่อยจนได้ดาวมาประดับร้านอีกร้าน คราวนี้เป็นร้านอาหารเยอรมันนะคะ แต่เป็นเยอรมันแบบฟิวชั่น แบบมีลูกเล่นพลิกแพลงนิดหนึ่ง อาหารร้านเขาตื่นตาตื่นใจทีเดียว เรียกว่ามาเสริฟแต่ละทีเราก็ต้องมีอุทานอื้อฮืออ้าฮากันไป แล้วไม่ใช่แค่ตื่นตาตื่นใจรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวนะคะ รสชาติยังอร่อยมากๆ อีกด้วย เรียกว่า (อีกครั้ง) ส่งเข้าปากไป เคี้ยวปุ๊บ เราก็ต้องอุทานอื้อฮืออ้าฮากัน (อีกครั้ง) น่ะค่ะ อันที่จริงบ้านเราได้ยินชื่อร้านนี้มาจากคุณเชฟ Daniel Bucher นานมาแล้วว่าน่าไปลองนะ แต่เรายังไม่มีโอกาสเหมาะเจาะเสียที จนกระทั่งวันนี้วันที่คุณมิชลินไกด์มาย้ำเตือนว่า ยูมีร้านอาหารเยอรมันน่าไปลองในกรุงเทพฯ นะ ไอยังติดใจขนาดให้ไปหนึ่งดาวมิชลินเลย บ้านเราโดยไอเดียของผู้นำครอบครัวเลยเห็นว่า น่าจะถึงเวลาที่เราจะต้องไปลองลิ้มชิมรสเสียทีล่ะ ดังนั้นค่ะ เย็นนี้เราก็มาถึงยังหน้าร้าน Suhring ซอยเย็นอากาศ 3

มาถึงกันเร็วมาก ร้านยังไม่เปิดเลยค่ะ ร้านเขาเปิดห้าโมงครึ่งเย็นเป็นต้นไปนะคะ ฉะนั้น ถ่ายรูปด้านหน้าร้านกันก่อน เหมือนบ้านโมเดิร์นๆ ในสวนสวยนะคะ

จากนั้นพอร้านเปิดปุ๊บ เราก็สามารถเดินตามทางเดินเล็กๆ ทอดผ่านสนามหญ้าและสวนกระทัดรัดแต่ร่มรื่นมายังตัวร้าน

ระหว่างทาง แวะถ่ายรูปสักนิด ให้ความรู้สึกประมาณยืนอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน

ผลักประตูกระจกใสก้าวเข้ามาในร้าน จะพบเห็นคุณกบแต่งทักซิโด้ยืนต้อนรับพร้อมแจกนามบัตรร้าน Suhring

ผ่านคุณกบมา ซ้ายมือจะเห็นดาวมิชลินตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หนึ่งดวง รับประกันได้ว่าร้านนี้อร่อยควรค่าแก่การมาเยือนแน่นอนค่ะ

ฉะนั้น จะรออะไรอีกล่ะ จริงไหมคะ ตามผู้นำครอบครัวลาดพร้าวฯ ขึ้นไปยังโต๊ะอาหารของเราในเย็นนี้กันเลย เรามากินกันในส่วนที่เรียกว่า Living Room นะคะ

บรรยากาศโต๊ะอาหารของเราเป็นส่วนตัวมากๆ ค่ะ เพราะตรงชั้นลอยนี้มีโต๊ะเราแปดคนตั้งได้โต๊ะเดียวเท่านั้น !!!

นั่งโต๊ะตามลำดับยศกันเป็นที่เรียบร้อยชมกุหลาบงามกลางโต๊ะกันก่อนเลยค่ะ ดอกโต๊ โตนะคะ

เมนูมาแล้วค่ะ เขามีเมนู 9 คอร์ส เมนู 12 คอร์สให้เลือกกินตามอัธยาศัย แต่ไหนๆ เรามาทั้งที เลือกเมนูคลาสสิคที่มี 12 คอร์สกันเลยดีกว่าค่ะ ได้ชิมฝีมือคุณเชฟฝาแฝดเจ้าของร้านกันแบบเต็มๆ เอ๊ะ! ลาดพร้าวฯ เล่าหรือยังคะว่า เจ้าของร้าน Suhring นี่เขาเป็นเชฟฝาแฝดชาวเยอรมันชื่อคุณ Thomas และคุณ Mathias

เมนูอาหารเขาแปลกดีค่ะ ท่าทางคุณเชฟจะเป็นคนรักเรียนแบ่งอาหารเป็นบทๆ บทที่ 1 อาหารกินเล่น บทที่ 2 อาหารกินจริง และบทที่ 3 อาหารกินเป็นของหวาน อ้าว! เขาแบ่งเป็นบท (Chapter) จริงๆ นะคะ แต่ชื่อบทนี่ลาดพร้าวฯ ว่าเองล่ะค่ะ

แน่นอนเหลือเกินว่า การกินอาหารฝรั่งนี่ มันต้องคู่กับไวน์ เคล้าคลอไวน์กันไปนะคะ ถึงจะสมบูรณ์ และสมบูรณ์ที่สุดคือต้องมีทั้งไวน์ขาวและไวน์แดงอย่างที่คุณพ่อลาดพร้าวฯ ทำการสั่งมานี่ล่ะค่ะ สมบูรณ์แบบ

มีไวน์เรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นจะรออะไรอีกเล่า อาหารมาเลยค่ะ นักเรียนเปิดบทที่ 1 กันเลย บทที่ 1 เริ่มต้นด้วยของกินเล่นที่เรียกกันว่า เบอร์ลินโดนัท (Berliner Pfannkuchen) เป็นของกินจากเบอร์ลินบ้านเกิดของเชฟ แต่ทว่าเบอร์ลินโดนัทจริงๆ นั้นเขาเป็นแบบหวานนะคะ สอดไส้ด้วยแยมหรือคัสตาร์ดหรือชอคโกแลต แต่เบอร์ลินโดนัทของที่นี่สอดไส้ด้วยทรัฟเฟิลครีม วางทับไว้ด้านบนด้วยวินเทอร์ทรัฟเฟิล อร่อยครีมมันเค็มหอมทรัฟเฟิล

พลิกต่อไปที่จานที่สองของบทที่ 1 ค่ะ Storhappen ตอนคุณพนักงานยกมาเสริฟก็มาแบบเก๋ทีเดียวเชียวค่ะ เป็นกล่องสี่เหลี่ยม 

แล้วพอเปิดออกมาก็เป็นปลาสเตอร์เจี้ยนจากโครงการหลวงห่อด้วยบัทเทอร์มิ้ลค์เจลลี่ เลมอนเจลลี่ วางบนขนมปังชิ้นสี่เหลี่ยมหนึบๆ กรุบๆ

ยังอยู่ในบทที่ 1 นะคะเป็นอาหารอย่างที่สาม Hackerle Tartlet บนทาร์ตแป้งบางกรอบถ้วยเล็กๆ รูปทรงประมาณกระทงทองบ้านเราเป็นเนื้อปลากระพงขาวหมักเค็มกับโฟมแตงกวาดอง

ต่อไปค่ะ แหม! แต่ละคำในบทที่ 1 นี่มันช่างเอร็ดอร่อยเสียเหลือเกินนะคะ ทำให้ใจจดใจจ่อว่าคำต่อไปจะอร่อยอย่างไรหนอ และก็อร่อยอย่างนี้ค่ะ Obatzda เปาะเปี๊ยะที่ทำจากเพรทเซลสอดไส้ด้วยชีสคามองแบร์ผสมแรดิชครีมและกระเทียม

ปิดท้ายบทแรกนี้ด้วย Currywurst & Molle  

 ประกอบไปด้วยเบียร์ผสมเลมอนเนดในแก้วเบียร์ใสใบจิ๋วๆ

มันฝรั่งทำอย่างไรก็ไม่ทราบ ทอดอย่างไรก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าอร่อยมาก กรอบมาก มันฝรั่งมากมากค่ะ

