*/
รวยรินกลิ่นชีวา วันฟ้าฝนหล่นพรำ ที่ริมฝั่งโขง .. | ||
![]() |
||
รวมภาพชีวิตเดินทาง ห้วงสั้นๆกับวันพิเศษๆ และ บรรยากาศที่พิเศษ ความสุขล่องลอยมากับสายฝน และ ไหลผ่านไปปะปนอยู่กับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยเนือย ชีวิตนี้ยังมีภาคความหวัง เป็นภาคต่อเรื่อยๆไม่สิ้นสุด |
||
View All ![]() |
Besame Macho | ||
![]() |
||
Besame Macho By Cesaria Evora _Latin Music |
||
View All ![]() |
<< | กันยายน 2008 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 |
. มนุษย์..ธรรมชาตินิยม และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในอุ้งมือทุนสามานย์ .. ช่วงนี้.. กระแสการคัดค้านการที่รัฐจะปล่อยให้เอกชนเช่าทำธุรกิจในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเริ่มกระพือโหมขึ้นมาทีละเล็กละน้อย .. กระแสคัดค้านนี้อาจจะเป็นเพียงกระแสแฟชั่น ลุกโชนเหมือนไฟไหม้ฟาง ลุกพรึบและก็มอดดับไปเมื่อสายลมแรงพัดผ่านมา หรือ อาจจะมอดดับไปเนื่องเพราะไม่มีเชื้อไฟใดๆมาต่อเติมให้มันได้ลุกโชนต่อ กระแสคัดค้านนี้อาจจะเป็นกระแสอนุรักษ์ที่แท้ เป็นกระแสสำนึกของผู้คนในสังคมที่ล้วนต่างมีการคุกรุ่นของไฟแห่งความรักและความห่วงแหนธรรมชาติอยู่ในกายและใจของแต่ละคนอยู่แล้ว เมื่อมีการจุดติด ไฟนั้นก็ลุกลามต่อ จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง จากสังคมหนึ่งไปสู่อีกสังคมหนึ่ง จากองค์กรหนึ่งไปสู่อีกองค์กร จนกระทั่งมันได้ก่อเกิดเป็นกระแสคัดค้านนโยบายรัฐบาลและกระแสห่วงแหนทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาทั่วประเทศ .. กระแสคัดค้านนี้อาจจะเหมือนกับกระแสประท้วงของนิสิต นักศึกษา ต่อกรณีการล่าสัตว์ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ของคณะนายตำรวจและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เมื่อเดือนเมษายน ปี ๒๕๑๖ ก็เป็นได้ .. เพราะจากประเด็นเล็กๆในหน้าหนังสือพิมพ์ถูกองค์การนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย นำไปต่อยอดหาข้อมูลมาตีแผ่ออกสู่สังคม และ หนังสือพิมพ์สื่อสารมวลชนในขณะนั้นได้ร่วมกันกัดไม่ปล่อยอีกแรงทำให้เกิดแรงกระเพื่อมของกระแสการต่อต้านไปทั่วแผ่นดิน.. จนกระทั่งมีการแฉ สืบสาวล้วงลึกไปถึงพฤติกรรมเลวทรามอื่นๆของรัฐบาลเผด็จการจอมพลถนอม กิตติขจร .. จนกระทั่งมีการต่อยอดไปถึงการตั้งเวทีประท้วงขับไล่รัฐบาลเผด็จการของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ จนกระทั่งมีการต่อยอดไปถึงการเดินขบวนของนิสิตนักศึกษาครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ไทย เพื่อขับไล่เผด็จการ และ เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ปฏิเสธไม่ได้ว่า..กระแสคัดค้าน หรือ เวทีทัศนะเล็กๆเวทีอย่างนี้ อาจจะขยายผลต่อยอดไปเป็นเวทีใหญ่ๆ เวทีสาธารณะขนาดใหญ่ ที่จะจุดประกายการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนและจริงจังของคนไทยทุกภาคส่วนทั่วทั้งประเทศต่อไปก็เป็นได้ ............................................ . จากวันนั้นในอดีต .. จนกระทั่งถึงวันที่เสียงปืนดัง เปรี้ยง! ปลิดชีพ สืบ นาคะเสถียร ข้าราชการป่าไม้นักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยงของเมืองไทย กระแสอนุรักษ์ธรรมชาติของสังคมก็ยังคงไหลนิ่งเอื่อยเฉื่อยเนือยมาโดยตลอด อาจจะมีลุกโหมเป็นแรงฮึดฮัดขึ้นมาบ้างในช่วงระยะเวลาสั้นๆภายหลังจากที่คุณสืบได้ปลิดชีวิตตัวเองลงไปเพื่อแลกกับกระแสความสนใจของคนในสังคมให้หันมาอนุรักษ์และรักษาผืนป่าธรรมชาติของแผ่นดินไว้ แต่ว่าภายหลังจากนั้นไม่นานกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติก็เอื่อยเฉื่อยเนือยมาโดยตลอดเหมือนเดิม ไม่มีการเรียกร้องกฎหมายเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างจริงๆจังๆเสียที และ ไม่มีนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ในอดีตที่ผ่านมา.. ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยเรา ถูกรุกล้ำถูกทำลายโดยกลุ่มพ่อค้านายทุน นักการเมือง ข้าราชการป่าไม้ ทหาร ตำรวจ เจ้าพ่ออิทธิพลในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ โดยผ่านมือของประชาชน ชาวบ้านผู้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน พ่อค้านายทุน สนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือในการรุกล้างถางป่าให้แก่ชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น เลื่อยมือ เลื่อยโซ่ยนต์ รถบรรทุก ฯลฯ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยาน ทหาร ตำรวจ หลายต่อหลายคน ต่างรู้เห็นเป็นใจในการเปิดเส้นทางลำเลียงขนถ่าย ในขณะเดียวกันนักการเมืองก็ช่วยกันเป็นมือเป็นตีนให้กลุ่มพ่อค้านายทุน คอยสกัดกั้นไม่ให้มีการเพิ่มงบประมาณในการจัดหาเจ้าหน้าที่และอาวุธยุทโธปกรณ์ในการดูแลรักษาป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติมาโดยตลอด อย่าได้แปลกใจ .. ถ้าหากวันนี้กระทรวงทรัพย์ฯ หรือ แม้แต่ทางอุทยานแห่งชาติ จะออกมาบอกว่ารัฐบาลไม่มีปัญญาที่จะบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ และ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ จำเป็นต้องให้เอกชนเข้ามาเช่าและบริหารจัดการแทนในหลายๆด้านเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร อย่าได้แปลกใจ เพราะนี่คือ ..เส้นทางที่พวกเขาขีดร่างกันไว้แล้ว !! ...................................................... . การถือกำเนิดเกิดขึ้นมา.. ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม .. ภายใต้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ในรัฐบาลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายศาลคดีความอาญา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งและถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเจตนารมณ์อันดี ทว่า..มีวัตถุประสงค์อันเลวร้ายแฝงเร้นซ่อนอยู่ โดยเฉพาะนโยบายหลักข้อต่างๆเกี่ยวกับการจัดการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ขอยกตัวอย่างนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติมาให้ศึกษากันดังนี้ ............................................ นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติ ประเมินสถานภาพและศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทและความหลากหลายทางชีวภาพ สงวน อนุรักษ์ พัฒนา ฟื้นฟู เพื่อดำรงสภาพสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและจัดการใช้ประโยชน์ เพื่อตอบสนองความต้องการตามศักยภาพให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภท เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า จัดทำระเบียบ กฎเกณฑ์ และระบบการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนท้องถิ่นและประชาชนทุกกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งแบ่งปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรม ตลอดจนกำหนดข้อเสนอแนะ แนวทาง และมาตรการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภทอย่างยั่งยืนและสอดคล้องกับสถานการณ์บนฐานข้อมูลจากการวิจัยและพัฒนา .................................................................. โดยเฉพาะนโยบาย ๒ ข้อสุดท้าย เราจะเห็นได้ชัดถึงความหมกเม็ดของรัฐบาล "ทุนนิยมสามานย์" เพราะจากนโยบายหมกเม็ดเหล่านี้มันจึงเป็นที่มาของนโยบายเขตอุทยานแห่งชาติที่จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าไปหาผลประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้คำพูดสวยหรูที่ว่า .. "เพื่อการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมืออาชีพ" ก่อนที่เราจะไปรับรู้ร่างกฎหมายสำคัญฉบับหนึ่งที่มีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมีจุดประสงค์หลักในการร่างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม .. เราลองมาช่วยกันขบคิดหาคำตอบต่อคำถามข้างล่างนี้กันหน่อยนะครับว่า.. เราจะอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ให้มีสภาพมั่นคงยั่งยืนอย่างไร..ในสถานการณ์ที่ทุนนิยมเป็นใหญ่คับฟ้า ?.. นี่คือ ปัญหาของการรุกคืบของทุน ที่เรามิอาจจะปฏิเสธได้ว่า..