*/
~*♥♥บันทึกด้วยภาพ♥♥*~ | ||
![]() |
||
~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~ |
||
View All ![]() |
วอนลมฝากรัก | ||
![]() |
||
วอนลมฝากรัก/หวานหวาน |
||
View All ![]() |
<< | ตุลาคม 2015 | >> | ||||
อา | จ | อ | พ | พฤ | ศ | ส |
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
นั่งรถไฟไปเกียวโต ไหว้พระที่วัดน้ำใส แปลกใจจัง สร้างวัดโดยไม่ต้องใช้ตะปูตอกเลยสักตัวเดียว . . . . เกียวโตเป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันไซ (Kansai) เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมายาวนานกว่าพันปี ตั้งแต่ปีคศ. 794 จนถึงปี 1868 ซึ่งในปัจจุบันยังคงเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศญี่ปุ่น เกียวโตจึงเป็นเมืองสำคัญที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งมักจะรอดพ้นจากการเป็นเป้าโจมตีต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงระเบิดนิวเคลียร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ทำให้เกียวโตยังคงสภาพวัด ศาลเจ้า และสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมาต่างๆเอาไว้ได้มากมายจนถึงทุกวันนี้ .
. . .
รถแล่นผ่านไปหลายสถานีผู้โดยสารก็มากขึ้นจนกระทั่งที่นั่งไม่พอ เดี๋ยวนี้ไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกัน หนีไม่พ้น "สังคมก้มหน้า" แต่ที่จริงก็มีประโยชน์นะ ทำให้เพลินใจดี ...ไม่ต้องจมปลักอยู่กับคำว่า "รอ" เพราะเวลาจะผ่านเราไปโดยไม่รู้ตัว . . . ต้องจำเอาไว้ว่าคันไซ ชิดขวาเวลาขึ้นบันไดเลื่อน เตือนใจเอาไว้จะได้ไม่มาปล่อยไก่สยามที่นี่ . . หรือที่เรารู้จักกันในชื่อวัดน้ำใส จากข้อมูลที่หามาบอกให้ขึ้นรถบัสหมายเลข 100 หรือ 206 แต่ว่าเรายังไม่อยากจะรอรถเมล์ เพราะมากันสามคน กะว่าจะเรียกแท็กซี่ก็คงจะคุ้มและเร็วกว่ากันเยอะ และแล้วเราก็ได้นั่งแท็กซี่คันงาม เบาะถูกหุ้มด้วยผ้าลูกไม้สีขาวสะอาดตา คนขับรถสุภาพมาก แท็กซี่ส่งเราได้แค่ปากทางเข้าวัด ...เราจ่ายค่าบริการไปหนึ่งพันเยน แล้วลงเดินบนถนนแคบๆขึ้นเนินเขาไปเรื่อยๆ . . . . เพราะเดิมมีร้านขายถ้วยชา และเครื่องปั้นดินเผาอยู่มากมาย ปัจจุบันก็ยังคงพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่มีร้านอาหาร ร้านขนม ร้านขายของที่ระลึกผุดขึ้นเต็มสองข้างทาง ที่ประทับใจมากๆ ก็คือพนักงานร้านขนมเค้ามีน้ำชาร้อนๆมาคอยต้อน...เอ๊ย!! มาต้อนรับลูกค้ารับที่หน้าร้าน และเชิญให้เข้าไปชิมขนมในร้านฟรีๆแบบไม่อั้น ถูกใจรสไหนก็ซื้อกลับบ้าน หรือจะเพียงแค่ชิมเฉยๆก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็ค่อยมาแวะซื้อตอนขากลับก็ได้เพราะใช้เส้นทางเดิมค่ะ . . . . หวานหวานเดินชิมความแตกต่างของทุกรส ถ้าออกจากร้านแล้วไปเช็คโลหิต ผลออกมาก็คงจะสมกับที่มีชื่อว่า "หวานหวาน" . .
