#ขายแบบไม่ขาย ในสไตล์ มาร์ค ทเวน

::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

.

S : #ปัญหา

อยาก “ขายตัวเอง” ให้ยอดกระจาย แต่ อ่อนด๋อย!!! ทักษะการ “ขายแบบไม่ขาย” อยู่ใช่ไหม?

.

P : #สาเหตุ

ที่เป็นเช่นนี้เกิดจาก 3 สาเหตุ

1. ถูก “แบรนด์” ครอบงำให้นำเสนอแต่ “สินค้า” จนไม่กล้า “#เป็นตัวของตัวเอง”

2. พออยาก “เป็นตัวของตัวเอง” ก็ไม่รู้ว่าตัวเอง “เจ๋ง” พอในเรื่องใด

3. รู้ว่าตัวเอง “เจ๋ง” พอในเรื่องใด แต่ไม่รู้เทคนิคที่อีกกี่พันปีก็ไม่มี OUT นั่นคือเทคนิค “ขายแบบไม่ขาย”

จริงไหมครับ?

.
I : #ผลกระทบ

หากยังปล่อยให้ตัวเอง “ขายไม่ออก” แล้วถูกความล้มเหลวในงานขาย ทั้งแบบ “ออฟไลน์” และ “ออนไลน์” พังชีวิตให้ย่อยยับเป็นระลอกๆต่อไป คุณก็ต้องรู้สึกหวาดหวั่นและทำงานขายแต่ละวันด้วยความทุกข์ใจ จริงไหมครับ?

.

N : #ทางแก้

การที่ผมชอบศึกษางานเขียนเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นนักเขียนอาชีพ

ทำให้ผมได้เรียนรู้เทคนิค “ขายแบบไม่ขาย” จากนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่นาม Mark Twain

และได้พิสูจน์เทคนิคนี้ในการ “ขายตัวเอง” จนได้เข้าทำงานเป็น “เทรนเนอร์” ในองค์กร

ทั้งที่ไม่มีแม้กระทั่ง “วุฒิปริญญาตรี” และที่สำคัญ ไม่มี “ประสบการณ์เทรนเนอร์” เลยแม้แต่น้อย

.

เมื่อตัดสินใจเลิกทำงานรับใช้ความฝันผู้อื่นแล้วหันเหตัวเองมาทำงานฝึกอบรมในสไตล์ของตัวเองเพื่อรับใช้ความฝันตัวเองแบบ 100%

ในยุคที่โค้ชครูเกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด

โจทย์ที่ผมต้องตอบตัวเองให้ได้ในตอนนั้นเพื่อวางแนวทางในการตลาดให้ตัวเองก็คือ

จะ “ขายตัวเอง” ยังไงให้ มีคุณค่า ชัดเจน แตกต่าง และ สร้างสรรค์

.

ในโลกออนไลน์ ทุกอย่างมาเร็วไปเร็ว และผมไม่ต้องการผลลัพธ์แบบนั้น

เมื่อ “ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน” คือสิ่งที่ผมต้องการ

ผมจึงตัดสินใจใช้วิธี “ขายแบบไม่ขาย” ในการ “ขายตัวเอง” อีกครั้ง

.
ผลลัพธ์ที่ได้นะรึ ยิ่งกว่าน่าพอใจ

เพราะนอกจากจะทำให้ผมไม่ต้อง “เสียเงิน” วิ่งไล่ตามเรียนรู้เทคนิคการตลาดที่โค้ชครูกูรูออนไลน์อวดอ้างว่าดี จนทุกวันนี้ยังไม่เสียเงินค่า Ads สักบาทแล้ว

ยิ่งใช้เทคนิค “ขายแบบไม่ขาย” อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมากเท่าไหร่

ผลลัพธ์ยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น

และแน่นอนว่า ต่อให้เฟซบุ๊คจะปรับอะไรอีกกี่ครั้ง

เทคนิคนี้ก็จะยังให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เสมอ

.

มาร์ค ทเวน คือ นักหนังสือพิมพ์ นักเขียน นักวิจารณ์ นักบรรยายชาวอเมริกัน

แต่ก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักและยอมรับ

เขาเคยเป็นนักเขียนโนเนมมาก่อน และนี่คือวิธี “ขายตัวเอง” ของเขา

.

มาร์ค ทเวน ไปสมัครทำงานที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง

แต่ด้วยการเรียกค่าตัวที่ออกจะสูงมากไปในสายตาของเจ้าของสำนักพิมพ์

มาร์ค ทเวนจึงถูกปฏิเสธที่จะรับเข้าทำงาน

.
ในที่สุด เพื่อให้ได้งานในราคาที่สมความสามารถ

เขาเสนอที่จะเขียนคอลัมน์ให้สำนักพิมพ์แห่งนั้น ฟรีๆ 3 เดือน โดยไม่รับค่าตอบแทน

แต่มีเงื่อนไขว่า พอครบกำหนด 3 เดือนแล้ว สำนักพิมพ์จะรับเขาเข้าทำงานหรือไม่ก็สุดแท้แต่

สำนักพิมพ์รับข้อเสนอนั้นทันทีเพราะมีแต่ได้กับได้

.

ด้วยจินตนาการที่ยอดเยี่ยมและชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ

ผู้อ่านจำนวนมากชื่นชอบและ “ติดตาม” บทความและเรื่องสั้นของมาร์ค ทเวน ในเวลาไม่นาน

เวลายิ่งผ่านไป แฟนนักอ่านก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น แฟนนักอ่าน

คอลัมน์ของมาร์ค ทเวน ยิ่งมีมากเท่าไหร่ รายได้จากการจำหน่าย

นิตยสารก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

.

พอครบ 3 เดือน มาร์ค ทเวน ขอ “ลาออก” ทันที

ทางสำนักพิมพ์รีบขอร้องให้เขาอยู่ทำงานเป็นคอลัมนิสต์ต่อ แต่เขายังยืนกรานปฏิเสธ

.

เมื่อรูปการเป็นเช่นนี้ เพื่อรักษายอดจำหน่ายที่ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาไว้

ทางสำนักพิมพ์จึงยื่นข้อเสนอที่จะให้ค่าตอบแทนตามจำนวนที่มาร์ค ทเวนเคยขอไว้

แต่มาร์ค ทเวน ตอบกลับไปว่า

หากต้องการให้เขาเป็นคอลัมนิสต์ต่อ สำนักพิมพ์ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้เป็น 2 เท่าจากที่เรียกไว้

.

การขายตัวเองด้วยวิธีนี้ ให้ประโยชน์ 2 อย่างแก่มาร์ค ทเวน

1. ทำให้เขาได้ทำงานเป็นคอลัมนิสต์ที่สำนักพิมพ์แห่งนั้นต่อด้วยค่าแรง 2 เท่าจากที่เคยขอไว้ตามต้องการ

2. เขาใช้ฐานแฟนจากการทำงานคอลัมนิสต์ที่นั่นในการสร้างชื่อเสียงได้มั่นคงมากขึ้นในแวดวงวรรณกรรม

.

ในโลกของนักเขียน เราเรียกเทคนิคการนำเสนอแบบนี้ว่า “Show, Don’t tell”

อย่าบอกคนอ่านว่า “ตัวละคร” คือใคร

แต่ทำให้คนอ่านรู้ว่า “ตัวละคร” เป็นคนแบบไหนผ่าน “สิ่งที่ตัวละคร” ตัวนั้นทำ

.

ใบปริญญา บอกว่าคุณเรียนจบอะไรมา

แต่ความเชี่ยวชาญที่คุณมีจะบอกให้รู้ว่าคุณช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

.

ดังนั้น นับจากนี้ไป

หากคุณต้องการให้คนอื่นรู้ว่า #คุณคือใคร และ #คุณช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เขาได้บ้าง

1. อย่าบอก

2. แต่จงแสดงให้เขาดู

นี่คือวิธีขายตัวเองที่จะช่วยเปลี่ยน “ยอดไลค์” ให้กลายเป็น “ยอดรัก” ไปตลอดกาล

.

ชอบกด Like ถูกใจกด Love

แบ่งปันสิ่งดีๆกด Share

.

.

Be Yourself…Enjoy Your Game

#โค้ชธนา

#Excellent_Habit_Coach

#Rakdee_Training

#ขอให้ผมช่วยได้อีกคน