มันมีอยู่จริง ! และ มันยังคงรุกคืบตลอดเวลา !! .............................................. . ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ .. ภายหลังการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้นโยบายประชานิยมสวยหรูมากมาย และ หนึ่งในนั้นก็คือ นโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน .. รัฐบาลไทยรักไทยในสมัยนั้น ได้มีความพยายามอย่างหนักที่จะผลักดันเพื่อที่จะให้มีการประกาศใช้ ร่าง พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ .. มีการประชุมคณะรัฐมนตรีกันหลายรอบเพื่อข้อมติสนับสนุน ซึ่งก็แน่นอนว่าคณะรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆก็ล้วนแต่เห็นชอบด้วยกันทั้งนั้น อาจจะมีบ้างที่มีการติติงเพื่อให้มีการปรับปรุงในบางมาตราแต่ผลสุดท้ายก็เห็นชอบหมด .. ทว่า ..ร่าง พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษ นี้ ก็มีอันต้องพับเก็บไปก่อนเพราะเกิดกระแสต่อต้านจากนักวิชาการ และ กลุ่มเอ็นจีโอ ในหลายๆภาคส่วน โดยให้คำจำกัดความสั้นๆแก่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า "กฎหมายขายชาติ" .. . จะไม่ให้เรียกกฎหมายขายชาติได้ไง ก็ในเมื่อกฎหมายทาสที่ทำไว้กับไอเอ็มเอฟมันก็เอามารวมอยู่ในนี้เกือบหมดเพียงแต่ดัดแปลงพลิกแพลงไปจากเดิมบ้างเพื่อความกลมกลืน แถมยังไปยกเลิกกฎหมายดีๆที่คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติอีกมากมายเพื่อที่จะเปิดโอกาสให้รัฐบาลได้ ..ขายแผ่นดินไทย ได้ง่ายขึ้น !! ยกตัวอย่างมาให้ดูเพียง ๓ มาตรา ล่ะกัน ที่เกี่ยวข้องกับการขายทรัพยากรธรรมชาติโดยตรง ร่าง พ.ร.บ.นี้มีทั้งหมด ๑๑๐ มาตรา รอการปัดฝุ่นอยู่จนถึงทุกวันนี้ .. เผลอเมื่อไหร่ ? ประชาชนแพ้เมื่อไหร่ ?.. พวกทุนสามานย์มันหยิบขึ้นมาประกาศใช้ทันทีแน่นอน !!.. มาร่วมกันพิจารณาดีๆ โดยเฉพาะ ในส่วนที่ ๒ การได้มาซึ่งที่ดิน .. เพราะแค่ส่วนนี้ส่วนเดียวของ ร่าง พ.ร.บ. กฎหมายขายชาตินี้ ประเทศไทยก็หายวับเข้ามือนายทุนไปทั้งประเทศแล้ว !!! มาตรา ๒๓ ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ถ้ามีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ให้ดำเนินการโดยวิธีการจัดซื้อ เช่าซื้อ เช่าระยะยาว แลกเปลี่ยน ถมทะเล หรือโดยวิธีเวนคืน การจัดซื้อ เช่าซื้อ เช่าระยะยาว หรือแลกเปลี่ยน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่ได้มาโดยการจัดซื้อ เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน เวนคืน หรือที่ได้มาตามมาตรา ๒๙ หรือมาตรา ๓๑ ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเมื่อได้พัฒนาแล้ว ให้เขตเศรษฐกิจแต่ละเขตมีอำนาจขาย ให้เช่าซื้อ ให้เช่า หรือแลกเปลี่ยนได้ มาตรา ๒๙ ในกรณีที่จำเป็นและสมควร เมื่อได้ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้วว่ามีความเหมาะสม และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายแล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจถมทะเลเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ มาตรา ๓๐ ในกรณีที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตคุ้มครองและรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวต้องสอดคล้องกับแผนและแนวทางในการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และในกรณีจำเป็นให้ผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าวมีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ทั้งนี้ ตามที่เขตเศรษฐกิจพิเศษร้องขอ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ว่าการและเจ้าหน้าที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ผู้ว่าการกำหนดมีอำนาจเข้าไปครอบครอง พัฒนาหรือใช้ประโยชน์ หรือจัดหาประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตคุ้มครองและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตอุทยานแห่งชาติได้ตามความจำเป็น แต่ต้องไม่ทำให้สภาพแห่งป่าดังกล่าวต้องเสียหายจนเกินสมควร ทั้งนี้ ตามแผนปฏิบัติการที่ได้จัดทำร่วมกับเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกันดังกล่าว ให้เสนอคณะรัฐมนตรีชี้ขาด เมื่อคณะรัฐมนตรีวินิจฉัยเป็นประการใด ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามนั้น ผลตอบแทนที่ได้รับจากการใช้ประโยชน์หรือจัดหาผลประโยชน์เมื่อหักคืนต้นทุนและค่าใช้จ่ายแล้ว ให้ส่งเป็นรายได้ให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ............................................................... . เราจะเห็นจากมาตราที่อ้างมานี้ มีการซ่อนเร้นวัตถุประสงค์ร้ายแอบแฝงไว้ในเนื้อตัวบท ภาษาทางกฎหมายเขาเรียกว่าเป็นการ "หมกเม็ด" นั่นแหละ .. มีการใช้คำว่า "ตามความจำเป็น" และ "จนเกินสมควร" มาใช้ในวรรคสองของ มาตรา ๓๐ เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน .. หากใครยังไม่เข้าใจว่ากฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร? ก็ขออธิบายสั้นๆว่า กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดสรรพื้นที่เพื่อดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจในลักษณะพิเศษนอกเหนือไปจากนโยบายทางเศรษฐกิจหลักของประเทศ เพื่อช่วยในการขับเคลื่อนทุน และ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในหลายประเทศก็ทำกัน อย่างเช่น จีน และ อินเดีย เป็นต้น โดยเฉพาะจีนจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่นั้นก็เพราะว่าจีนมีการควบคุมและกำหนดทิศทางชัดเจน และ จีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ มีประเทศกว้างใหญ่ มีพื้นที่และประชากรมากมาย เขาจำเป็นต้องใช้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการแข่งขัน .. คำจำกัดความง่ายๆของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่เข้าใจง่ายๆ และ มองเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็คือ เขตทำมาหากินของกลุ่มนายทุนนั่นแหละ ส่วนจะเป็นกลุ่มนายทุนในชาติ หรือ นายทุนต่างชาติ นี่ก็แล้วแต่การผูกขาดกันไป แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่เขตพื้นที่เพื่อการแข่งขันอย่างเสรีแน่นอน .. ประเทศไทยเราตอนนี้ถ้าคิดจะมี คิดจะทำ แค่คิดก็ผิดแล้ว และ ยิ่งมีการลงมือร่าง และ มีการรับมติเห็นชอบของรัฐบาลไทยรักไทยสมัยนั้น ยิ่งทำให้เห็น ..เจตนารมณ์อันชั่วร้ายของระบอบทุนนิยมสามานย์ได้เป็นอย่างดี มีอีกหลายมาตราที่น่าศึกษา และ เราจะได้เห็นว่าทำไมกลุ่มทุนเหล่านี้จึงมีการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเอาเป็นเอาตาย จนถึงขนาดจะต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็ยอม .. เหตุผลเดียวสั้นๆง่ายๆก็คือ .. "ผลประโยชน์มันมากมายฉิบหายนั่นเอง" .. ทำได้ก็สบายกันไปชั่วลูกหลานเหลนโหลน เงินทองที่ได้มาจากการขายทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดินกินอีกสิบชั่วโคตรก็ไม่หมด .. .......................................... . วันนี้ .. ต่อข้ออ้างและคำถามจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม .. กับการตั้งแง่ประมาณว่าเป็นศรีธนญชัยกลับชาติมาเกิดในร่างเหลือบกินเมือง .. ขออธิบายและตอบสั้นๆง่ายๆว่า .. มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะไปเอาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ได้อย่างชาญฉลาด เหมือนคำพูดสวยหรูแต่แอบแฝงน้ำใจหลอกลวงของกระทรวงทรัพย์ฯ .. หากคุณเปิดโอกาสให้นายทุนเอกชน ไม่ว่าเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ ไม่ว่าในชาติหรือต่างชาติได้ลองแหย่เท้าเข้าไปเหยียบและแสวงหาผลประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติแล้ว รับรองได้ว่า ไม่เกิน ๕ - ๖ ปี พื้นที่นั้นๆมันจะกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม เป็นแหล่งธรรมชาติเสื่อมโทรมทันที สุดท้ายคุณก็จะเอามันไปแปลงเป็นทุนในด้านอื่นๆต่อไป เขตธุรกิจก็จะขยายคืบไปในธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ จะเอาคืนมาก็ไม่เป็นประโยชน์ สุดท้ายแหล่งธรรมชาติก็กลายเป็นเมืองและที่อยู่อาศัยของเศรษฐีมีเงินนายทุนข้ามชาติไปหมด .. ธรรมชาติ ก็เหมือนกับหญิงสาวบริสุทธิ์นั่นแหละ ..