และกล่องขาวใบจิ๋วนี้ ข้างในจะมีอะไรน้า

ต้องชนแก้วเบียร์กันก่อนค่ะ แล้วจะเฉลย

เฉลยเลยนะคะ เปิดฝากล่องมาเป็นไส้กรอกกับผงกะหรี่ค่ะ คุณเชฟเข้าใจคิดนะคะ เป็นการเสริฟอาหารประจำชาติเยอรมันไส้กรอกกับเบียร์แบบน่ารักมากๆ (เล็กมากๆ ด้วยค่ะ)

จบบทที่ 1 แน่นอนว่าต้องตามมาด้วยบทที่ 2 นักเรียนพร้อมหรือยังคะ พร้อมไม่พร้อมครูลาดพร้าวฯ ก็ขอเล่าล่ะค่ะ (แล้วจะถามไปเพื่อ...555) อาหารรายการแรกในบทที่ 2 นี้เริ่มต้นด้วย Eingelegte Sardine ปลาซาร์ดีนดองจัดวางมาบนชิ้นมันฝรั่งสวยงามราวกับงานศิลปะเคียงด้วยมันฝรั่งบด บีทรูทสีเหลืองดอง แล้วมีผักสมนุไพรเล็กๆ ประดับ รสออกเปรี้ยวนำค่ะ

กินไปกินมา คุณแม่ลาดพร้าวฯ ชักจะสงสัยค่ะว่า เอ๊ะ! อาหารเยอรมันนี่เขาไม่มีขนมปังกับเนยให้กินรึ ท่าทางทางร้านจะได้ยินค่ะ มาแล้วค่ะขนมปัง อยู่ในรายการที่ 2 บทที่ 2 นี่เอง Brotzeit – for sharing คุณเชฟจัดมาแบบประมาณเวลาพักผ่อน ไปนั่งปิคนิคกัน มีขนมปัง มีเนย มีเทอรีนตับหมู มีแตงกวากับหอมดอง ใครใคร่กินแบบไหนกินนะคะ จะป้ายเนยบนขนมปังแล้ววางเทอรีนตับหมู หรือจะป้ายเทอรีนตับหมูแล้ววางแตงกวากับหอมดอง ได้ทั้งนั้นค่ะ

แถมเขามีที่คีบเล็กๆ แบบนี้ไว้ให้คีบวางด้วยค่ะ เก๋เนอะ

ต่อกันที่จานต่อไปในบทที่ 2 เรายังอยู่ในบทที่ 2 นะคะ ปลาอีกครั้งค่ะ หลังจากปลากระพงขาวไปก็แล้ว ปลาซาร์ดีนไปก็แล้ว คราวนี้ปลาค้อดบ้างค่ะ เสริฟมาในซุปที่มีถั่วเลนทิลและน้ำมันเรพซีด ปลาเขาเนื้อแน่นสดเด้ง รสชาติดีมากๆ

แล้วยังมีของให้เติมในถ้วยปลาค้อดอีกเป็นขนมปังกรอบๆ ถั่วเลนทิลและอะไรสักอย่างนี่ล่ะค่ะ เติมลงไปก็จะเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบให้กับซุปปลานะคะ

ชักอิ่มเหมือนกันนะคะนี่ เห็นอย่างละเล็กอย่างละน้อยก็เถอะ ยังมีรายการต่อไปเป็นพาสต้าอีกค่ะ เยอรมันพาสต้า Spatzle เป็นเส้นทำจากไข่นุ้ม นุ่มผัดมากับชีส เห็ด และหอมทอด อร่อยมากมาก ว่าอิ่มอิ่มจะกินไหวหรือนี่ ปรากฎกินหมดเลยค่ะ

ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงรายการสุดท้ายของบทที่ 2 แล้ว เป็นอาหารจานหลักเป็นเป็ดคะ แล้วไม่ใช่เป็ดทั่วไปนะ เป็นเป็ดที่มาไกลจากฮ้งการีโน่น ย่างบนเตาถ่านก่อนแล้วเอามาอบในฟางจนฮ้อม หอม ควันฉุย

เวลาเสริฟ เสริฟเคียงมาด้วยเกี๊ยวเป็ดในซุปใสเห็ดและตับเปิดบดค่ะ

ขอถ่ายให้เห็นเกี๊ยวเป็ดในน้ำซุปใสเห็ดชัดๆ มันอร่อยดีค่ะ หอมจัง นุ่มจัง กลมกล่อมจังค่ะ

จบบทของคาวทั้งสองบทเป็นที่เรียบร้อย ต่อด้วยบทที่ 3 ที่หวานอร่อยกันเสียเลย รายการหวานอร่อยแรกของบทที่ 3 คือ Our gin&tonic ของหวานและเย็นสีขาวสวยนี้ประกอบไปด้วยบัทเตอร์มิ้ลค์โฟม แตงกวา และยินโทนิค ฟังดูอาจจะคิดไม่ออกว่าอร่อยแค่ไหน แต่ถ้าได้ชิมจะต้องอุทานว่าอร้อย อร่อยและสดชื่นมากมากค่ะ

ต่อด้วยรายการที่ 2 ของบทที่ 3 เป็นขนมหวานประจำชาติเยอรมันเลย Schwarzwalder Kirschtorte หรือเค้กแบล๊คฟอเรสต์ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง แต่ร้านหนึ่งดาวมิชลินอย่าง Suhring ย่อมไม่เสริฟในรูปแบบธรรมด๊า ธรรมดาอยู่แล้วนะคะ เป็นเค้กแบล๊คฟอเรสต์ที่มาสวยเก๋เช่นนี้ ทุกส่วนประกอบล้วนเป็นส่วนประกอบของเค้กแบล๊คฟอเรสต์ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น Kirschwasser เหล้าเชอรี่ ซาวร์เชอรี่ สปองจ์เค้ก วิปครีม และชอคโกแลตขูด

 รายการที่ 3 มาเป็นกล่องอีกครั้ง Sussigkeitenbox

กล่องขนมหวานนี้ตามลิ้นชักต่างๆ มีทั้งเร้ดเบอร์รี่อัลมอนด์เค้ก ชอคโกแลตบราวนี่ ชอคโกแลตทรุฟเฟิล เจลลี่ที่ทำจากส้มเลือดและเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ และคุ้กกี้วานิลลา ลาดพร้าวฯ ชอบชอคโกแลตทรุฟเฟิลที่สุดค่ะ เข้มข้น อร่อยมากมาก

ปิดท้ายจริงๆ ปิดเล่ม จบบริบูรณ์ด้วยขวดนี้ค่ะ Omas Eierlikor มันคือเอ้กน็อค (Eggnog เครื่องดื่มยอดนิยมช่วงเทศกาลคริสต์มาส มีส่วนผสมของไข่กับเหล้ารัม หรือเอล หรือเหล้าเชอรี่ ประมาณนี้) เอ้กน็อคที่เสริฟในร้านแห่งนี้เป็นสูตรของคุณยายหรือคุณย่านี่ล่ะนะคะของคุณเชฟเลยค่ะ อร่อยเข้มและข้นมาก ประมาณดื่มนมข้นหวานใส่เหล้า หวาน มัน หอม และมึนค่ะ

ก่อนกลับคุณพนักงานเสริฟนำหนังสือเล่มเหมือนเมนูเล่มนี้มาให้ชม

มันคือสูตรอาหารของคุณยายหรือคุณย่าของคุณเชฟนี่ล่ะค่ะ จดไว้ละเอียดยิบทีเดียว มิน่าเล่าคุณเชฟถึงปรุงอาหารได้อร่อยนักอร่อยหนานะคะ เดี๋ยวลาดพร้าวฯ ต้องไปค้นหาตำราคุณยายกะคุณย่าลาดพร้าวฯ บ้างล่ะค่ะ พูดไปจะหาว่าคุย แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก่อนจบมื้อเย็น ณ เย็นอากาศ ขออวดสักนิดเถอะว่า คุณยายกะคุณย่าของลาดพร้าวฯ นั้นทำอาหารอร่อยไม่เป็นสองรองใครนะเออ จะบอกให้...