ช่วงนี้ฝนตกบ่อย โดยเฉพาะตอนเย็น ที่ใครๆที่เป็นชาวเมือง กำลังมุ่งหน้าไปออกกำลังกายกัน กลุ่มคนที่ออกกำลังกายในร่ม เช่น ฟิตเนส อาคารออกกำลังกาย คงไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับคอกีฬาที่ชอบออกกำลังกลางแจ้งที่ไม่ยอมแพ้ต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ก็มีเทคนิคต่างๆ ที่จะทำให้ออกกำลังกายได้ที่พบสำหรับพวกชอบวิ่ง เดิน ออกกำลังกาย (ผู้เขียนด้วย) อาทิ กางร่มวิ่งกันไปเลย (เท่ไปอีกแบบ) ใส่หมวก เอาผ้ามาคลุมศรีษะ บางคนใจถึงวิ่งตากฝนไปเลย บางคนไปยืนแอบตามศาลาพอฝนซาก็วิ่งต่อ อีกกลุ่มถอดเสื้อเอามคลุมศรีษะ (แบบนี้เห็นแต่ผู้ชายทำนะ)

          สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยก็ช่วยให้มีแรงกระตุ้นในการไปออกกำลังกายกันนะ เวลานีที่ฮิตกันมากๆก็คือ สวนสาธารณะ จังหวัดไหน เทศบาลไหน เมืองไหน (ยกมือขึ้น) มีสวนสาธารณะที่ครบวงจรการออกกำลังกายก็ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตกันไป ดิฉันอยู่จังหวัดนนทบุรี ไปใช้สวนสาธารณะเป็นประจำที่ศาลากลางจังหวัด ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็มีต้นไม้เขียวชอุ่มยกเว้นเวลาฝนตกอาจมีกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์ให้เชยชมอยู่บ้าง คนที่ไปออกกำลังกายและพักผ่อนมึทุกกลุ่มวัยเพราะมีสนามเด็กเล่นด้วย จึงพบผู้คนจำนวนมากขอย้ำว่ามากทีเดียว ออกกำลังกายกันที่เห็นเป็นประจำ คือ วิ่ง เดิน เตะตะกร้อ แอโรบิค

          หากหันไปมองมาตรฐานพื้นที่สาธารณะของชาวเมืองทั้งหลายก็ทราบว่าของประเทศไทยใช้ค่า 10 ตารางเมตรต่อคน เมื่อหันไปดูรายงานสถานการณ์เมืองน่าอยู่ก็พบว่าพื้นที่สาธารณะของคนที่อยู่อาศัยในเมืองของไทยเราในเทศบาลนครมีค่าเฉลี่ยแค่ 4.38 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้นเอง เทศบาลเมืองเฉลี่ย 9.08 ตารางเมตรต่อคน ส่วนเทศบาลตำบลเฉลี่ย 7.94 ตารางเมตรต่อคน ดูซิยังต่ำกว่ามาตรฐานของประเทศนะ เมื่อไปดูมาตรฐานของประเทศอื่น   ก็จะอยู่ที่ 15 ตารางเมตรต่อคน ดูแล้วชาวเมืองในเมืองไทยจะต้องทบทวนกันแล้วกระมังว่าเราจะหาพื้นที่ว่างที่เป็นพื้นที่สีเขียวกันได้อย่างไร หากรัฐในท้องถิ่นไม่เห็นความสำคัญกัน พื้นที่สีเขียวในเขตชานเมืองรอบๆกรุงเทพกำลังกลายเป็นหมู่บ้านไปหมด หมู่บ้านชั้นดีเท่านั้นที่จะมีการจัดแต่งพื้นที่สวนสวยงาม หมู่บ้านชั้นกลางและต่ำกว่าก็จะเต็มไปด้วยตึก บ้านและถนนพื้นที่ว่าง พื้นที่สีเขียวหาได้น้อยมาก คอนโมเนียมก็เช่นกัน ประเทศสิงคโปร์จะมีกฎหมายบังคับเรื่องระยะห่าง ต้องมีพื้นที่สีเขียว ของไทยมีหรือยังหนอ คอนโดก็ผุดรอรับรถไฟฟ้ากันใหญ่  สงสารคนในเมือง (ตัวเองจัง)