วันจันทร์ ที่ 23 กันยายน 2556
Posted by
สุธน_หิญ
,
ผู้อ่าน : 2763
, 00:56:12 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้
โหวต
0 คน
(สุธน หิญ แปลจากบทบรรณาธิการเรื่อง A Georgist Eye for the Neoclassical Guy โดย ดร. Fred E. Foldvary ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ Santa Clara University และ บรรณาธิการอาวุโส The Progress Report จาก http://www.progress.org/2004/fold361.htm)
สำนักความคิดแบบนีโอคลาสสิกได้มีอิทธิพลครอบงำเศรษฐศาสตร์มานานเป็นร้อยปีแล้ว นักเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิกได้สร้างคฤหาสน์ขนาดใหญ่แห่งทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ บางห้องก็ดูงามสง่า แต่ก็มีบางส่วนสร้างอย่างลวกๆ ไม่สมบูรณ์ และออกแบบจากพิมพ์เขียวที่ผิดพร่อง (faulty) ซึ่งจะต้องปรับปรุงรูปโฉมใหม่ เฮนรี จอร์จ นักเศรษฐศาสตร์และปรัชญาสังคมแห่งปลายศตวรรษที่ 19 เก่งในการแก้ไขซ่อมแซมเติมพลังให้แก่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่จืดชืด น่าเบื่อ และงุ่มง่าม พวกนิยมจอร์จ ที่เรียกกันว่า Georgists หรือ geoists สามารถจะนำเอาทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เก่าๆ มาปรับปรุงให้เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และสวยงามได้ จึงขอให้เราใช้สายตาของพวกนิยมจอร์จมองทฤษฎีผุๆ ของพวกนีโอคลาสสิกเพื่อตกแต่งรูปโฉมเสียใหม่ พวกนีโอคลาสสิกชอบพูดถึงเรื่อง trade-offs หรือการจะได้อย่าง ก็ต้องยอมเสียอีกอย่าง ทรัพยากรเป็นของหายากในขณะที่ความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ถ้าท่านต้องการสิ่งหนึ่งมากขึ้น ท่านจะต้องยอมละไม่เอาอีกสิ่งหนึ่ง ข้อนี้จริงสำหรับสินค้า แต่พวกนีโอนำไปใช้กับผลลัพธ์สองประการที่เราต้องการจากระบบเศรษฐกิจด้วย นั่นคือ ประสิทธิภาพ และ ความเท่าเทียมกัน เศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพจะให้ผลผลิตสูงเทียบกับทรัพยากรที่ใช้ ความเท่าเทียมกันหมายถึงความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ นั่นคือ การแบ่งเศรษฐทรัพย์เป็นธรรมและเท่าเทียมกันแค่ไหน พวกนีโอคลาสสิกบอกว่าถ้าเราต้องการความเท่าเทียมกันมากขึ้น ประสิทธิภาพก็จะลด และถ้าเราต้องการประสิทธิภาพมากขึ้น เราต้องยอมเสียความเท่าเทียมกัน นั่นเป็นเพราะในความคิดของพวกนีโอ การแบ่งรายได้ให้เท่าเทียมกันมากขึ้นจะต้องปรับการกระจายรายได้จากคนรวยสู่คนจน และภาษีที่เก็บจากคนรวยมากขึ้นจะบั่นทอนการลงทุนและการผลิต ปัญหาคือพวกนีโอคลาสสิกอยู่ในภาวะเสียความจำ พวกเขามีความรู้ในเรื่อง ที่ดิน และ ค่าเช่า แต่ลืมเรื่องนี้ไปเมื่อคิดเรื่องอื่นๆ สาเหตุสำคัญของความเหลื่อมล้ำกันด้านเศรษฐทรัพย์คือความแตกต่างกันมากในรายได้จากค่าเช่าที่ดิน ถ้าให้สังคมมีส่วนแบ่งเท่าเทียมกันในค่าเช่าที่ดิน ประสิทธิภาพจะไม่ลด แต่จะกลับเพิ่ม พวกนีโอคลาสสิกยังลืมคิดบวกทุนด้านบริการสาธารณะเข้าไปในค่าเช่าที่ดินอีกด้วย การโยธาสาธารณะ (public works) ทำให้ค่าเช่าที่ดินขึ้นสูง และถ้าเจ้าของที่ดินไม่ต้องจ่ายค่าการโยธาสาธารณะจากส่วนที่เป็นค่าเช่าที่ดินนั้น มูลค่าที่ดินของพวกเขาก็จะถีบตัวสูงขึ้น และนี่เป็นแรงจูงใจให้นักเก็งกำไรซื้อที่ดินเพื่อให้ได้ค่าเช่านั้น ทำให้ราคาที่ดินยิ่งสูงขึ้น มูลค่าที่ดินที่สูงขึ้นเพราะการเก็งกำไรจะทำให้ผู้คนหยุดซื้อที่ดินเพื่อใช้ประโยชน์สำหรับระยะปัจจุบัน ถ้ารัฐบาลเก็บภาษีจากค่าเช่านั้นก็เท่ากับเป็นการตัดเงินอุดหนุนสำหรับเจ้าของที่ดิน และจะทำให้มีการใช้ที่ดินเพื่อสร้างผลผลิตมากขึ้น พวกนิยมจอร์จรู้ดีว่าการเปลี่ยนจากการเก็บภาษีต่างๆ ที่เสมือนเป็นการลงโทษในปัจจุบัน ไปเป็นการเก็บภาษีจากค่าเช่าที่ดิน จะเพิ่มทั้ง ประสิทธิภาพ และ ความเท่าเทียมกัน พวกนีโอคลาสสิกรู้ว่าอุปทานของที่ดินมีคงที่ การเก็บภาษีจากค่าเช่าที่ดินจึงไม่ทำให้เกิดการสูญเสียประโยชน์หรือเกิดภาระมากเกินไปแก่ระบบเศรษฐกิจ แต่ความรู้นี้ถูกจับใส่กล่องแยกไว้ต่างหาก มันติดค้างอยู่ในห้องใต้หลังคาคฤหาสน์และลืมทิ้งไว้ในห้องอื่นๆ แต่พวกนิยมจอร์จคิดถึงคฤหาสน์เป็นส่วนรวม พวกนีโอคลาสสิกจะต้องมีการตกแต่งรูปโฉมทฤษฎีเพื่อรื้อผนังที่พวกเขาสร้างไว้ลงและมองหาพิมพ์เขียวที่เป็นองค์รวมและมีบูรณาการ พวกนิยมจอร์จเองก็จะนำเอาทฤษฎีที่ดินจากห้องใต้หลังคามาจัดวางให้เห็นเด่นชัดในห้องนั่งเล่น ความคิดแบบนีโอคลาสสิกที่ผิดพร่องอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องส่วนเกินของผู้ผลิต นั่นคือ ส่วนต่างระหว่างราคาสินค้าอย่างหนึ่งกับต้นทุนการผลิต พวกนีโอคลาสสิกลากเส้นอุปทานเฉียงขึ้นเพราะผู้ผลิตบางส่วนมีต้นทุนสูงขึ้นและจะต้องขายสินค้าแพงขึ้นเพื่อให้ได้กำไร แต่พวกนีโอคลาสสิกก็บอกด้วยว่าในอุตสาหกรรมประเภทที่มีการแข่งขันกัน ถ้าคิดในระยะยาว ห้างร้านจะได้กำไรเพียงในระดับปกติ นั่นคือ ผลตอบแทนโดยปกติสำหรับแรงงานและสินทรัพย์ ถ้ามีกำไรสูงกว่านั้น จะมีห้างร้านอื่นๆ เข้ามาร่วมผลิตสินค้าอย่างเดียวกันด้วยเพื่อหากำไรที่ได้สูงกว่าปกติ เมื่อมีผู้ผลิตมากขึ้น ราคาสินค้าชนิดนั้นก็ลดลง กำไรก็ลด แต่มีข้อขัดแย้งอย่างหนึ่ง ถ้ามีส่วนเกินของผู้ผลิต นั่นคือ กำไรนอกเหนือจากต้นทุนและผลตอบแทนตามปกติ แล้วจะไม่มีกำไรทางเศรษฐกิจได้อย่างไร? พวกนีโอไม่ได้คิดในข้อนี้ หรือไม่ก็เกิดอาการมึนงงแล้วก็เลยลดหย่อนเรื่องข้อสมมุติการไม่มีกำไรทางเศรษฐกิจไป ฝ่ายนิยมจอร์จสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ คือ ในตลาดที่มีการแข่งขัน เจ้าของผลผลิตไม่ได้รับส่วนเกินของผู้ผลิต มันตกไปเป็นของผู้จัดหาหรือให้ทรัพยากร แต่ไม่ใช่แรงงาน หรือสินค้าประเภททุน มันตกเป็นของเจ้าของปัจจัยซึ่งเคลื่อนย้ายไม่ได้ ขยายออกก็ไม่ได้ คือ ที่ดิน ส่วนเกินของผู้ผลิตคือค่าเช่าที่ดิน! ฝ่ายนีโอคลาสสิกมักจะอธิบายว่าการควบคุมราคา เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ และ การควบคุมค่าเช่า ก่อให้เกิดปัญหา เช่น การว่างงานเพิ่มขึ้น และ การขาดแคลนที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาก็ยังสงสัยในเรื่องความยากจน พวกเขาบอกว่าอาจต้องมีการควบคุมบางอย่างและมีแผนงานสวัสดิการ เพราะว่าในระบบตลาดเสรี บางคนก็ต้องยากจนลง ซึ่งฝ่ายนิยมจอร์จก็มองได้ชัดเจนกว่าอีก เฮนรี จอร์จได้อธิบายไว้ว่าทำไมจึงยังคงมีความยากจนอยู่ในท่ามกลางความเจริญก้าวหน้า ระบบตลาดเสรีจะขจัดความยากจนให้หมดไป แต่เฉพาะต่อเมื่อไม่มีสิ่งกีดขวางการค้าทั้งสิ้นอย่างแท้จริง รวมทั้งภาษีทั้งปวงที่เก็บจากการผลิตและการแลกเปลี่ยนขายซื้อ และเฉพาะต่อเมื่อมีการแบ่งปันค่าเช่าที่ดินหรือเก็บภาษีจากค่าเช่าที่ดินแล้วเท่านั้น พวกนีโอคลาสสิกมีความฉงนสนเท่ห์เพราะเห็นรอยยิ้มกว้าง แต่ไม่เห็นตัว ในขณะที่พวกนิยมจอร์จมองเห็นว่าเป็นแมว แมวอ้วนกำลังยิ้มกว้าง เพราะมันได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่ผู้อื่นหว่านไว้ และประชาชนก็มองไม่เห็นแมว เพราะนักเศรษฐศาสตร์นีโอคลาสสิกของพวกเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีแมวอยู่ที่นั่น จะปรุงโฉมพวกนีโอคลาสสิกให้ได้สมบูรณ์ ฝ่ายนิยมจอร์จจะต้องสอนพวกเขาในเรื่องกฎว่าด้วยค่าเช่า และ กฎว่าด้วยค่าแรง เรื่องนี้อยู่ในทฤษฎีคลาสสิก แต่พวกนีโอคลาสสิกโยนมันทิ้งไปตอนที่ดึงเอาที่ดินขึ้นไปเก็บไว้บนห้องใต้หลังคา มันเป็นเพียงตัวแบบที่ดินซึ่งมีระดับผลิตภาพลดหลั่นกันลงไป ที่ดินที่มีผลิตภาพต่ำสุดที่ใช้กันอยู่เรียกกันว่า ที่ดินชายขอบ หรือ ขอบริมแห่งการผลิต (margin of production) ซึ่งเป็นที่ดินที่กำหนดระดับค่าแรงทั่วไป หลังจากจ่ายค่าแรงและค่าทุนแล้ว ส่วนที่เหลือคือส่วนเกิน ซึ่งคือ ค่าเช่าที่ดิน ถ้าฝ่ายนิยมจอร์จสามารถปรุงโฉมฝ่ายนีโอคลาสสิกได้ทุกคน จะเกิดความแตกต่างอย่างไร นักเศรษฐศาสตร์จะยกเอาเรื่องค่าเช่าที่ดินขึ้นเป็นศูนย์กลางของนโยบายเศรษฐกิจ และในไม่ช้าประชาชนจะเกิดความรู้ความเข้าใจ แล้วผู้จัดทำนโยบายก็จะไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ความยากจนจะถูกขุดรากถอนโคน ระบบรัฐสวัสดิการจะถูกขจัดไป [น่าจะหมายถึงรัฐสวัสดิการที่มิได้มุ่งเก็บภาษีมูลค่าที่ดิน หรือเมื่อหมดความยากจนแล้วก็ไม่ต้องมีรัฐสวัสดิการ] และกรณีขัดแย้งเรื่องที่ดินจะลดลง แต่จะทำการนี้ พวกนิยมจอร์จจะต้องมองชัดระดับ 20-20 พวกนิยมจอร์จจะต้องมีวิสัยทัศน์แจ่มชัด ไม่พร่ามัวไปเพราะสายตาพร่าด้วยทฤษฎีการเงินแบบรัฐมีอำนาจจัดการ และเพราะการมองการณ์ไม่ไกลด้วยบริษัทห้างร้านที่ตำหนิกล่าวโทษ สายตาที่แจ่มชัดจะต้องมีความเข้าใจทางจริยธรรมที่ว่าความชั่วร้ายประการเดียวก็คือการทำร้ายผู้อื่นโดยบังคับขู่เข็ญ ฝ่ายนิยมจอร์จจะต้องเข้าใจปัญหาประชาธิปไตยมวลชนและวิธีแก้ไข คือการออกเสียงในกลุ่มเล็กๆ ด้วยความเข้าใจดีนี้ ซึ่งไปไกลกว่าความคิดแบบคลาสสิกเล็กน้อย ฝ่ายนิยมจอร์จก็จะสามารถปรุงโฉมพวกนีโอคลาสสิกที่ก้าวพลาดและสะดุดให้กลายเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เยือกเย็นซึ่งรู้ทันสาเหตุและวิธีแก้ไขความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของพวกเรา.