สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลกินเจกันแล้วนะครับ วันนี้ผมจะมาย้อนรอยพาตะลุยเทศกาลกินเจที่เยาวราชและตลาดน้อย ปี พ.ศ. 2550 ครับ แต่ก่อนอื่น ผมขอพูดถึงประวัติและความหมายของ การกิจเจ ก่อนนะครับ เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนกระทั่งขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 เราจะเห็นธงสีเหลืองมีตัวหนังสือสีแดง ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปตามร้านอาหาร 2 ข้างถนน นั่นบ่งบอกให้รู้ว่า เป็นช่วงเวลาของเทศกาลกินเจ เทศกาลกินเจมีที่มาอย่างไรนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะมีเรื่องเล่าของการกินเจมากมาย
จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบว่าอีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติจึงหาผู้อาสาช่วยแต่ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสองค์โตรับอาสาและเพ่งญาณเห็นว่าควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญ ลีฮั้วก่าย คืนวันหนึ่งคนรับใช้แจ้งเศรษฐีลีฮั้วก่ายว่ามีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบเศรษฐีจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไปและประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืนผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อนและผู้อื่นจึงปฏิบัติตามจนมีการจัดให้มีอุปรากรเป็นมหรสพในช่วงกินเจด้วย เล่าเอี๋ยเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไสจึงได้ศึกษาตำราการกินเจของเศรษฐีลีฮั้วก่ายที่บันทึกไว้ แต่ได้ดัดแปลงพิธีกรรมบางอย่างให้รัดกุมยิ่งขึ้นและให้มีพิธียกอ๋องส่องเต้ (พิธีเชิญพระอิศวรมาเป็นประธานในการกินเจ)
ครั้นถึงเทศกาลไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เขาโพถ้อซัว เล่าเซ็งอยากไปแต่ไปไม่ถูกจึงตามเพื่อนบ้านที่จะไปไหว้พระโพธิสัตว์ เพื่อนบ้านเห็นเล่าเซ็งสัญญาว่าจะไม่กินเหล้าและเนื้อสัตว์จึงให้ไปด้วย ระหว่างทางเดินสวนกับคนขายเนื้อเล่าเซ็งลืมสัญญาที่ให้ไว้เพื่อนบ้านก็หนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาและต้องการไปไหว้พระโพธิสัตว์เล่าเซ็งจึงขอตามนางไป เมื่อถึงเขาโพถ้อซัวขณะที่เล่าเซ็งก้มลงกราบไหว้พระโพธิสัตว์นั้น เขาเห็นแม่ลอยอยู่เหนือกระถางธูปที่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะเดินทางกลับเขาได้แยกทางกับหญิงสาวและได้พบเด็กชายคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่จึงเข้าไปถามไถ่ได้ความว่าเป็นลูกของเขากับภรรยาที่เลิกกันไปนานแล้ว เขาจึงพาไปอยู่ด้วยแล้ววันหนึ่งหญิงสาวที่นำทางไปเขาโพถ้อซัวมาขออาศัยอยู่ด้วย ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หญิงสาวผู้นั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมและถือศีลกินเจอยู่เนืองนิตย์ นางรู้ว่าใกล้ถึงวันตายของนางแล้วจึงบอกเล่าเซ็ง เมื่อถึงวันนั้นนางอาบน้ำแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่ขาวสะอาดแล้วนั่งสักครู่ก็สิ้นลม เล่าเซ็งเห็นการจากไปด้วยดีของนางคล้ายกับแม่จึงเกิดศรัทธายกสมบัติให้ลูกชายแล้วประพฤติตนใหม่ เมื่อตายไปจะได้บังเกิดผลเช่นเดียวกับแม่และหญิงสาวและประเพณีกินเจจึงเริ่มขึ้น
- เช้าวันรุ่งขึ้นมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม - หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก "การกินผัก" ผ่านไป 3 วัน จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า "เช้ง" ในตอนค่ำมีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ "ลำเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนเกิด และ "ปักเต้า" เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี "ปั้งกุ้น" หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น - ในวันที่เจ็ด เริ่มพิธี บูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ - สองวันสุดท้าย เป็นความตื่นเต้นท้าทาย เมื่อมีการจัดขบวนพิธีแห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่างๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยท้าทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้น ไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด - วันที่เก้า จะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี "โก๊ยโห้ย" หรือพิธีลุยไฟสะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือเจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่ายร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจที่มีความมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ 12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลงดับโคมไฟทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต ความหมายของคำว่า "เจ" คำว่า เจ ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายเดียวกับคำว่า อุโบสถ ดังนั้นการกินเจก็คือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยที่ถืออุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 โดยไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมนำการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกันเข้ากับคำว่ากินเจ กลายเป็นการถือศีลกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่ากินเจ ฉะนั้นความหมายก็คือคนกินเจมิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ แจ ไม่ได้แปลว่า อุโบสถ ในภาษาจีนมี(กลุ่ม)คำหรือวลีที่ใช้อักษรแจเป็นตัวประกอบร่วมด้วยหลายคำ แต่คำว่าโป๊ยกวนแจไก่ ซึ่งเป็นศัพท์ของทางพุทธศาสนา ดูจะเป็นคำที่นิยมหยิบยกมาใช้อธิบายความหมายของอักษรแจเสมอมา โป๊ยกวนแจไก่ แปลว่า ศีลบริสุทธิ์แปดประการ ซึ่งก็คือ ศีลแปดที่เรารูจักกันดี คนไทยในรุ่นปู่ย่าตายายที่เคร่งในศีลวัตรจะไปอาราธนาศีลแปดจากพระสงฆ์ในวันธรรมสวนะภายในพระอุโบสถ ศีลแปดจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า อุโบสถศีล คนทั่วไปจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องกินเจทำให้แปลอักษร แจ ว่า อุโบสถ หากจะเอาตามความในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานแล้ว "อุโบสถ" เป็นคำนาม หมายถึง สถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมกันทำสังฆกรรมต่างๆ เรียกย่อว่า "โบสถ์" การแปลและเข้าใจคลาดเคลื่อนดังกล่าวยังถูกใช้เป็นบรรทัดฐานในการอธิบายวัตรปฏิบัติของการกินเจผิดตามไปด้วยว่า การกินเจต้องถือศีลข้อวิกาลโภชน์ หรือการงดกินของขบเคี้ยวหลังเที่ยงวันไปแล้ว ซึ่งเป็นศีลข้อหนึ่งในศีลแปด ทั้งๆที่โรงครัวของศาลเจ้าหรือโรงเจที่เปิดเลี้ยงผู้คนในช่วงเทศกาลกินเจล้วนแต่มีอาหารมื้อเย็นให้กับผู้เข้าไปกิน ยิ่งวันที่มีการประกอบพิธีกรรมในตอนค่ำยังมีอาหารมื้อค่ำบริการเสริมให้เป็นพิเศษด้วย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในช่วงเทศกาลกินเจนั้นเขาถือเพียงศีลห้าที่เป็นนิจศีล ไม่ได้ครองศีลแปดอย่างที่หลายคนเข้าใจ (เว้นแต่ผู้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะครองศีลแปดเป็นการส่วนตัวเท่านั้น) ในทางอักษรศาสตร์จีน อักษรตัว แจ มีพัฒนาการมาจาก ตัวอักษร ฉี ซึ่งแปลว่าบริบูรณ์ , เรียบร้อย อักษรแจเกิดจากการเพิ่มเส้นตั้งและสองจุด เข้าไปกลางอักษรฉี ทำให้เกิดตัว ซื ซึ่งแปลว่าการสักการะ อยู่ในแก่นกลางของตัวฉี แจ จึงมีความหมายว่า การรักษาความบริสุทธิ์(ทั้งกายและใจ)เพื่อการสักการะ หรือ การปฏิบัติบูชาถวายเทพยดา ซึ่งการอธิบายในแนวทางนี้จะสอดคล้องกับ คำว่า ในลัทธิเต๋า ซึ่งย่อมาจากคำว่า ที่แปลว่าการบำเพ็ญกายใจให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นสักการะบูชาเทพยดา "เจียะแจ" เป็นการออกเสียงตามสำเนียงถิ่นแต้จิ๋ว ศัพท์คำนี้ใช้และเป็นที่เข้าใจแต่ทางตอนใต้ของจีนโดยเฉพาะแถบลุ่มอารยะธรรมหลิ่งหนาน ในมณฑลกวางตุ้ง อันเป็นแหล่งอาศัยดั่งเดิมของคนแคะ แต้จิ๋ว กวางตุ้งและไหหนำ ซึ่งเป็นชาวจีนกลุ่มใหญ่ในประเทศไทย เจียะแจตรงกับคำว่า ชือซู นภาษาจีนกลาง (สำเนียงปักกิ่ง) "เจียะ" ในภาษาถิ่นใต้ หากใช้ในความหมายของคำกิริยา แปลว่า กิน "แจ" แปลว่า บริสุทธิ์ "เจียะแจ" ตรงกับคำไทยที่นิยมใช้กันว่า กินเจ จึงแปลว่า การกินอาหารที่บริสุทธิ์ตามความเชื่อ(ในลัทธิกินเจ) ซึ่งหมายความถึงอาหารที่ไม่คาวหรือไม่เจือปนซากผลิตภัณฑ์ของสัตว์ รวมทั้งไม่ปรุงใส่พืชผักต้องห้าม คำว่าเจียะแจนี้ชาวจีนฮกเกี้ยนทางปักษ์ใต้แถบจังหวัดภูเก็ตเรียกต่างออกไปว่า เจียะไฉ่ ที่แปลตามตัวอักษรได้ว่า กินผัก แต่มีนิยามหรือความหมายตรงกับคำว่าเจียะแจที่กล่าวข้างต้น
หลักธรรมในการกินเจ ในทัศนะของคนกินเจ การกินที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นต้องเดือดร้อนล้มตายนั้น มันมากเกินไป ทั้งๆ ที่มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามรถมีชีวิตอยู่ได้ การกินเจตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมสำคัญ 2 ประการคือ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเองและดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กล่าวคือ - ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน การรับประทานสิ่งใดก็ตามที่ทำลายสุขภาพร่างกายของตนให้ทรุดโทรม คือ การเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าได้พิสูจน์ยืนยันว่าเลือดและเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย ดังนั้นการกินเจจึงไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมไปถึงการมีสุขภาพพลานามัยที่ดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กันมีความสัมพันธ์ส่งผลถึงกันคนเราย่อมไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่นร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกายเจ็บป่วยทรุดโทรมย่ำแย่ ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วยสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้องปฏิบัติดังนี้ - งดเว้นเนื้อสัตว์หรือทำอันตรายต่อสัตว์ สำหรับผู้ที่เคร่งครัดเพื่อการกินเจให้เป็นไปอย่างบริสุทธ์โดยแท้ จะเพิ่มการปฏิบัติโดยการกินอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น รวมถึงจะล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยมแยกภาชนะสำหรับการปรุงอาหารเจไว้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังจุดตะเกียงไว้ 9 ดวงตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับเพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้องตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด ธงสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดง แต่งกายสีขาว ที่เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลกินเจ มีความหมาย สีแดง เป็นสีที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นสีศิริมงคล ดังจะเห็นได้ว่าในงานมงคลต่างๆ ของคนจีนไม่ว่าจะเป็นงานแต่ง วันตรุษจีน สีเหลือง เป็นสีสำหรับใช้ในราชวงศ์ซึ่งอนุญาตให้ใช้ได้เพียงคนสองกลุ่มเท่านั้น กลุ่มแรกคือกษัตริย์ซึ่งเห็นได้จากหนังจีน เครื่องแต่งกายและภาชนะต่างๆ เป็นสีเหลืองหรือทองซึ่งคนสามัญห้ามใช้เด็ดขาด กลุ่มที่สองคืออาจารย์ปราบผีถ้าท่านสังเกตในหนังผีจีนจะเห็นว่าเขาแต่งกายและมียันต์สีเหลือง สีขาว ตามธรรมเนียมจีนสีขาวคือสีสำหรับการไว้ทุกข์ สีดำที่เราเห็นกันอยู่ในขณะนี้เป็นการรับวัฒนธรรมตะวันตก ถ้าท่านสังเกตในพิธีงานศพของจีนจะเห็นลูกหลานแต่งชุดสีขาวอยู่ สีแดง เหลือง และ ขาว ต่างล้วนเชื่อมโยงในที่มาของเทศกาลกินเจ
อ้างอิง
---------------------------
อ่า...จบเรื่องประวัติและความหมายของการกินเจแล้วครับ ^0^ ที่นี้มาตะลุยเยาวชราช+ตลาดน้อย ปี พ.ศ. 2550 กันครับ ^^ ซุ้มอาหารเจที่ได้รับเชิญมา "ถ้ามาเทศกาลเจที่เยาวราชห้ามพลาดตรงซุ้มด้วยประการทั้งปวงนะครับ เพราะเขาได้รวบรวมร้านเด็ดๆไว้ตรงนี้แล้วครับ" โรงทาน ของคู่กับเทศกาลกินเจ เดินเข้ามาที่ถนนเยาวราชก็จะมีซุ้มอาหารเจวางขาย(แต่ผมว่ารสชาติงั้นๆนะสู้ตรงซุ้มขาวไม่ได้) ผัดไทยโบราณมีอยู่หลายซุ้ม แต่ซุ้มนี้ผมว่ารสชาติใช้ได้ที่สุดแล้วครับ(ผมตามชิมมันเกือบทุกซุ้มเลย =_=") ส้มตำเจ อืมมม...รสชาติก็อร่อยมั้ง =_=" ผมไม่ชอบทานส้มตำครับ =_=" ก๋วยจั๊บนายเอ๊ก version เจ อร่อยไปอีกแบบครับ แวะซื้อขนมเปี๊ยะเจชิ้นเล็กๆซักชิ้น ขนมเปี๊ยะร้านนี้น่ะ ฮอเจี๊ยะ!! ก๋วยจั๊บนายเล็ก Version เจ อ่า...เข้าไม่ถึงครับก็เลยอดทาน คนมากมายล้านแปด แต่เดิมร้านี้มีทีเด็ดที่น้ำซุปเผ็ดร้อน(พริกไทยป่น) +หมูกรอบ ก๋วยเตี๊ยวหลอด(หน้าศาลเจ้ากวางตุ้ง) version เจ ไม่มีที่นั่งก็เลยอด=_=" ราดหน้าอยู่อี่ Version เจ อร่อยครับ เดินวกกลับมาตรงซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ หมี่ผัดร้านนี้อร่อยครับอยู่หน้า 7/11 เอาล่ะมาต่อกันที่ตลาดน้อยครับ ^0^ มาเทศกาลเจที่ตลาดน้อยต้องไม่พลาด ขนมครกต้นตำรับครับ ขนมรังผึ้งมีอยู่หลายร้าน แต่ร้านนี้อ่อยสุด เดินเข้ามาเลยร้านขนมครกไปนิดนึงครับ เดินเข้าไปทางโรงเจ หมี่หวานร้านนี้ก็ทีเด็ดครับ ขนมตุบตั๊บ ที่ชื่อนี้ เพราะ เวลาทำเขาจะเอาฆ้อนไม้มาทุบถั่ว+น้ำตาล เสียงจะดัง ตุบ ตั๊บ เป็นจังหวะ ก็เลยเรียกกันว่า ขนมตุบตั๊บ ที่ตลาดน้อยมี 3 ร้านครับ คือ เอี๊ยมเหลือง เอี๊ยมขาว และร้านตรงโรงเจ ผมชอบทานร้านเอี๊ยมขาวครับ ร้านนี้ยังขายโสเภณี นักร้องนำวง Potato ด้วยนะครับ ก็ กระหรี่ปั๊บ ใง =_=" ยังจะเล่นมุขอีก 55555 ถึงโรงเจล่ะครับ แวะไห้วเจ้าซักแป๊บ เทียน ยักษ์ ธูปยักษ์ จริงๆมี ธูปแบบขดวงๆที่จะแขวนบนหลังคาด้วยครับ ที่ต้องถวายเทียน ธูป ก็เพราะเชื่อกันว่าเป็นการต่อชะตาชีวิตครับ สิงโตต้องคลุมปิดหัว ที่ต้องคลุมเพราะว่า ช่วงเทศกาลกินเจนั้นจะห้ามไม่ให้สิงโตออกล่าเหยื่อ เพราะถือว่า ผิดศีลครับ แบบนี้สิงโตก็ต้อง diet ไป 9 วัน 9 คืน เดินออกไปกินต่อ แวะซื้อหมี่กลับบ้าน หมี่ร้านนี้น่ะ สุดยอดดดดดดดดดดด อร่อยมากมายครับ เขาจะขายเฉพาะจอนเจเท่านั้น ขายถุงละ 32 บาท (ครึ่งโล) หมี่ของร้านนี้สามารถเอามาทำผัดหมี่หรือหมี่หวานได้หมดครับ ฮอเจี๊ยะ!!!!!!!! ร้านเขาจะขายแต่เส้นหมี่อย่างเดียว มีทั้งแบบลวกแล้วกับยังไม่ลวกครับ เส้นหมี่จะมีแบบเส้นใหญ่(ทำผัดหมี่) และเส้นเล็ก(ทำหมี่หวาน) เย็นตาโฟเจ ร้านนี้อร่อย อิ่วก๋วยร้านนี้อร่อย(ผมไม่แน่ใจว่า สะกดถูกหรือเปล่านะครับ)
ทีนี้เรามาทำหมี่หวานกันครับ ^^ เส้นหมี่(ก็ที่ซื้อมาจากตลาดน้อย) ผมเอาแบบเส้นใหญ่มาทำหมี่หวานนะครับ (ชอบส่วนตัวตัว)จริงๆแล้วต้องเป็นแบบเส้นเล็กนะครับ ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมต้องมีกระดาษสีแดงที่บะหมี่ =_+" ยีๆเส้นหมี่ให้แตกตัว ครึ่งโลนี่เยอะแฮ่ะ ก็เลยแบ่งเป็น 4 ส่วนเอา ต้มเส้นหมี่ ต้องรอให้น้ำเดือดปุดๆก่อนนะครับถึจะใส่เส้นหมี่ลงไป ต้มประมาณ 3-4 นาทีครับ อย่าต้มนานนะครับเพราะเส้นจะอึด ต้มเสร็จเอาเส้นมาจุ่มในน้ำเย็นแล้วสะบัดน้ำออก น้ำเชื่อมก็ใช้น้ำตาลกรวดต้มกับใบเตย (ผมจะมีติดตู้เย็นเป็นประจำอยู่แล้ว) ใส่เส้น เทน้ำเชื่อม โปะน้ำแข็ง อร่อยๆๆๆเส้นหมี่เหนียวนุ่มได้ทีมากๆครับ ฮอเจี๊ยะ!!
ปล. - เรื่องในblog ชวนชิมวันนี้ เป็นของปี พ.ศ.2550 นะครับ - กินเจปีที่แล้ว (2551) ที่ตลาดน้อย คนน้อยลงกว่าปี 2550 (น้อยสมชื่อครับ=_=") หวังว่ากินเจปีนี้ คนจะเยอะขึ้นนะครับ - กินเจปีนี้ เยาวราช+ตลาดน้อยจะเป็นอย่างไรน้า?...ผมจะตั้งใจรอนะครับ ^0^ กินเจปีนี้ รู้สึกจะตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม นะครับ (ไม่แน่ใจ) - ลองๆไปกันดูนะครับที่เยาวราชและตลาดน้อย แต่ผมแนะนำที่ตลาดน้อยมากกว่าครับ เพราะร้านที่เยาวราชสามารถหาทานได้ตอนปกติอยู่แล้วครับ แต่ที่ตลาดน้อยส่วนใหญ่จะมีเฉพาะช่วงเจเท่านั้น - ถ้าไปตลาดน้อยก็อย่าลืมซื้อเส้นหมี่เขานะครับ อร่อยๆๆๆอร่อยๆๆๆๆๆ - นอกจาก เยาวราช+ตลาดน้อยแล้วกินเจปีนี้ ผมตั้งใจว่าจะไปตะลุยที่สวนหลวง(เชียงกง หลังมาบุญครอง+ศาลเจ้าซิกเซียม้าแถวๆหัวลำโพงครับ) และภูเก็ต สำหรับภูเก๊ตนี่เป็นความฝันเลยล่ะครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปซักที - ช่วงนี้ เวลามีเท่าเดิมแต่เวลาว่างน้อยลง แปลกนะครับ คนเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด แต่การบริหารจัดการเวลาของแต่ละคนทำให้คนแต่ละคนมีเวลามากน้อยไม่เท่ากัน ผมคงต้องบริหารจัดการเวลาดี ๆ ล่ะ - ตอนนี้ผมยังคงเป็น นักวิจัยต๊อกต๋อย อยู่ครับ T.T ทำงานวิจัยจนลืมหางานไปเลยแฮะ +_+" |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | ตุลาคม 2009 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |