(ยินดีให้เผยแพร่ต่อด้วยความขอบคุณ กรุณาอ้างแหล่งที่มาว่าจากบทบรรณาธิการใน The Progress Report เรื่อง The Ultimate Tax Reform โดย Fred E. Foldvary บรรณาธิการอาวุโส ที่ www.progress.org/2006/fold443.htm) การปฏิรูปภาษีระดับสุดยอดคือการหารายได้แผ่นดินจากที่ดิน เพราะแหล่งรายได้นี้มีประสิทธิภาพและความเสมอภาคระดับสูงสุด การปฏิรูปภาษีแบบอื่น เช่น ภาษีเงินได้อัตราเดียว (flat rate) ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ ภาษีการบริโภคหรือภาษีการขาย ทำให้ราคาถูกบิดเบือนไปบ้าง กำไรลดบ้าง ค่าแรงลดบ้าง และบ้างก็มีผลต่อเศรษฐกิจตามที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า เครื่องถ่วงรั้ง (drag), ภาระส่วนเกิน (excess burden), หรือ การสูญเสียจากน้ำหนักของตนเอง (deadweight loss ความสูญเสียประโยชน์ ตามศัพท์เศรษฐศาสตร์ราชบัณฑิตฯ) ภาษีอื่นๆ ละเมิดสิทธิตามธรรมชาติในการเป็นเจ้าของแห่งตนเองด้วย เฮนรี จอร์จ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันสมัยศตวรรษที่ 19 ได้แยกความแตกต่างระหว่าง ภาษีในรูปแบบ กับ ภาษีในเนื้อหา ในด้านเนื้อหา ภาษีคือการจ่ายให้แก่รัฐบาลโดยถูกบังคับ หรือต้นทุนที่รัฐบาลกำหนดซึ่งไม่สัมพันธ์กับผลประโยชน์หรือการกระทำของผู้เสียภาษีที่ส่งผลร้าย ตรงกันข้าม การจ่ายให้รัฐบาลเพราะก่อความเสียหายหรือได้รับผลประโยชน์จะเป็นภาษีในรูปแบบ มิใช่ภาษีในเนื้อหา ภาษี จากการก่อมลพิษเป็นตัวอย่างของภาษีในรูปแบบ มิใช่ในเนื้อหา เพราะในเนื้อหานั้นการจ่ายนี้เป็นการชดใช้แก่สังคมที่ทำความเสียหายให้แก่ดิน น้ำ และอากาศที่มิใช่เป็นของผู้ก่อมลพิษ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินของผู้อื่น ในทำนองเดียวกัน ภาษี จากมูลค่าที่ดินจะเป็นภาษีในรูปแบบ แต่ในเนื้อหาคือการจ่ายสำหรับลักษณะธรรมชาติที่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ได้ก่อขึ้นหรือสำหรับมูลค่าทำเลที่เกิดจากงานสาธารณะ การค้า และประชากร ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ไม่ได้เป็นผู้ก่อ องค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนแรกคือผู้ประกอบการที่คอยมองหาโอกาสทำกำไรใหม่ๆ จากการค้า ผู้นำนวัตกรรมมาให้สังคมและก่อเกิดเศรษฐทรัพย์และอรรถประโยชน์แก่สังคมมากขึ้น ภาษีที่ขัดขวางการประกอบการคือสิ่งที่ทำร้ายสังคม ภาษีจากกำไรและดอกเบี้ยทำให้ราคาบิดเบือนไปจากต้นทุนจริงและบิดเบือนโครงสร้างและจังหวะเวลาของการผลิต การจ่ายที่ไม่ละเมิดผู้ประกอบการมีแต่การจ่ายสำหรับการกระทำที่เป็นอันตราย เช่น การก่อมลพิษ หรือการจ่ายสำหรับค่าเช่าที่ดิน ส่วนที่ 2 คือผู้บริโภคหรือผู้ซื้อสินค้า ในสังคมเสรีผู้บริโภคคือผู้ทรงอำนาจเชิงเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคเป็นตัวตัดสินว่าจะเกิดการผลิตสินค้าอะไร ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่สนองหรือเร้าความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด การกล่าวหาว่ามนุษย์คือหุ่นยนต์ที่น้ำลายไหลเมื่อเห็นโฆษณาล่าสุดคือการดูหมิ่นจิตวิญญาณของมนุษย์ การกระทำของมนุษย์นั้นมีจุดมุ่งหมายและแสวงหาหนทางที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดของแต่ละคน ภาษีที่เก็บจากการขายหรือการบริโภคย่อมละเมิดอธิปไตยของผู้บริโภคและทำให้ความอยู่ดีกินดีลดลง ส่วนที่ 3 คือคนงานรับจ้าง แรงงานคือการกระทำของมนุษย์ที่ก่อเกิดเศรษฐทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าในตลาด ในระบบตลาดเสรีคนงานมีแนวโน้มที่จะได้ค่าจ้างเท่ากับราคาผลผลิตหน่วยท้ายสุดที่หักลดราคาเพราะผู้ลงทุนคิดค่ารอคอยจนถึงเวลาที่ผลผลิตหน่วยท้ายสุดขายออกไป ในสังคมเสรีคนงานมีอธิปไตยด้านแรงงาน คือสามารถเลือกงานที่จะทำ เลือกว่าจะทำงานหรือไม่ทำ และเลือกว่าจะลงทุนในทุนมนุษย์ (การฝึกและศึกษา) เท่าไร ภาษีที่เก็บจากเงินเดือนค่าจ้างย่อมบิดเบือนทางเลือกเหล่านี้และทำให้แรงงานมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้จ้าง ทำให้ตำแหน่งงานลด ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความยากจน ที่ดินคือทรัพยากรธรรมชาติ อุปทานของที่ดินซึ่งหมายถึงเนื้อที่นั้นมีคงที่ เพราะที่ว่างรอบโลกนั้นไม่สามารถผลิตเพิ่มหรือทำลายได้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการพัฒนาที่ดิน เพราะสิ่งปรับปรุงที่แท้คือสินค้าประเภททุน เมื่อที่ว่างมีอยู่คงที่ภาษีที่เก็บจากมูลค่าที่ดินหรือค่าเช่าก็จะไม่ทำให้อุปทานของที่ดินลดลง ดังนั้นจึงไม่เป็นภาระทางสังคม ที่ดินไม่มีต้นทุนการผลิต ราคาที่ดินซึ่งถูกเก็บภาษีจึงไม่มีทางไปไหนนอกจากลงต่ำ ดังนั้นผลตอบแทนต่อที่ดินหลังหักภาษีก็เหมือนกับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ปรับแต่งด้วยค่าความเสี่ยง อุปทานของแรงงานและสินค้าประเภททุนสามารถเพิ่มขึ้นได้ และปัจจัยทั้งสองนี้เคลื่อนย้ายได้ ถ้าค่าแรงและกำไรสูงขึ้นที่ใดก็จะมีแรงงานและทุนไปเพิ่มขึ้นที่นั่น ผลตอบแทนก็จะลดลงสู่ระดับปกติ การปรับปรุงบ้านเมืองถึงแม้จะทำให้ราคา/ค่าเช่าที่ดินสูงขึ้น แต่ค่าแรงและผลตอบแทนทุนจะไม่เปลี่ยน งานสาธารณะและบริการในพื้นที่จะถูกคิดเป็นทุนที่ไปเพิ่มมูลค่า/ค่าเช่าที่ดิน การเก็บภาษีจากที่ดินเหล่านี้อย่างเที่ยงธรรมจะทำให้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินจ่ายคืนมูลค่าที่ตนได้รับไป แต่ถ้าไม่เก็บภาษีนี้ก็เท่ากับเป็นการให้เงินอุดหนุนแก่เจ้าของที่ดินโดยปริยายและถ่ายโอนภาระเป็นภาษีในเนื้อหาที่เก็บจากค่าแรงทำให้คนงานผู้เช่าต้องจ่ายสองครั้งสำหรับสินค้าสาธารณะ คือทั้งภาษีและค่าเช่า ประชาคมเอกชน เช่น คอนโดมิเนียม สมาคมเจ้าของบ้าน โรงแรม และศูนย์การค้า ใช้การเก็บค่าเช่าเพื่อเป็นค่าสินค้าสาธารณะของเขา ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินทางโรงแรมถามว่ามีรายได้เท่าไรเมื่อข้าพเจ้าไปขอเช่าห้องพัก และโรงแรมยังไม่เก็บภาษีการขายสำหรับการใช้ลิฟต์ด้วย ประชาคมเอกชนใช้วิธีเก็บค่าเช่าเพราะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ยังมีเรื่องที่จะพูดได้อีกมากเกี่ยวกับการเก็บภาษีจากที่ดิน ข้าพเจ้าได้เขียนการศึกษาด้านนโยบายเรื่อง The Ultimate Tax Reform ท่านอาจจะอ่านข้อสรุป 4 หน้าได้ที่ www.foldvary.net/works/summary.pdf หรือฉบับเต็ม 36 หน้าได้ที่ www.foldvary.net/works/policystudy.pdf ฉบับพิมพ์ก็มีจำหน่ายที่ Civil Society Institute ที่จริงไม่มีเหตุผลเลยที่จะเก็บภาษีจากเงินเดือนค่าจ้าง การขาย การบริโภค กำไรของธุรกิจ หรือ ธุรกรรมต่างๆ นอกจากความไม่รู้ ความโลภ หรือ การมีความสุขจากการทำร้ายตนเอง ถ้าท่านได้ยินใครพูดสนับสนุนภาษีเงินได้อัตราเดียวหรือน้อยอัตราหรือสนับสนุนให้เปลี่ยนเป็นเก็บภาษีการใช้จ่าย ก็จงถามเขาว่าทำไมไม่ไปให้สุดทางที่การปฏิรูปภาษีระดับสุดยอด ? |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |
<< | กรกฎาคม 2011 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | |||||
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 |