
มอสโคว์1 เมื่อเดือนมิถุนายนเพื่อนโทรมาชวนไปรัสเซีย สองจิตสองใจอยากไปก็อยากแต่ก็คิดว่ายังพอมีเวลาเอาไว้ไปตอนอายุมากกว่านี้ก็ได้ แต่มาคิดอีกทีถ้าเกิดเราอยากไปแล้วไม่มีใครไปด้วยล่ะจะทำอย่างไรดีก็เลยตัดสินใจไปดีกว่าเรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง คริ คริ 
พอตัดสินใจได้ว่าจะไปเที่ยวรัสเซียเราสามคนก็เริ่มหาข้อมูลกันค่ะ ว่าจะไปที่ไหนบ้างไปอย่างไรเตรียมพร้อมล่วงหน้าแม้กระทั่งแผนที่รถไฟใดินที่มอสโคว์  เตรียมไปเตรียมมาชักใจแป้วค่ะเพราะข้อมูลที่เราได้มาคือประเทศรัสเซียไม่เหมาะกับที่เราจะแบกเป้ไปกันเอง ควรจะไปกับทัวร์ดีกว่าเพราะ เราอาจจะไม่ปลอดภัย
 คนรัสเซียไม่เป็นมิตร คนรัสเซียไม่พูดภาษาอังกฤษ ป้ายต่างๆไม่มีภาษาอังกฤษ แกงค์สกินเฮดอาจจะมาดักจี้ ตำรวจอาจจะขอดูพาสปอร์ตและใบลงทะเบียนที่พัก อาจจะพูดกันไม่รู้เรื่อง เอาล่ะสิทำไงดี ทริปนี้ก็มากันได้แค่สามคนเพราะเพื่อนคนอื่นๆก็ไม่มีวันลาเหลือแล้ว
 ก็ต้องระมัดระวังให้มากที่สุดก็แล้วกัน ปลอบใจตัวเองว่าไม่ถึงที่ตายไม่วายชีวาวาตม์ เกิดมาก็ไม่เคยทำผิดคิดร้ายใครก็คงไม่โชคร้ายหรอก สู้ตายค่ะ เช้าวันที่8ตุลาคมเริ่มออกเดินทางโดยสายการบินไทย พอนั่งที่ปุ้บสจ๊วตก็มาทักทายอย่างดี สุภาพเรียบร้อยมากค่ะพอรู้ว่าไปกันเองก็ให้คำแนะนำต่างๆว่าต้องระวังอะไรบ้าง
 อย่างเช่นต้องสำเนาพาสปอร์ตไว้ อย่ายื่นพาสปอร์ตตัวจริงให้ใคร ระวังกระเป๋า เห็นเงินตกอย่าเก็บ อย่าเดินในที่เปลี่ยวยามค่ำคืน อย่าขึ้นรถไฟใต้ดินตอนดึกๆ ก่อนออกจากสนามบินต้องเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะมอสโคว์รถติดมากใช้เวลา2ชั่วโมงจากสนามบินเข้าเมืองหรืออาจ4ชั่วโมงถ้าหิมะตก และอื่นๆอีกเยอะแยะ ต้องขอขอบคุณอย่างมากเลยนะคะ
 เกือบห้าโมงเย็นเรามาถึงสนามบินเร็วจังเลย เรานัดแท็กซี่ไว้หกโมงครึ่ง เดินผ่านตรวจคนเข้าเมืองมามองหาป้ายชื่อพวกเราก็ไม่พบเพราะมันยังไม่ถึงเวลา แต่เราก็ใจไม่ดี ฟ้าเริ่มมืดมองหาที่นั่งรอดีกว่า หญิงสาวรัสเซียคนหนึ่งสวยด้วยคะขยับที่ให้นั่งพร้อมกับยิ้มทักทาย

และถามว่าเครื่องลงนานหรือยังเธอมารอรับแม่จากออสเตรีย เราก็เลยบอกว่าเรามาจากเมืองไทยน่าจะคนละลำกัน เธอก็ถามว่ามากันเองเหรอมีไกด์รัสเซียหรือเปล่า พอเราบอกว่าไม่มีเธอก็ว่า กล้าหาญมาก เธอก็บอกว่าแม่เธอก็ไปเที่ยวเองไทยมื่อปีที่แล้ว ชอบเมือไทยมาก นี่โชคดีจังที่เราเจอคนรัสเซียคนแรกก็พูดภาษาอังกฤษได้ เธอใช้โทรศัพท์ของเธอโทรถามโรงแรมให้เราว่าส่งรถมารับหรือยัง
 ยังไม่ทันจะได้คำตอบแม่เธอก็มาพอดี เธอขอตัววิ่งไปบอกแม่ก่อนแล้วจะกลับมาติดต่อให้พวกเราอีกครั้ง ระหว่างที่เธอลุกไป เพื่อนเราก็เจอกับแท็กซี่พอดี ก็เลยไปขอบคุณเธอที่มีน้ำใจ น่ารักจริงๆ
 ออกจากสนามบินมาก็หกโมงเย็นแล้วฟ้าเริ่มมืดฝนก็ตกปรอยๆ นั่งชมวิวในฤดูใบไม้ร่วง ผ่านรถติดเราก็มาถึงที่พักตอนสองทุ่ม มืดสนิท อากาศหนาวมากด้วย ก็เลยตัดสินใจดื่มอะไรอุ่นๆแล้วพักผ่อนเลยดีกว่า
 ก่อนนอนเราถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โรงแรมถึงเรื่องการไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เราวางแผนกันไว้ว่าจะไปเที่ยวที่เซน์ปีเตอร์สเบิร์กสักสามวันค่ะจองที่พักไว้แล้วแล้วค่อยกลับมาเที่ยวมอสโคว์ต่อจนกระทั่งกลับเมืองไทย

แมวที่ร้านขายของชำ ข้างๆที่พักค่ะ ขนแน่นตึ้บเลยค่ะ  วันรุ่งขึ้น9ตุลาเราตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า แหมทำยังกะเป็นทัวร์ 6 7 8 หกโมงเช้าตื่น เจ็ดโมงเช้ารับประทานอาหารเช้า แปดโมงเริ่มเที่ยว.. แต่ทริปนี้ของเราเรียกว่าทัวร์ 5 6 7 ค่ะ ห้าโมงเย็นกลับที่พัก หกโมงเย็นรับประทานอาหารเย็น หนึ่งทุ่มนอน ก้าก ก้าก
 ที่ต้องตื่นเช้าเพราะเรากะว่าจะซื้อตั๋วให้เรียบร้อยก่อนแล้วก็ออกไปเที่ยวในมอสโคว์จนค่ำก็ขึ้นรถไฟไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลย ออกจากที่พักประมาณเกือบแปดโมงเช้า ยังไม่สว่างดีเลย เดินออกมาประมาณสามสี่ร้อยเมตรก็มาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน park kutury ต้องนั่งไปลงที่สถานี komsomolskaya ค่ารถไฟใต้ดิน 17 รูเบิลตลอดสาย คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ25บาท

 เดินชมวิวมาเรื่อยๆก็มาถึงสถานี โอยจะเป็นลม ผู้คนเยอะมากเบียดเสียดยัดเยียด ยังไม่มีการขายตั๋วด้วยเครื่อง แต่คงมีระบบตั๋วเดือนเพราะเห็นหลายคนเดินเข้าไปเสียบบัตรได้เลย เราซื้อตั๋วเสร็จก็ลงบันไดเลื่อนไปลึกมาก มองผู้คนฝั่งตรงข้ามแล้วสยองนิดๆค่ะเพราะเขาแต่งตัวด้วยเสือผ้าสีเข้ม หน้าเรียบเฉย ยังกะผีดิบแน่ะ น่ากลัว
 ระบบรถไฟใต้ดินที่นี่ดีมากเลยค่ะ สถานีสวย รถไฟมาทุกๆหนึ่งนาที ตอนแรกเราฟังภาษารัสเซียไม่รู้เรื่องก็ใชวิธีนับสถานี พอครบเจ็ดสถานีก็ลง ปรากฏว่าเลยค่ะ ก็นั่งย้อนกลับไปอีกสองสถานีคราวนี้ฟังเสียงประกาศพอได้ยินว่า ...คอมโซโมสก้าย่า ....ก็ลงเลย ออกมาจากสถานีก็เดินหาสถานีรถไฟที่จะไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อยู่ไม่ไกลค่ะ
 ไปถึงก็เดินหาช่องขายตั๋วคราวนี้เราเหมือนคนหูหนวกตาบอดแล้วเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง อ่านภาษารัสเซียก็ไม่ออก พอถึงคิวของเราซื้อตั๋วเขาขอดพาสปอร์ตกับวีซ่า เราพยายามอธิบายว่าคนไทยไม่ต้องขอวีซ่าก็ไม่ยอมขายให้ก็เลยนึกได้ว่าต้องมีการลงทะเบียนที่ที่พักก่อน เลยตัดสินใจนั่งรถไฟกลับมาที่พักก่อนแล้วเตรียมกระเป๋าไปด้วยเผื่อซื้อตั๋วได้จะได้เดินเที่ยวอยู่แถวนั้นไม่ต้องกลับมาที่พักอีก
 กลับมาถึงสถานีรถไฟอีกรอบคราวนี้เจอคเดิมขายตั๋วอีกทำไงดีหนอ ข้างหน้าเราเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางจะพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยเจรจาขอให้เขาช่วยซื้อตั๋วให้เรา ก็เจอแบบเดิมอีกค่ะ คือไม่ยอมขายตั๋วให้เพราะเราไม่มีวีซ่า เด็กหนุ่มคนนี้ก็พยายามพาเราไปติดต่อหลายๆที่เพื่อจะถามว่าทำยังไงเราถึงจะซื้อตั๋วได้ เป็นเด็กที่มีน้ำใจจริงๆค่ะ เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมอสโคว์ วิชาเอกปรัชญา ชั้นปีที่สอง
 พาไปถามหลายที่จนคำตอบสุดท้ายคือต้องไปถามที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว อยู่ภายในอาคารเดียวกัน พอไปถึงประตูก็ปิดสนิทไม่มีวี่แววว่าจะเปิดเลย คนรออยู่ข้างหน้าเต็มไปหมดไม่มีที่นั่งด้วย ไม่รู้ว่าเขารออะไรกันด้วย เรารู้สึกเกรงใจนักศึกษาที่ช่วยเป็นธุระให้เราเพราะเสียเวลามากแล้ว ก็เลยถามว่าเขามีธุระหรือเปล่า
 เขาก็บอกว่ามีและเขาก็เสียใจที่ช่วยเราได้ไม่ตลอด เราก็บอกว่าไม่เป็นไรแค่นี้ก็รบกวนมากแล้ว ขอบคุณมากๆๆๆๆ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ประทับใจมากค่ะ เรารออยู่ประมาณหนึ่งชัวโมงศูนย์ขับไล่นักท่องเที่ยว กิกิ ก็ไม่เปิดสักที ก็เลยมาวางแผนกันใหม่ว่าไม่ไปแล้วมั้งเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แล้วใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในมอสโคว์เลย ทุกคนตกลง หายเครียดเลยค่ะ ว่าแล้วก็ออกมาเดินเล่นรอบๆบริเวณนี้ก่อนกลับที่พัก
 ที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจากกระทรวงการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมอสโคว์ และที่ใกล้มากคือสถานทูตเนปาลประจำรัสเซียค่ะ
 นั่งรถไฟใต้ดินเจ้าเก่ากลับมาที่พัก แล้วก็เดินเล่นละแวกนั้น อาหารเย็นคือแม็ค โดนัลด์ค่ะ สาขาใกล้ๆมหาวิทยาลัยมอสโคว์ แล้วก็เข้าไปสำรวจซุปเปอร์มาร์เก็ตในนั้นว่ามีอะไรขายบ้าง ก็ไปเจอผลไม้จากเมืองไทยค่ะ มังคุดกิโละเจ็ดร้อยกว่าบาท แพ็คละสามลูก ราคา71รูเบิลเกือบร้อยบาท จะเป็นลมตาย บ้านเราโลละสิบบาท กินทีละเป็นกิโล ไม่ใช่กินทีละลูก
 อีกอย่างหนึ่งที่พบคือมะขามหวานค่ะ แพ็คหนึ่งมีสี่ฝักราคาประมาณห้าสิบบาทค่ะ กลับถึงที่พักราวๆสองทุ่มมานั่งดูแผนที่รถไฟใต้ดินว่าพรุ่งนี้จะไปไหนต่อ ลงสถานีไหน สักพักก็เข้านอน เวลาเมืองไทยก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว นอนเวลาไทยตื่นเวลารัสเซีย 55555
 วันนี้พาชมแค่นี้ก่อนนะคะ ตอนต่อไปจะพาไปชมแม่น้ำมอสโคว์ กับโบสถ์งามๆริมแม่น้ำค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ สวัสดีค่ะ
|