1.

จำเป็นมั้ยที่ชีวิตต้อง (มีคำ) คม

.

.
.
.
.
.

ชีวิตต้องมี “คำคม” มั้ย ผมคงตอบแทนทุกคนไม่ได้

แต่ “คำคม” ที่ผมเลือกมาใช้ในชีวิตทำให้ “ชีวิตคม”

.
.

“คำคม” ทั้งหมดในโลกนี้ไม่ว่าจะใครเป็นคนกล่าว

มุ่งสร้าง 2 สิ่งนี้ให้เกิดขึ้นกับคนอ่าน

1. #ความรู้ : ส่วนนี้เกิดขึ้นได้ผ่านการอ่านหรือฟังคำคม

2. #ความคิด : ส่วนนี้จะเกิดขึ้นได้ผ่านการนำคำคมที่อ่านหรือฟังไปปฏิบัติจนเกิดผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเสียก่อน

.

ผมสารภาพแบบไม่อายเลยว่า ชีวิตผมโตมากับคำคมมากมาย

มีหนังสือคำคมคนดัง 3 – 4 เล่มในตู้หนังสือ

อีกทั้งยังมีคำคมที่สอดแทรกอยู่ตามหนังสืออื่นๆในตู้นั้นอีกนับไม่ถ้วน

.

มันน่าตลกก็ตรงที่ ชีวิตไม่ได้ต้องการคำคมเยอะขนาดนั้น

เรามีชีวิตดีขึ้นได้จริงๆผ่านคำคมหยิมมือเดียวที่เราคัดสรรและนำเอาไปใช้จริงอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

.

.

2.

ในฐานะที่ผมผ่านการเรียนรู้และฝึกฝนผ่านคำคมเหล่านั้นมาแล้ว

ผมแบ่ง “#การเรียนรู้และฝึกฝนผ่านคำคม” ออกเป็น 3 ระยะ

.

#ระยะที่หนึ่ง : โพสคำคมชาวบ้าน

ระยะนี้จะเป็นช่วงที่ผมยังไม่มี “ความรู้” หรือ “ความคิด” มากนัก

ความอยากพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีขึ้นผลักดันให้ผมหา “วิธีคิด” และ “วิธีทำ”

เมื่อ “มองหา” เราก็จะ “มองเห็น”

สายตาของผมดึงดูดคำคมจำนวนมากเข้ามาเรื่อยๆ

“วิธีคิด” และ “วิธีทำ” หลั่งไหลเข้ามาจนผมนำไปปฏิบัติแทบไม่ทัน

.

สิ่งที่ผมทำในช่วงนี้คือ การนำคำคมที่ตนเองชื่นชอบและเห็นว่าสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตมากที่สุดไปโพสในสื่อต่างๆเพื่อแบ่งปัน

.

การทำเช่นนี้ มีประโยชน์ 3 อย่าง

1.  การโพสคำคมทุกเช้าเปรียบได้กับการ “จูนเครื่อง” ทันช่วยให้สมองของผมเข้าที่เข้าทางก่อนออกเดินทางไปใช้ชีวิตในแต่ละวัน

2. การโพสคำคมทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีคนอ่านหรือไม่ ผมในฐานะคนโพสคือคนที่ได้ประโยชน์ก่อนคนแรกเสมอ

3. เป็นการฝึกนิสัยแบ่งปัน ซึ่งการแบ่งปัน “ความรู้” และ “ความคิด” ผ่านคำคม เป็นสิ่งที่ผมทำได้ทันทีแบบไม่ต้องรอให้รวยหรือสเร็จเสียก่อน

.

#ระยะที่สอง : โพสคำคมของตัวเอง

พอคุณนำคำคมไปใช้ในชีวิตอย่างสม่ำเสมอได้สักระยะ ชีวิตก็จะมาถึงจุดที่คำคมนั้นตกผลึกกลายเป็น “ความรู้” และ “ความคิด” ของคุณเอง

เมื่อเวลานั้นมาถึง คุณจะเริ่มคิดคำคมของคุณได้เอง

แรกๆอาจไม่คมเท่าไหร่ แต่คิดไปทำไปสักพัก จะคมขึ้นเอง

.

ผมเสพคำคมมานานจนตกผลึกคำคมหนึ่งขึ้นมาเตือนสติคนอีกหลายคน นั่นคือ

“หน้าที่ของคำคมคือจุดประกายความคิด

ส่วนการนำคำคมไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตเป็นหน้าที่คุณ”

.

#ระยะที่สาม : เลิกโพสคำคมไม่ว่าของใครทั้งนั้น (ถ้าโพสก็น้อยมาก)

เมื่อชีวิตคุณถูก “คำคม” ขัดเกลาเสลาสลักจน “คมพอ” แล้ว ชีวิตก็จะมาถึงจุดที่...ไม่ต้องการคำคมอีกแล้ว

ชีวิตคุณ “คมพอ” ที่จะเอาชนะปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้แล้ว

และ “คำคม” ได้เติบโตเต็มที่แล้วในรูปของ “สติปัญญา”

.

.

3.

คุณอาจเกิดคำถามว่า...แล้วฉันจะเลือกคำคมไหนมาใช้ในชีวิตดีล่ะ?

.

คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อองค์ประกอบ 2 ข้อนี้ชัดเจน

1. รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรจริงๆ (มีเป้าหมายที่ชัดเจน)

2. ตกลงใจที่จะบรรลุในสิ่งที่ต้องการจริงๆ (เป้าหมาย) นั้นให้ได้

.

เมื่อองค์ประกอบทั้งสองข้อนี้เกิดขึ้น

คำคมที่จะสนับสนุน “วิธีคิด” และ “วิธีทำ” ของคุณจะถูกดึงดูดเข้ามารับใช้คุณเอง

.

การอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมจะผลักดันให้คุณเริ่มสต็อคคำคมและโพสคำคมเพื่อแบ่งปันให้ผู้คนก่อน

จากนั้น พอทำไปสักระยะ คุณก็จะเริ่มมองเห็นได้ด้วยตนเองว่าคำคมไหน “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”

ถ้าคุณยังนำคำคมไปปฏิบัติทุกวันอย่างสม่ำเสมอ วันหนึ่งคุณก็จะกลายเป็น “ผลลัพธ์ของคำคม” นั้น

.

ณ จุดนี้ คุณจะรู้ได้แบบ “ปัจจัตตัง” (รู้ได้เฉพาะตน) ว่าคำคมไหนเกิดมาเพื่อคุณ

และเพราะมันเป็น “ปัจจัตตัง” คุณจึงต้องไปหาคำตอบนี้ด้วยตัวคุณเอง

.

.

ชอบกด Like ถูกใจกด Love

แบ่งปันสิ่งดีๆกด Share

.

Be Yourself…Enjoy Your Game

#โค้ชธนา

#Excellent_Habit_Coach

#Rakdee_Training

#ขอให้ผมช่วยได้อีกคน