อยากจะบอกว่าถ้าสองขาไม่แข็งแรงจริงๆแล้ว แค่ส่งใจมาก็พอ เพราะมาวัดนี้ต้องเดินขึ้นเขาลงเขาไกลเอาการอยู่ค่ะ . . โชคดีที่เรามาถึงวัดแต่เช้า คาดว่าจะถ่ายรูปสวยๆได้โดยไม่ย้อนแสง เอาหละ...แต่ตอนนี้จะถ่ายรูปคนอ่านไว้เป็นที่ระลึกก่อนหละนะคะ 1 - 2 - 3 แชะ!!! ...ขอบคุณค่ะ..อิอิ . . . . ตั้งอยู่ทางตะวันออกของนครเกียวโต บนเนินเขาฮิงายามา เขตฮิกาชิยามะ เมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต เป็นวัดในศาสนาพุทธ เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของญี่ปุ่น ประวัติของวัดย้อนหลังไปได้ถึงปี พ.ศ. 1341 แต่อาคารต่างๆที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2176 และอาคารหลักของวัดนี้ยังได้รับคัดลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นอีกด้วย ที่วัดนี้มีน้ำตกโอโตวะ (Otowa Waterfall) ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไหลผ่านทำให้เป็นที่มาของชื่อ “วัดน้ำใส” นอกจากนี้ยูเนสโกยังได้บันทึกยกวัดแห่งนี้ให้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) อาคารที่มีชื่อเสียงของวัดแห่งนี้ก็คืออาคารไม้ขนาดใหญ่ (Main Hall) เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน ที่ขึ้นชื่อของวัดนี้คือระเบียงของอาคารหลังใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนไหล่เขา รองรับด้วยเสาไม้ต้นมหึมาหลายต้น ระเบียงนี้ยื่นออกไปจากเนินเขาฮิงายามา ทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ เป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโต แต่เราไปช่วงใบไม้ร่วงเลยไม่ได้เห็นดอกซากุระบาน นอกจากนี้ในการก่อสร้างอาคารไม้ของวัดคิโยะมิซุนั้นใช้สลักไม้ยึดอาคาร แทนการใช้ตะปูตอก . . . . . . . เดินเข้าไปใกล้ๆแล้วแสบตาเพราะควันธูปฟุ้งกระจาย... จึงกราบพระด้วยใจ แล้วเดินไปชมวิวเมืองเกียวโตที่ระเบียง เห็นยอดไม้ ตึกรามบ้านช่องและโตเกียวทาวเวอร์สูงเด่นอยู่ลิบๆค่ะ และเมื่อมองจากระเบียงอาคารไม้หลังใหญ่ ลงไปข้างล่างจะเห็นว่ามีฝูงชนกำลังเข้าแถวอยู่ที่บริเวณบ่อน้ำ ไปส่องดูใกล้ๆกันค่ะ . . . ผู้มาเยี่ยมชมวัดกำลังเข้าคิวดื่มน้ำจากแม่น้ำสามสาย ซึ่งเป็นน้ำซับธรรมชาติที่ไหลลงมาจากยอดเขามานานนับพันปีแล้ว โดยมีความเชื่อว่า ถ้าใครได้ดื่ม น้ำสายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา น้ำสายที่ 2 จะสมหวังในความรัก น้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง เขามีวิธีการฆ่าเชื้อกระบวยที่ใช้รองน้ำอย่างรวดเร็วหลังจากรองน้ำดื่มแล้ว โดยให้นำกระบวยเข้าช่องฆ่าเชื้อด้วยแสงอุลตราไวโอเลต (UV) สุขอนามัยดีมาตรฐานญี่ปุ่นนะคะ สังเกตดูว่ายิ่งสายคนก็ยิ่งแน่น คิวยาวเหยียด ต่างก็ต้องอดทนยืนรอเพื่อที่จะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เดี๋ยวค่ะ..นิดนึง....บอกหน่อยได้ไหมว่าคุณๆจะเลือกดื่มน้ำสายไหนกันคะ . . . . . ที่สร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอะคุนินุชิโนะ มิโกะโตะ(Okuninushino Mikoto) ซึ่งเป็นเทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้ามี"ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน
LOVE STONE นี้ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร ระยะห่างนี้ว่าตามเค้านะคะเพราะไม่ได้วัดเองค่ะ.. อิอิ เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรักด้วยตัวเอง แต่ถ้าต้องมีคนคอยช่วยบอกทาง ก็หมายความว่าต้องมีคนช่วยเหลือ ความรักจึงจะสมหวัง ภาพหินข้างบนนี้ขอยืมเค้ามาค่ะ เห็นว่าดูแล้วได้อารมณ์ ด้วยมีสาวในชุดกิโมโนกำลังหลับตาเดินเสี่ยงทายอยู่พอดี (ขอบคุณเจ้าของภาพ www. familyadventureproject .org นะคะ) . . . ทอดอารมณ์ชมนกชมไม้ เสียดายที่ใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆร่วงไปหมดแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่เหลือดอกไม้สีสวยสดใส เอาไว้คอยปลอบใจอยู่สองสามต้น เมื่อหันหลังกลับไปมองอาคารไม้หลังใหญ่ ช่างน่ามหัศจรรย์แท้ๆ อาคารใหญ่สูงเด่นเป็นสง่าได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูตอกเลยสักตัวเดียว . . . . . อากาศเย็นๆได้ดื่มชาร้อนๆมีความสุขจริงๆนะคะ แต่ก็มิวายที่จะแวะชิมไอศครีมชาเขียว ...แหม ก็มาญี่ปุ่นทั้งที จะให้เดินเลยได้อย่างไรนะคะ สักคำไหมคะเพื่อนๆ . . . . . ไปลงแถวๆเกียวโตทาวเวอร์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าสถานีรถไฟเกียวโต หาอาหารมื้อกลางวันใส่ท้องแถวๆนั้น ...แต่ละเลียดอย่างไรก็ไม่หมด แหม..ก็รองท้องมาจากวัดแล้วด้วยนี่นา พออิ่มท้องแล้วก็เดินย่อยอาหาร ชมเมืองเกียวโตอีกสักพัก จึงนั่งรถไฟกลับไปลุยต่อที่โอซาก้า คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายในญี่ปุ่น เราจะต้องเก็บสัมภาระให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็จะถึงวันเดินทางกลับสยามเมืองยิ้มแล้วค่ะ . .
. . ขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาแวะมาเยี่ยมบ้านหวานหวานค่ะ ขอบคุณYouTube Beautiful Japanese Music - Cherry Blossoms/Derek Fiechterhttp://th.japantravel.com/http://www.talonjapan.com/ Wikipedia, the free encyclopedia ขอบคุณภาพตกแต่งจากอินเตอร์เน็ต http://www.glitter-graphics.com/
|
ถึง บล็อกเกอร์ ทุกท่าน โปรดอ่าน
ด้วยทาง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ติดต่อขอความร่วมมือ มายังเว็บไซต์และเว็บบล็อกต่าง ๆ รวมไปถึงเว็บบล็อก OKnation
ห้ามให้มีการเผยแพร่ผลงานอันมีลิขสิทธิ์ ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ บนเว็บ blog โดยกำหนดขอบเขตของสิ่งที่ห้ามทำ และสามารถทำได้ ดังนี้
ห้ามทำ - การใส่ผลงานเพลงต้นฉบับให้ฟัง ทั้งแบบควบคุมเพลงได้ หรือซ่อนเป็นพื้นหลัง และทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือ copy code คนอื่นมาใช้ - การเผยแพร่ file ให้ download ทั้งที่อยู่ใน server ของคุณเอง หรือฝากไว้ server คนอื่น สามารถทำได้ - เผยแพร่เนื้อเพลง ต้องระบุชื่อเพลงและชื่อผู้ร้องให้ชัดเจน - การใส่เพลงที่ร้องไว้เอง ต้องระบุชื่อผู้ร้องต้นฉบับให้ชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อโปรดปฎิบัติตาม มิเช่นนั้นทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ จะให้ฝ่ายดูแลลิขสิทธิ์ ดำเนินการเอาผิดกับท่านตามกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์
OKNATION
กฎกติกาการเขียนเรื่องและแสดงความคิดเห็น
1 การเขียน หรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต้องไม่หมิ่นเหม่ หรือกระทบต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
2. ไม่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม กับทั้งไม่มีภาพ วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร 3. ความขัดแย้งส่วนตัวที่เกิดจากการเขียนเรื่อง แสดงความคิดเห็น หรือในกล่องรับส่งข้อความ (หลังไมค์) ต้องไม่นำมาโพสหรือขยายความต่อในบล็อก และการโพสเรื่องส่วนตัว และการแสดงความคิดเห็น ต้องใช้ภาษาที่สุภาพเท่านั้น 4. พิจารณาเนื้อหาที่จะโพสก่อนเผยแพร่ให้รอบคอบ ว่าจะไม่เป็นการละเมิดกฎหมายใดใด และปิดคอมเมนต์หากจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน 5.การนำเรื่อง ภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่มิใช่ของตนเองมาลงในบล็อก ควรอ้างอิงแหล่งที่มา และ หลีกเลี่ยงการเผยแพร่สิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือวิธีการใดก็ตาม 6. เนื้อหาและความคิดเห็นในบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับทีมงานผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซต์ โดยถือเป็นความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวของสมาชิก คลิ้กอ่านเงื่อนไขทั้งหมดที่นี่"
OKnation ขอสงวนสิทธิ์ในการปิดบล็อก ลบเนื้อหาและความคิดเห็น ที่ขัดต่อความดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของบล็อกและเจ้าของความคิดเห็นนั้นๆ
|
||
![]() ![]() |