ซื้อขาย หรือ ปล่อยเช่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่มีทางที่ผู้ที่ซื้อไป หรือ ผู้ที่เช่าไปจะนำเธอกลับคืนสู่ธรรมชาติด้วยความบริสุทธิ์เหมือนเดิม !! ประเทศไทยเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้เราก็รุกธรรมชาติมากจนเกินเหตุแล้ว อีกหน่อยก็คงจะไม่มีธรรมชาติที่ไหนให้เรารุกได้อีก จริงอยู่โลกแห่งทุนนิยม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศก็ต้องอาศัยการระดมทุนเพื่อไปหมุนเวียนให้สภาพเศรษฐกิจมันคล่องตัว แต่ประเทศไทยตอนนี้ไม่เห็นมีปัจจัยใดที่จะมาส่งผลทำให้เราต้องมาขายผืนแผ่นดินกิน เอาธรรมชาติที่เป็นเพื่อนที่แสนดีของเราไปปล่อยให้..ใครก็ไม่รู้?? มาปู้ยี่ปู้ยำทำกำไรเข้ากระเป๋าตน .. รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด ไม่ควรจะมาหากินกับแหล่งธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นของส่วนรวม เป็นของคนทั้งประเทศ ไม่สมควรที่จะไปปักปันแบ่งซอยให้เอกชนถือครองกรรมสิทธิ์และทำธุรกิจเพราะสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่ยากเกินควบคุม สุดท้ายก็จะได้ไม่คุ้มเสีย ..และ สิ่งที่เสียไปมันก็ยากที่จะประเมินออกมาเป็นตัวเงินได้ ทางออกที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวมีหลายทาง การรองรับนักท่องเที่ยวก็ทำได้หลายทางเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การพัฒนาเมืองโดยรอบอุทยาน ให้เป็นแหล่งที่พัก แหล่งบันเทิง ของนักท่องเที่ยว ตรงนี้จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่ได้มากต่อมาก และ ไม่ไปผูกขาดอยู่ที่เอกชนบางกลุ่มบางพวกเท่านั้น และ ไม่ต้องรุกเข้าไปทำลายธรรมชาติด้วย อีกเรื่องก็คือการพัฒนาสำนักงานและบริเวณโดยรอบของที่ทำการอุทยานแห่งชาติให้ใหม่หมดทั่วประเทศ ทั้งบ้านพักรับรอง และ ที่พักกางเต็นท์ค้างแรม ควรจัดใหม่ให้มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการบริการนักท่องเที่ยว ควรจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัด ดูแลได้ง่าย เพื่อลดปัญหาขยะ ปัญหาเสียง ที่จะเข้าไปทำลายมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ทั้ง ป่าไม้ สัตว์น้ำ สัตว์ป่า ฯลฯ.. ตอนนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังจะกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมหลายต่อหลายแห่งด้วยกัน มันเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจรัฐบาลว่า .. ต่อให้คุณมีโรงแรมระดับห้าดาว มีรีสอร์ทสวยหรูเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันคอยบริการนักท่องเที่ยว หากธรรมชาติโดยรอบมันถูกทำลายความสวยงามลงไปแล้ว มันไม่บริสุทธิ์เหมือนเดิมแล้ว มันไม่สวยงามและไม่มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดเหมือนเดิมแล้ว .. นักท่องเที่ยวที่ไหนเขาจะอยากมาเที่ยว !!! .................................................. ข้อเสนอเดียว .. ที่จะมีต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างชาญฉลาดที่สุดก็คือ .. ปล่อยธรรมชาติ ให้เป็นธรรมชาติของเขาอยู่ต่อไปเช่นนั้นแหละ ..อย่าสร้าง อย่าแต่งเติมสิ่งแปลกปลอมใดๆเข้าไปอีกเลย เรามีหน้าที่เข้าไปเสพสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ธรรมชาติมีหน้าที่ดูแลและปกป้องเราไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน .. วันนี้โลกได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ประเทศที่มั่งคั่งมั่นคง ไม่จำเป็นต้องเป็นประเทศชาติที่มีเงินทองมากมายเสมอไป .. ประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีระบบนิเวศน์ที่สมดุล มีน้ำท่าที่สะอาด มีอากาศที่บริสุทธิ์นั่นต่างหาก ..ที่ค้ำจุนให้ชีวิตมนุษย์ในประเทศนั้นๆ มีความสุขอย่างแท้จริงและถาวรยาวนาน !!! ................................................. วินเซนต์ .. ขอนแก่น .. ๒๖ กันยายน ๒๕๕๑ .....................................................
ขอบคุณภาพและบทเพลงจากอินเตอร์เน็ท |
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |