หากถามว่า “ชุดความรู้” ใดที่ส่งผลรุนแรงแต่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมมากที่สุด ชุดความรู้ที่ว่านั้น คงได้แก่ SPIN Selling . SPIN คือ “ชุดคำถาม” ที่ถูกออกแบบโดยฝรั่งมังค่าเพื่อใช้ฝึกสอนพนักงานขายให้เป็น “นักขายมืออาชีพ” ด้วยการใช้ “คำถาม” 4 ชุด กระตุ้นความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าให้เกิดขึ้นเพื่อจะได้ปิดการขายได้สำเร็จในเวลาที่ต้องการ แน่นอนว่า มันถูกออกแบบมาให้สร้างผลลัพธ์แบบ Win Win ผมจึงเลือกเอาเทคนิคมาฝึกฝนและใช้งานอย่างสม่ำเสมอนานหลายปี ก่อนที่ “ความรู้” จะตกผลึกกลายเป็น “ความเชี่ยวชาญ” . SPIN เวอร์ชั่นที่ผมนำมาพัฒนาต่อยอดจากที่อาจารย์ได้ฝึกสอนผมสมัยผมทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิต ผมนำมันมาประยุกต์ให้ใช้ทั้งการเขียน Sale Content (คอนเทนต์ขายสินค้า) รวมถึง Value Content (บทความขายตัวเอง) แบบออนไลน์ และใช้ฝึก Role Play Test Script ทางโทรศัพท์ให้กับผู้เรียนซึ่งเป็นพนักงานขายที่ต้องพบปะลูกค้าแบบออฟไลน์ . และมันน่าขำก็ตรงที่ว่า ยิ่งใช้งานนานไป ผมกลับมองเห็นว่าหัวใจของ SPIN ไม่ต่างจากหลัก “อริยสัจ 4” ของพุทธศาสนาเลย กล่าวคือ . SPIN (เวอร์ชั่นที่ผมต่อยอดแล้ว) จะประกอบด้วยคำถาม 4 คำถาม คือ 1. คำถามที่ทำให้รู้ “ปัญหา” (Situation Question) 2. คำถามที่ทำให้รู้ “สาเหตุ” (Problem Question) 3. คำถามที่ทำให้รู้ “ผลกระทบ” (Implication Question) 4. คำถามที่ทำให้รู้ “ทางแก้” (Needs Pay-Off Question) . ซึ่งหากเทียบเคียงกับหลัก “อริยสัจ 4” หน้าตาจะเป็นแบบนี้ 1. ทุกข์ คือ ปัญหา 2. สมุทัย คือ สาเหตุ 3. นิโรธ คือ ผลกระทบ 4. มรรค คือ ทางแก้ . สรุป พระพุทธเจ้าใช้ SPIN เทศนาสอนคนมากมายให้พ้นทุกข์มา 2,500 กว่าปีแล้ว ยิ่งเห็นแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจในทักษะนี้ว่าเป็น “อกาลิโก” (ใช้ได้ผลไม่จำกัดกาล) . ผมไม่ได้ยกตัวอย่างการใช้งานประกอบในบทความนี้ เพราะนอกจากจะทำให้บทความนี้ยาวเกินไปแล้ว มันยังไม่ใช่วัตถุประสงค์ของบทความนี้ด้วย บทความชิ้นนี้ผมต้องการแสดงให้เห็นว่า ความรู้ชุดนี้ทำให้ผมเป็น “โค้ช” ได้อย่างไร . ถ้าเป็นแต่ก่อน เวลามีคนมาขอคำปรึกษาอะไรจากผม ความอวดรู้และอวดดีในตัวผมก็จะผลักดันให้ผมให้คำแนะนำด้วยวิธีการของผมจากมุมมองของผมแก่คนๆนั้นทันที กว่าจะรู้ว่าไม่ควรทำก็ พลาดไปซะเยอะแล้ว . พอ “ความรู้” ในการใช้ SPIN ตกผลึกจนกลายเป็น “ความเชี่ยวชาญ” ทุกวันนี้ เมื่อมีคนนำ “ปัญหา” มาขอคำแนะนำจากผม สิ่งที่ผมจะทำเป็นอันดับแรกก็คือ ถามคำถามเพื่อตรวจสอบว่าสิ่งที่เขาบอกว่าเป็น “ปัญหา” นั้น เป็น “ปัญหาจริงๆ” หรือเป็น “ปัญหา” จากการคิดไปเองรู้สึกไปเองของตัวเขาเอง . พอผ่านกระบวนนี้คัดกรองนี้แล้ว สมมุติว่า สิ่งที่เขามาขอคำปรึกษา คือ “ปัญหาจริงๆ” ที่ต้องได้รับการแก้ไข ขั้นตอนต่อมา ผมจะถามว่า “แล้วทราบหรือไม่ว่าปัญหานั้นเกิดจากสาเหตุอะไร?” . กระบวนการนี้สำคัญมาก หากเขาไม่มีสติปัญญามากพอจะมองเห็นสาเหตุที่แท้จริงได้ ยากนักที่เขาจะแก้ปัญหานั้นให้จบได้ผ่านคำแนะนำของคุณ หรือแม้แต่วิธีการที่เขาคิดได้จากตัวเขาเอง เมื่อเกิดไฟไหม้ เขาต้องรู้ก่อนว่าจะดับไฟที่ไหน จริงไหมครับ เมื่อผ่านขั้นตอนของการกระตุ้นให้เขาค้นหาสาเหตุของปัญหาด้วยตัวเขาเองแล้ว ขั้นตอนต่อมา ก็ถึงเวลาที่จะ Inception นั่นคือการใส่ความเชื่อใหม่ลงไป ซึ่งผมจะทำเช่นนั้นได้ ผมต้องทำให้เขารู้สึกว่า “ความเชื่อ” ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความคิดของเขาเอง ผมจะกระจุ้นให้เขาตอบว่า หากไม่แก้ไขในวันนี้ด้วยวิธีการที่ถูกที่ควร เขารวมถึงคนที่เกี่ยวข้องกับเขาจะได้รับผลร้ายอะไรบ้าง และถ้ามันเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริงๆ เขาจะ “รู้สึก” ไม่ดีขนาดไหน . เมื่อเขารับรู้ถึง “ผลกระทบ” ที่จะเกิดขึ้นได้ที่แล้ว ผมจึงจะเริ่มกระบวนการสุดท้ายนั่นคือ การขายวิธีแก้ปัญหาให้เขา แต่อย่าคิดว่าผมจะแนะนำมันด้วย “วิธีการของผม” นะครับ ผมจะกระตุ้นให้เขาหา “วิธีการของเขา” ที่เหมาะสมในแบบที่สติปัญญาของเขาตอนนั้นจะคิดได้ . มีความต่างกันอย่างมากในผลลัพธ์ที่ได้ เพราะในขั้นตอนนี้ ต่อให้ “วิธีการของคุณ” จะยอดเยี่ยมและฟังดูน่าสนใจแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าบารมีของเขายังไม่ถึง การนำวิธีการของคุณไปใช้ อาจไม่ได้ผล แล้วท้ายที่สุด คนคิดลบ(ซึ่งธรรมชาติส่วนใหญ่ของคนที่มีปัญหามักเป็นเช่นนั้น) ก็จะโยนความผิดมาให้คุณ โทษฐานที่ให้คำแนะนำอะไรก็ไม่รู้ พอนำไปทำแล้วชีวิตกลับพบความล้มเหลว ซึ่งอันที่จริงเขาอาจลืมไปว่า ตัวเขาเองล้มเหลวอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมาขอคำปรึกษา . แต่ถ้าผู้มาขอคำปรึกษาเป็นลูกศิษย์ที่อยู่ในความดูแลของผมอยู่แล้วในการฝึกทักษะในคลาสต่างๆ ถ้าวิธีของเขา ฟังดูแล้วไม่น่าจะเวิร์ค และผมประเมินแล้วไม่น่าจะได้ผล ผมจะแนะนำวิธีการที่เหมาะสมกับเขาในตอนนั้นให้ทันที ซึ่งผลลัพธ์ส่วนใหญ่ที่ได้ออกมาน่าพอใจ . หรือคุณอยากจะเป็น “นักเขียน” ที่ขายงานตัวเองได้ดี เขียนงานแล้วน่าสนใจ SPIN Selling คือชุดทักษะที่เหมาะมากๆที่คุณควรฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ เพราะคนแรกที่ได้ประโยชน์จากเทคนิคนี้ คือตัวคุณเองเสมอ . ประโยชน์ที่ได้จากการฝึก SPIN Selling ก็คือ ช่วยทำให้ชุดความคิดของคุณเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการพูดที่กระชับ ตรงจุด ไม่เวิ่นเว้อ ช่วยทำให้คุณเขียนบทความได้ดี กระชับ ไม่สะเปะสะปะหรือล้นจนเกินพอดี ช่วยทำให้คุณรับฟังปัญหาของคู่สนทนามากขึ้น ช่วยทำให้คุณใส่ใจปัญหาของอีกฝ่ายมากขึ้น แทนการสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ช่วยทำให้คุณเป็น “นักขาย” และ “นักเขียน” ที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ท้ายที่สุด ช่วยให้คุณทำหน้าที่ให้คำแนะนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็น “โค้ช” หรือไม่ก็ตาม . บรูซ ลี กล่าวว่า “ผมไม่เคยกลัวคนที่ฝึกเตะมาหมื่นท่า ผมกลัวคนที่ฝึกเตะท่าเดียวมาหมื่นครั้ง” แต่ที่เห็นทุกวันนี้ คือคนอยากขายเก่งหลายคนแห่ไปเรียนเทคนิคการขายกันจนกลายเป็น “อายุน้อยร้อยคอร์ส” เพราะเอาแต่เรียนๆๆ แต่ไม่ยอมฝึกฝนทักษะใดทักษะหนึ่งให้เชี่ยวชาญสุดทางเสียก่อน . อันความรู้รู้กระจ่างเพียงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล การฝึกฝน SPIN Selling ก็ไม่ต่างอะไรกับการฝึกเพลงมวยครับ คุณอ่านบทความนี้แล้ว คุณอยากจะฝึกฝนด้วยตนเองก็ได้นะครับ ผมเขียนไว้ละเอียดพอสมควร . แต่ถ้าอยากฝึกฝน “ท่าเตะ” ที่ชื่อว่า SPIN Selling สักหมื่นครั้งแบบเป็นระบบและวัดผลลัพธ์การใช้งานได้จริง อินบ็อกซ์มาหาผมได้แล้วบอกผมได้ครับว่า “ปัญหาของคุณคืออะไร?” . กราบของพระคุณ อาจารย์สมชาย กิจโชติสกุล ผู้ประสิทธิประสาทเคล็ดวิชานี้ให้อีกครั้งครับ ชอบกด Like โดนใจกด Share . . Be Yourself…Enjoy Your Game #โค้ชธนา #Excellent_Habit_Coach #Rakdee_Training #ขอให้ผมช่วยได้อีกคน
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | มกราคม 2020 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | |||
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |